17 ก.ค. – พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง แถลงผลการจับกุมขบวนการขนแรงงานเถื่อนตามหมายจับศาลจังหวัดทองผาภูมิ และศาลจังหวัดหลังสวน
โดยคดีนี้ เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคมที่ผ่านมา ตำรวจ ตม.กาญจนบุรี สามารถจับกุมผู้ต้องหา 2 ราย คือนายซูก้า (นามสมมติ) และ น.ส.นิตาเว (นามสมมติ) สองสามีภรรยาสัญชาติเมียนมา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดทองผาภูมิ ข้อหาร่วมกันซ่อนเร้น ช่วยเหลือ หรือช่วยเหลือประการใด ๆ แก่คนต่างด้าวที่หลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายให้พ้นจากการจับกุม และหมายจับ ศาลจังหวัดหลังสวน ข้อหาร่วมกันใช้จ้างวานให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานร่วมกันให้เข้าพักอาศัย ช่วยซ่อนเร้น หรือช่วยเหลือประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม โดยสามารถติดตามจับกุมได้ขณะที่ทั้งสองหลบซ่อนในบ้านเช่าแห่งหนึ่ง ที่ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี
โดยสืบเนื่องจากทั้งสองคนนี้ มีพฤติการณ์เป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการว่าจ้างลูกน้อง ดำเนินการขนแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งเป็นการขยายผลจากการจับกุมรถขนแรงงานต่างด้าวใน 2 พื้นที่
พื้นที่แรกที่ จ.ชุมพร เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ตำรวจสามารถจับกุมรถขนแรงงานต่างด้าว 3 คัน ซึ่งขนแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมา 89 คน พร้อมคนไทยที่ร่วมกัน ให้การช่วยเหลือในการขนแรงงานต่างด้าวอีก 4 คน โดยทั้งหมดให้การซัดทอดว่า มีเจ๊ดา หรือนางสาวนิตาเว เป็นผู้ว่าจ้างให้ขนแรงงานต่างด้าวจาก จ.กาญจนบุรี ไปส่งที่ จ.สงขลา โดยมีนายซูก้า เป็นผู้กำหนดเส้นทางให้กับรถขนแรงงานทั้ง 3 คัน
พื้นที่ที่ 2 ใน จ.กาญจนบุรี เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ตำรวจสามารถจับกุมคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมา 115 คน พร้อมรถบรรทุกแรงงานต่างด้าวอีก 2 คัน ในพื้นที่ป่า อ.ทองผาภูมิ ซึ่งจากการสืบสวนพบว่าผู้ต้องหาทั้งสอง เป็นผู้ว่าจ้างและอยู่เบื้องหลัง นำคนต่างด้าวกลุ่มนี้มาพักไว้ที่ป่าใน อ.ทองผาภูมิ ก่อนจะลำเลียงส่งไปใช้แรงงานที่ จ.สงขลา และ จ.สมุทรสาคร
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ศาลจังหวัดทองผาภูมิใน จ.กาญจนบุรี และศาลจังหวัดหลังสวนใน จ.ชุมพร อนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งสอง จนนำมาสู่การสืบสวนและขยายผลจับกุมดังกล่าว ทั้งนี้พบว่า ผู้ต้องหาทั้งสองเข้ามาพำนักในประเทศไทยโดยถูกกฎหมายมานานแล้ว ซึ่งอยู่ในระหว่างการสืบสวนหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมว่า ผู้ต้องหาทั้งสองได้ก่อเหตุลักลอบขนแรงงานต่างด้าวมากกว่า 2 ครั้งหลังสุดที่สามารถจับกุมได้หรือไม่
ส่วนอีกคดี พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง แถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาข้ามชาติ คดีอนาจารเด็กอายุ 9 ขวบ ชาวสหรัฐอเมริกา ที่มากบดานหลบหนีคดีในประเทศไทย
สืบเนื่องจากทางตำรวจ ตม. ได้รับการประสานงานจากสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ว่ามีผู้ต้องหาตามหมายจับคดีอนาจารเด็กอายุ 9 ขวบ จากประเทศสหรัฐ ชื่อ MR.MAYES หรือนายมาเยส (นามสมมติ) อายุ 30 ปี สัญชาติอเมริกัน ซึ่งก่อเหตุหลายครั้ง รวม 8 กระทง หลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทย
ชุดสืบสวน ตม. ร่วมกับตำรวจ ตม. จังหวัดภูเก็ต ทำการสืบสวนจนพบว่า นายมาเยสได้เดินทางเข้ามาในประเทศไมย เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2565 ด้วยวีซ่านักท่องเที่ยว 30 วัน ซึ่งตอนนั้นยังไม่พบประวัติถูกออกหมายจับจากสหรัฐ ก่อนต่อมาได้รับอนุญาตให้อยู่ต่อในราชอาณาจักรประเภทคนอยู่ชั่วคราว ซึ่งการอนุญาตดังกล่าวยังไม่สิ้นสุด ทางตำรวจ ตม. จึงได้อนุมัติเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของนายมาเยสในทันที เนื่องจากเป็นบุคคลที่รัฐบาลต่างประเทศได้ออกหมายจับ
ต่อมา 16 กรกฎาคม 2566 ชุดสืบสวนสืบทราบว่า นายมาเยส พักอาศัยอยู่ที่บ้านแห่งหนึ่งใน ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต จึงได้เฝ้าติดตามตัวและเข้าทำการตรวจสอบ พบว่าเป็นบุคคลที่ตรงตามหมายจับของสหรัฐอเมริกา จึงแจ้งการเพิกถอนอนุญาตอยู่ในราชอาณาจักรและส่งตัวนายมาเยส ให้ทาง ตม.ภูเก็ต ดำเนินการส่งตัวไปดำเนินคดีตามหมายจับที่สหรัฐอเมริกาต่อไป. -สำนักข่าวไทย