กรุงเทพฯ 19 ก.ค. – 4 ผู้เสียหายสุดทนร้องตำรวจสอบสวนกลางช่วยตามจับผู้กองกำมะลอ หลอกขอยืมรถไปใช้แต่สุดท้ายเชิดรถหนี พบประวัติถูกปลดออกตั้งแต่ปี 2559 แต่ตระเวนก่อเหตุทั่วโคราชมูลค่าความเสียหายเกือบ 2 ล้านบาท
รายแรกผู้เสียหาย 3 คน ถูกอดีตตำรวจกับเมียยืมรถยนต์ 3 คันไปใช้ ก่อนเอาไปจำนำ แจ้งความ สภ.เมืองนครราชสีมา แล้วคดีไม่คืบหน้า และรายที่ 2 เป็นครูเอารถปิคอัพไปจำนำไว้ 50,000 บาท แต่พอจะขอคืน คนรับจำนำบอกเอาไปจำนำต่ออีกทอด ราคา 1.4 แสนบาท ถ้าต้องการรถคืนต้องจ่ายต้น และดอกเบี้ย แจ้งความ สน.ดอนเมือง 4 เดือน คดีไม่คืบหน้า
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 19 ก.ค. ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพจ “จ่าคิงส์ สะพานใหม่” พาผู้เสียหายทั้ง 4 คน เข้าแจ้งความกับศูนย์รับแจ้งความพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามให้ดำเนินคดีกับร้อยตำรวจเอกนายหนึ่ง ซึ่งใช้ชื่อว่า “ผู้กองจิ” หรือ “ผู้กองจอน” ซึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจของ สภ.ปากช่อง และ สภ.เมืองนครราชสีมา โดยผู้เสียหายทุกคนถูกหลอกให้ยืมรถไปใช้ก่อนที่จะเชิดรถหลบหนีไป โดยบ่ายเบี่ยงไม่ยอมนำมาคืนให้ตั้งแต่ปี 2563 และอีกหลายคดีเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
หนึ่งในผู้เสียหายรายหนึ่งเปิดเผยว่าผู้กองคนดังกล่าวเป็นน้องเขยของตนเอง มาติดต่อขอยืมรถตั้งแต่เมื่อเดือน เม.ย.66 ที่ผ่านมา โดยอ้างว่าภรรยาจะคลอดลูกจึงต้องขอยืมรถเพื่อนำใช้รับส่ง แต่ต่อมาหลังจากยืมรถไปใช้ได้สักพักหนึ่งตนเองก็ติดต่อขอรถคืนแต่ผู้กองคนดังกล่าวกับบ่ายเบี่ยงและตัดการติดต่อไป นอกจากนี้ยังมีผู้เสียหายซึ่งเป็นทหารบกนายหนึ่งก็ถูกหลอกในลักษณะใกล้เคียงกันโดยเจ้าตัวโพสต์เฟซบุ๊กเพื่อหาคนช่วยรับส่งรถต่อจนกระทั่งผู้กองจอนติดต่อผ่านทางเฟซบุ๊ก ว่าจะส่งรถต่อให้จึงได้มีการทำสัญญาและนำรถไปแต่ปรากฏว่ารถกลับขาดส่งไปนานถึง 5 เดือน และถูกเจ้าหนี้ของผู้กองจอนติดต่อมาทวงเงินอีกหลายรายเมื่อติดต่อไปหาเจ้าตัวก็บ่ายเบี่ยงต่างๆ นานาก่อนจะตัดการติดต่อไป
ส่วนผู้เสียหายอีกรายถูก “ผู้กองจอน” เข้ามาตีสนิทกับน้องสาวและมาติดต่อขอยืมรถของตัวเอง เพื่อไปทำธุระแต่เมื่อนำรถไปใช้ก็หายตัวไปและพยายามติดต่อขอรถคืนก็บ่ายเบี่ยงเหมือนกับผู้เสียหายรายอื่นๆ จนทำให้ทั้ง 3 คน ต้องเดือดร้อนส่งรถกับไฟแนนซ์มูลค่าความเสียหายรวมแล้วเกือบ 2 ล้านบาท
ทั้งนี้กลุ่มผู้เสียหายได้ไปพยายามติดต่อที่ สภ.ต้นสังกัดของผู้กองคนดังกล่าวกลับได้รับการปฏิเสธจากผู้บังคับบัญชาว่าไม่มีตำรวจนายดังกล่าวปฏิบัติหน้าที่อยู่ จึงสืบข้อมูลย้อนกลับไปจนพบว่าตำรวจนายดังกล่าวถูกปลดประจำการตั้งแต่ปี 2559 จึงอยากให้ตำรวจกองบังคับการปราบปรามดำเนินการจับกุมผู้กองกำมะลอคนดังกล่าวมาดำเนินคดีและติดตามนำรถที่ได้ไปหรือชดใช้ความเสียหายคืน
นอกจากกรณีดังกล่าวยังมีผู้เสียหายรายที่ 4 เป็นครูโรงเรียนแห่งหนึ่งในเขตดอนเมืองกรุงเทพฯ นำรถไปจำนำกับ “นายกาย” K.Guy” อ้างตัวเป็นนักธุรกิจรับจำนำรถย่านสรงประภาเมื่อวันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมา ด้วยยอดเงิน 50,000 บาท ต่อมาได้นำเงินมาคืนให้และติดต่อขอรับรถคืนแต่เจ้าตัวกลับบ่ายเบี่ยงไม่นำรถมาคืนให้โดยอ้างว่าไม่สามารถนำรถออกจากโกดังได้เนื่องจากติดช่วงเทศกาลสงกรานต์และบ่ายเบี่ยงอีกครั้งว่าไม่สามารถนำรถออกมาได้เนื่องจากติดช่วงเลือกตั้งก่อนตัดการติดต่อไปจึงตัดสินใจแจ้งความที่ สน.ดอนเมือง ช่วงแรกตำรวจไม่ยอมรับแจ้งความจึงให้เพื่อนที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจติดต่อให้จนสามารถลงบันทึกประจำวันได้และติดต่อต่อเจ้าตัวอีกครั้งก็ยังคงบ่ายเบี่ยงและอ้างว่านำรถคันดังกล่าวไปจำนำต่ออีกทอดหนึ่งแล้วพร้อมกับผลักภาระให้กับผู้เสียหายช่วยหาเงิน 147,000 บาท มาชดใช้หนี้แทนและจะนำรถออกมาให้ทันที
จึงตัดสินใจแจ้งความดำเนินคดี กระทั่งตำรวจดำเนินการออกหมายเรียกให้ แต่คนรับจำนำก็ไม่ยอมเข้ามาพบตำรวจตามหมายเรียกโดยล่าสุดคดีผ่านไปนานกว่า 4 เดือนแล้วแต่ตำรวจก็ยังไม่ยอมออกหมายจับหรือควบคุมตัวบุคคลดังกล่าวมาดำเนินคดี จึงอยากเรียกร้องให้ตำรวจสอบสวนกลางช่วยติดตามคนร้ายและนำรถกลับมาคืนให้ เพราะทราบว่านายกายเป็นลูกน้องของบุคคลผู้มีอิทธิพลในพื้นที่และยังมีหมายจับฉ้อโกงติดตัวอยู่อีกหลายคดี
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนแยกสอบปากคำผู้เสียหายทั้ง 4 ราย ก่อนเสนอผู้บังคับบัญชาดำเนินการช่วยเหลือผู้เสียหายแต่ละรายต่อไป. -สำนักข่าวไทย