รวบ “สุนทรฟู่” อดีตครูดีเด่น ดำดิ่งสู่ “มิจฉาชีพ”

กทม. 14 ก.ค.-อุทาหรณ์ชีวิต! สืบนครบาลรวบ “สุนทรฟู่” อดีตครูดีเด่น เกียรตินิยมอันดับ 1 ดำดิ่งสู่ “มิจฉาชีพ” หลอกเหยื่อในแวดวงครู นักเรียนไม่ต่ำกว่า 100 ราย เจ้าหน้าที่อึ้งเจ้าตัวลั่นกลอนสด ขอโอกาสสังคมให้อภัย

เพจสืบนครบาล IDMB ลาดตระเวนออน์ไลน์พบภัยสังคมต่ออาชีพครู นักเรียน นักศึกษา โดยคนร้ายในนาม สุนทรฟู่ หรือครูฟู่ (อดีตครู) หลอกลวงกิจกรรมในแวดวงครู มีผู้ตกเป็นเหยื่อไม่ต่ำกว่า 100 ราย ความเสียหายกว่าแสนบาท เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2566 ติดตามจับกุมตัวนายวิวัฒน์ หรือครูฟู่ หรือสุนทรฟู่ อายุ 36 ปี ซึ่งก่อเหตุตระเวนหลอกลวงผู้อื่นจนถูกแจ้งความดำเนินคดีมากมาย ล่าสุดถูกออกหมายจับกว่า 4 หมายจับ


ประวัติ สุนทรฟู่หรือ “ครูฟู่” อดีตครูสอนภาษาไทยโรงเรียนชื่อดังในพื้นที่ จ.กรุงเทพฯ ผู้มากความสามารถจบการศึกษาชั้นปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยชื่อดังด้วยเกียรตินิยมอันดับ 1 และในการรับราชการสุดรุ่งถึงขั้นได้รับรางวัล “ครูภาษาไทยดีเด่นแห่งชาติ” ประจำปี 2560 ซึ่งความเก่งของครูฟู่นั้นเหลือล้น จนได้รับสมยานามว่า “สุนทรฟู่” แต่แล้วชีวิตจริงยิ่งกว่านิยาย เส้นทางชีวิตที่กำลังโลดแล่นของครูฟู่พลิกผันจากครูหนุ่มอนาคตไกล เริ่มดำดิ่งสู่การเป็น “มิจฉาชีพ” เนื่องจาก “ติดการพนัน” และนำเงินไปเปย์ให้กับแฟนหนุ่มที่เป็น LGBTQ กระทั่งปี 2563 ครูฟู่ก็ได้ถูกไล่ออกจากการเป็นข้าราชการครูในที่สุด ซึ่งหลังจากพ้นจากหน้าที่แล้วเดินสาย “หลอกลวง” โดยจะหลอกลวงลักษณะกิจกรรมในแวดวงครูเป็นหลัก เช่น หลอกให้เช่าบ้านพักเพื่อทำกิจกรรมต่างๆ ของโรงเรียนในต่างจังหวัด หรือหลอกให้เช่าห้องพักในงานรับปริญญา โดยครูฟู่อาศัยโปรไฟล์ในอดีตที่เคยเป็นครูดีเด่น สร้างความน่าเชื่อถือในการหลอกลวง ซึ่งมีผู้ตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก โดยล่าสุด ช่วงวันที่ 3-5 ก.พ.66 ที่ผ่านมาจะมีการแข่งขันงานศิลปหัตถกรรมนักเรียนระดับชาติ ครั้งที่ 70 ที่จังหวัดน่าน ทำให้หลายโรงเรียนในทุกภูมิภาค พากันหาจองห้องพักพานักเรียนไปร่วมกิจกรรมแข่งขัน ครูฟู่เห็นช่องทางดังกล่าว ได้หลอกลวงเหล่าคุณครูที่ต้องการพาเด็กไปร่วมกิจกรรมนี้ที่ จ.น่าน โดยอ้างว่าตนเองมีที่พักให้เช่าเพื่อนให้เหล่านักเรียนมาร่วมกิจกรรม โดยครูฟู่อ้างโปรไฟล์ในอดีตของตนเองว่า ว่าตนเองเป็นครูดีเด่น และยังมีภาพถ่ายที่สวมเครื่องแบบชุดข้าราชการครู ทำให้เหยื่อต่างหลงเชื่อได้ง่าย ซึ่งการหลอกลวงลักษณะนี้ไม่เพียงแต่ทำให้ผู้เสียหายเสียทรัพย์สินเงินทอง แต่เป็นการ “ตัดโอกาส” เหล่าเด็กๆที่จะไปร่วมทำกิจกรรมอีกด้วย โดยตั้งแต่ครูฟู่ออกจากราชการจนถึงปัจจุบันได้ตระเวนก่อเหตุลักษณะนี้มาโดยตลอด จนถึงปัจจุบันมีผู้ตกเป็นเหยื่อของครูฟู่ทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 100 ราย และล่าสุดดำดิ่งขนาดต้องเดินสายหลอก “นวดเสียว” แนว LGBTQ+ ด้วย โดยครูฟู่เป็นคนมีความรู้ ความสามารถ ใช้ชีวิตหลบเลี่ยงการจับกุมอย่างไร้เงามาเป็นเวลาหลายปี ใช้ชีวิตเปลี่ยนถิ่นที่พักอาศัยทุก 2 สัปดาห์และไม่มีท่าทีจะหยุดหลอกลวง กลายเป็น “มิจฉาชีพ” อย่างเต็มตัวในปัจจุบัน และถือเป็นภัยสังคมต่อประชาชน ต่อคุณครู ต่อเด็กๆ กระทั่งทีมนักวิเคราะห์แผนประทุษกรรมพบแผนประทุษกรรมสุดแสบของครูฟู่รายนี้ซึ่งตระเวนก่อเหตุมาจนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ออกหมายจับกว่า 4 หมายจับ ได้รายงานเรื่องนี้ถึง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. เร่งสั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. / หน.PCT ชุดที่ 5 สืบสวนติดตามจับกุมตัว ด้วยเบาะแสเดียวคือ “ครูฟู่ เป็น LGBTQ+” จึงต้องส่งมือดี แฝงตัวเข้าสู่วงการนวดของ LGBTQ+ เป็นเวลากว่า 1 เดือนจนได้เบาะแสว่าปัจจุบันครูฟู่กินอยู่กับแฟนหนุ่มละแวกพื้นที่ ซ.วัชรพล เขตรามอินทรา จ.กรุงเทพฯ ใช้ชีวิตหลบๆซ่อนๆ ออกจากห้องพักเพียงวันละ 1 ครั้ง หรือบางวันไม่ออกมาสู่โลกภายนอกเลย และมีพฤติกรรมหมกมุ่นอยู่กับการเล่นการพนันออนไลน์ (ปั่นสล็อต) ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ และไม่ทำงานทำการใดๆ ยังตระเวนหลอกลวงชาวบ้านอยู่เช่นเดิม ซึ่งต่อมาวันที่ 13 ก.ค.66 พล.ต.ต.ธีรเดชฯ นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุด PCT5 และ สืบนครบาล นำกำลังเข้าจับกุมตัวครูฟู่ได้ โดยจับกุมได้ขณะที่กำลังจะย้ายถิ่นที่พักกับแฟนหนุ่ม LGBTQ+ สัญชาติลาว โดยจับกุมได้ที่ห้องพัก เขตบางเขน จ.กรุงเทพฯ

ในชั้นจับกุม นายวิวัฒน์ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และได้เปิดเผยถึงความพลิกผันของชีวิตตนเองเพื่อเป็นอุทาหรณ์ โดยให้การว่า “ตนเองจบชั้นปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยด้วยเกียรตินิยมอันดับ 1 หลังจากเรียนจบก็ไปเป็นครูอัตราจ้างที่โรงเรียนชื่อดัง กระทั่งปี 2555 ตนเองสอบบรรจุครูได้ด้วยความสามารถจึงได้เป็นตำแหน่งหน้าห้องของ ผอ.โรงเรียน กระทั่งได้มีเรื่องของ วงโยธวาธิต ที่มีการขอยืมเงินคุณตัน ทำให้มีเรื่องราวทำให้ตนได้ขอย้ายไปอยู่ที่โรงเรียนอื่น ถือเป็นยุครุ่งเรืองที่สุด เพราะได้รับโอกาสได้เข้าไปช่วยงานในกระทรวงศึกษาธิการด้วยอีกหน้าที่หนึ่ง และได้มีโอกาสแต่งบทอาสิละวาศ จนกระทั่งได้รับรางวัล ครูดีเด่นประจำปี และได้สมยานามว่า สุนทรฟู่ กระทั่งในปี 2563 โรงเรียนได้มีการเปลี่ยน ผอ. โรงเรียนและตนไม่ลงรอยกับผู้บังคับบัญชาคนใหม่ โดยทำงานหนักหลายหน้าที่จนป่วย กระทั่งฟางเส้นสุดท้ายเกิดขึ้นเมื่อตนเองมาทำงานไม่ไหวจากการป่วย ทำให้ตนตัดสินใจไม่ไปโรงเรียนอีก จนถูกตั้งกรรมการ ช่วงนั้นชีวิตตนเองเริ่มเป๋แล้ว โดยรับว่าช่วงนั้นติดแฟนหนุ่มซึ่งเจอกันจากที่จ้างมานวด LGBTQ+ แล้วปิ๊งกัน และช่วงนั้นก็ติดการพนันด้วย จึงทำให้ชีวิตเริ่มดำดิ่ง โดยแรกๆ ยังมีเงินเก็บที่ยังเหลือก็ยังสามารถใช้ชีวิตได้ พอผ่านไปสักพักหนึ่งเงินเริ่มหมดก็เริ่มโทรไปขอยืมเงินจากนักเรียนและครูที่เคยรู้จัก โดยเหล่านักเรียนนั้นกตัญญูรักครูมากให้มาทีละ 1,000 2,000 บางคนให้ถึง 4,000 บาท ก็มี ยอมรับว่ายืมเด็กๆ แล้วไม่ได้คืน ส่วนเพื่อนครูนั้นตอนตนเองไปขอยืมเงินถูกเมินและทำเหมือนคนไม่รู้จักกัน ทำให้เสียใจมากๆ หลังจากนั้นก็เริ่มเดินสายหลอกลวง โดยช่วงนั้นตนเองเล่นเฟซบุ๊กแล้วเห็นมีการหาที่พัก ตนจึงได้ไอเดียหลอกลวงด้วยการหลอกเอาเงินมัดจำที่พักจากเหยื่อ โดยลงมือทำเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ตนทำไปเยอะมาก ความเสียหายที่หลอกลวงมาแล้วหลายหมื่นบาท โดยยอมรับว่าทำไปเพราะ หิว ต้องการที่อยู่ รู้ว่าผิดสงสารเหยื่อด้วย และขอโทษทุกคน ขอโอกาสให้สังคมให้อภัย เกิดชาติหน้าฉันใดก็ขอให้ตนได้ชดใช้กรรม ไม่ว่าจะชาตินี้หรือชาติไหน หลังจากนี้ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่และขอใช้ความรู้ที่มีอยู่เพื่อสาธารณะประโยชน์ จะให้ไปเป็นอาสาสมัครสอนที่ไหนอย่างไรตนจะไม่คิดเงินเลย จะมุ่งทำประโยชน์ให้กับสังคม” และ นายวิวัฒน์ หรือครูฟู่ ได้แต่งกลอนแบบสดสด ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบนครบาลเพื่อเตือนภัยให้กับสังคมว่า


“ก่อนจะทำสิ่งใดขอให้คิด อย่าพลาดผิดจนชีวิตคิดถลำ
ทำสิ่งใดประกอบด้วยเวรกรรม และเน้นย้ำทำกรรมดีอย่างที่เป็น
หากพลาดผิดผิดไปแล้วไม่แคล้วโทษ จากเป็นโจทก์ตกจำเลยคนเหยียบย่ำ
ขอโอกาสที่มีได้แก้กรรม จะกระทำแต่สิ่งดีเพื่อสังคม”

หลังจากจับกุมตัว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้นำตัวส่ง สน.บางยี่เรือ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า “ไม่น่าเชื่อว่าการพนันจะสามารถทำลายชีวิตของคนคนนึงได้ถึงเพียงนี้ เปลี่ยนจาก ผู้ประสาทวิชา กลายเป็น มิจฉาชีพ ได้แบบสุดขั้ว ขอให้การจับกุมในครั้งนี้เป็นการเตือนไปถึงประชาชนถึงภัยร้ายของการพนัน ทรัพย์สินเงินทองที่ออม หรืออนาคตที่วาดฝันไว้ จะหมดไปทันทีเมื่อติดการพนัน และเมื่อไม่มีเงิน ปัญหาทุกอย่างก็จะตามมา และแม้ไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์แต่หากเป็นเรื่องความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.”.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศบ.ทก. ย้ำ 13 ข้อตกลงไทย-กัมพูชา เป็นประโยชน์พื้นที่ชายแดน

ทำเนียบ 8 ส.ค.- ศบ.ทก. ย้ำ 13 ข้อตกลงไทย-กัมพูชา เป็นประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะการหยุดยิง ประเมินสถานการณ์ใกล้ชิด เผยผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซียประจำแต่ละประเทศจะประสานพื้นที่ นำอาเซียนลงติดตามเป็นระยะ ชี้การพูดคุยระดับ RBC เริ่มปลายเดือนนี้ หากเหตุการณ์ปะทุอีก เรียกประชุม GBC สมัยวิสามัญได้ทันที พลเรือตรี สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม ในฐานะโฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) แถลงสรุปภาพรวมสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชาที่ผ่านมาตรวจพบว่า ฝ่ายกัมพูชา ตรึงกำลังทหารบริเวณชายแดนพื้นที่สำคัญ พร้อมมีการเคลื่อนไหวด้านยุทโธปกรณ์ และยานพาหนะในบางพื้นที่ ซึ่งฝ่ายไทยจะต้องมีการตรวจตราและติดตามอย่างใกล้ชิด นอกเหนือจากนั้นยังมีการตรวจพบการบินของอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน ในบางพื้นที่เช่นเดียวกัน ซึ่งการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายยั่วยุในบางจุด ทางทหารไทยไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้ดำเนินการควบคุมสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง พร้อมเพิ่มการตรวจตราตามแนวชายแดน โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยง โฆษก ศบ.ทก. ยังกล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ หรือ GBC เมื่อวันที่ 7 สิงหาคมที่ประเทศมาเลเซียเป็นเจ้าภาพ ว่า ได้มีการลงนามข้อตกลง 13 ข้อ โดยเป็นข้อตกลงที่สำคัญและเป็นประโยชน์ โดยเฉพาะรายละเอียดข้อที่ 1 […]

เด้งนายอำเภอธัญบุรี-5 เสือ สภ.ประตูน้ำจุฬาฯ เซ่นจับผับ

ก.มหาดไทย 8 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เผยผลปฏิบัติการ “ZERO DRUG” เด้ง นายอำเภอธัญบุรี-5 เสือ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ เซ่นจับผับ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงปฏิบัติการ “ZERO DRUG” 8เดือน 8ลุย ที่นำกำลังชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองเข้าตรวจค้นผับย่านรังสิต อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี พบนักท่องเที่ยวอายุต่ำกว่า 20 ปี และตรวจปัสสาวะพบเป็นสีม่วง 179 คนว่า จะมีการเด้ง 5เสือ สภ. ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ ส่วนรายละเอียดผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจะแถลงอีกครั้ง โดยตามระเบียบของตำรวจถ้ามีการจับกุม ในพื้นที่5 เสือสถานีตำรวจ จะต้องรับผิดชอบ จะมีการย้ายมาประจำที่ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ขณะที่ในส่วนของกระทรวงมหาดไทยอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเป็นการแจ้งข่าวจากฝ่ายปกครองหรือไม่ หากไม่มีการแจ้ง กระบวนการของปกครองก็จะต้องมีการย้ายเช่นกัน เมื่อถามว่าปฏิบัติการเมื่อคืนนี้เป็นกำลังร่วมระหว่างฝ่ายปกครอง กับตำรวจหรือเฉพาะฝ่ายปกครอง นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่แน่ใจ และเมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ถ้าเป็นกองกำลังร่วม ที่ผ่านมาตามธรรมเนียมปฏิบัติ ตำรวจจะไม่ถูกเด้ง นายภูมิธรรมกล่าวว่า คงจะเอาผิดคนที่เกี่ยวข้อง ก็คงมีการจัดการตามระเบียบ […]

“บิ๊กเล็ก” ชี้บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นถือว่าดีมากแล้ว เรื่องกับระเบิด จะคุยจนกว่ายอมรับ

ทำเนียบ 8 ส.ค.-“บิ๊กเล็ก” มอบความสำเร็จให้ทีมเจรจา GBC พร้อมขอบคุณประชาชน 4 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาที่อดทน ให้ผู้ว่าฯ ประสานหน่วยงานด้านความมั่นคงอนุญาตประชาชนกลับบ้าน ชี้กัมพูชาเมินข้อตกลงเก็บกู้ระเบิด เพื่อใช้เป็นเครื่องป้องกันกำลังตนเอง ย้ำจะนำไปคุยใน GBC และจนกว่าจะยอมรับ จ่อตั้งทีมที่ปรึกษาส่วนตัวดูข้อกฎหมายรอบด้าน พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ย้ำผลสำเร็จการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย – กัมพูชา หรือ GBC ว่า ขอบคุณทีมคณะเลขานุการ GBC ดำเนินการพูดคุยจนบรรลุข้อตกลง 13 ประเด็น โดยผลสำเร็จที่สำคัญ คือ เป็นการตกลงแบบทวิภาคี ระหว่างไทย – กัมพูชา ซึ่งอาเซียนได้ปล่อยให้ทั้งสองประเทศพูดคุยกัน โดยไม่เข้ามาแทรกแซง ทำหน้าที่เพียงเป็นผู้สังเกตการณ์ ขณะที่ในการพูดคุยมีผู้สังเกตการณ์จากสหรัฐสหรัฐอเมริกา และจีน ก็ได้ปล่อยให้อาเซียนบริหารจัดการกันเอง โดยไม่เข้ามาแทรกแซงเช่นกัน ถือว่าได้รับคำมั่นจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และมาเลเซียก็ตอบรับคำขอไทย ที่พยายามจะรักษาการพูดคุยระหว่างสองประเทศ เพื่อให้กลไกทวิภาคีดำเนินการต่อไปได้ และสิ่งที่ไทยประสบผลสำเร็จอีกหนึ่งประการ คือ เป็นอีกครั้งที่กัมพูชายอมพูดคุยทวิภาคี หลังจากที่ปฏิเสธมาตลอด ส่วนการจะเชื่อใจกัมพูชาได้อย่างไรนั้น พลเอกณัฐพล ย้ำว่า จะใช้แนวทางเดิม […]

ศบ.ทก. เปิดตัว “บุ๋ม ปนัดดา” นั่งโฆษกฯ จิตอาสา

ทำเนียบ 8 ส.ค.-ศบ.ทก. เปิดตัว “บุ๋ม ปนัดดา” นั่งโฆษกฯ จิตอาสา ปะทะ “พลโทหญิงมาลี” มั่นใจสวยกว่าการันตีตำแหน่งนางสาวไทย เจ้าตัวลั่นไม่กลัวเฟคนิวส์ พร้อมยืนยันเคียงข้างประชาชน ให้ข้อเท็จจริง พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดตัวโฆษก ศบ.ทก. จิตอาสาคนใหม่ คือ นางสาวปนัดดา วงษ์ผู้ดี เพื่อทำหน้าที่ปะทะกับพลโทหญิงมาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ซึ่งอย่างน้อยสิ่งที่เราได้เปรียบ ที่ตนเองมั่นใจ คือ ความสวย ที่สวยกว่าแน่นอน เพราะโฆษก ศบ.ทก.เป็นนางสาวไทย แต่โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชาไม่ใช่นางสาวกัมพูชา ซึ่งการทำงานของนางสาวปนัดดา เนื่องจากมีงานมากมาย ปัจจุบันทำงานอยู่ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้ให้นางสาวปนัดดาช่วยตอบโต้ผ่านสื่อออนไลน์ ซึ่งตนเองและทีมงานจะสนับสนุนข้อมูลในการแถลงข่าว ด้าน นางสาวปนัดดา ระบุว่า ที่ตกลงมาทำหน้าที่โฆษก ศบ.ทก. จิตอาสาในครั้งนี้ เป็นเพราะตนเองอยู่ในพื้นที่มานานและเห็นความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน เห็นความอดทนของทหาร ในฐานะที่เป็นจิตอาสา จึงอยากเป็นสื่อกลางที่ชัดเจน ที่สามารถคุยกับสื่อมวลชนและประชาชน รวมถึงฝ่ายทหารให้ได้ข้อมูลที่ตรงกับความเป็นจริง และบอกกับต่างชาติว่าเกิดอะไรขึ้นในประเทศไทยของเราบ้าง ซึ่งก่อนหน้านี้ทางทหารได้มีการประชุมกัน […]