กรุงเทพฯ 11 ก.ค. – รวบแล้ว 1 ผู้ต้องหา ฆ่าหั่นศพนักธุรกิจชาวเยอรมัน ส่วนอีก 2 คน “บิ๊กโจ๊ก” รู้พิกัดแล้ว พร้อมเปิดปฏิบัติการปูพรมล่าจับตัวเชื่อ ชนวนเหตุประสงค์ต่อทรัพย์ พร้อมระบุคืนนี้ถกเข้ม ผกก.สภ.เมืองพัทยา-สภ.หนองปรือ กวาดล้างขบวนการมาเฟียพัทยา
จากกรณีการหายตัวไปของนักธุรกิจชาวเยอรมัน นานกว่า 6 วัน ก่อนที่ล่าสุดเมื่อค่ำวานนี้ ตำรวจชุดสืบสวนในคดีจะพบร่องรอยนำไปสู่บ้านเช่าแห่งหนึ่งในพื้นที่หนองปรือ จังหวัดชลบุรี และพบว่าร่างของนักธุรกิจชาวเยอรมัน อายุ 62 ปี ถูกหั่นกว่า 13 ส่วน แช่อยู่ในตู้แช่งแข็งภายในบ้านเช่า
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เปิดเผยความคืบหน้าทางคดีว่า จากการประชุมมอบหมายงานวานนี้ (10 ก.ค.) ร่วมกับกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 รักษาราชการแทน ผบก.จว.ชลบุรี และศูนย์สืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 ทำให้เราพบศพของนายฮันส์ มีการฆ่าหั่นศพเก็บไว้ในตู้แช่ ซึ่งตรงกับที่ตำรวจได้สันนิษฐานไว้ก่อนหน้านี้ว่าเจ้าตัวอาจจะไม่มีชีวิตแล้ว จากนั้นพอเก็บร่องรอยพยานหลักฐาน อาทิ รอยนิ้วมือ ดีเอ็นเอ รอยฝ่ามือเสร็จสิ้น จึงได้มีการขอศาลอาญาออกหมายจับ ผู้ต้องหา 3 ราย ประกอบด้วย 1.MRS.PETRA CHRISTL GRUNDGREIF (เพธา) ชาวเยอรมัน 2.MR.OLAF THORSTEN BRINKMANN (โอลาฟ) ชาวเยอรมัน และ 3.นายซาฮ์รูค คารีม อุดดิน ชาวปากีสถาน สัญชาติไทย ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และร่วมกันซ่อนเร้นอำพรางศพ
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เผยอีกว่า วันนี้สามารถติดตามจับกุมนางเพธา ได้แล้ว พร้อมทั้งยังได้มีการจับกุมนายนิโค ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านหลังเกิดเหตุ และเตรียมขอศาลออกหมายจับเช่นเดียวกัน สำหรับในส่วนของผู้ต้องหาที่เหลืออีก 2 ราย คือ นายโอลาฟ และนายซาฮ์รูค อยู่ระหว่างการหลบหนีภายในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ตำรวจทราบพิกัดของทั้งคู่แล้ว แต่ขอละเว้นการเปิดเผยไว้ก่อน และในบรรดาขบวนการนี้จะจับกุมได้ทั้งหมดทุกคนที่เกี่ยวข้อง แต่ต้องขอเวลาสักระยะ ยืนยันรีบเร่งจับกุมตัวมาดำเนินคดีแน่นอน
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เผยด้วยว่า เรื่องนี้ต้องรีบทำให้เร็ว เพราะคนร้ายเหล่านี้รู้วิธีการและมีความเกี่ยวพันในเรื่องของยาเสพติด และยังเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ อาศัยประเทศไทยเป็นแหล่งพักพิงและก่อเหตุ ซึ่งในพื้นที่พัทยา ชาวบ้านเขาทราบกันดีว่ามีขบวนการนี้อยู่ อีกทั้งในคืนนี้ประมาณ 22.00 น. ตนจะเดินทางไปร่วมประชุมกับ ผกก.สภ.เมืองพัทยา และ ผกก.สภ.หนองปรือ โดยจะเรียกพูดคุยหารือทั้งหมด เพราะชาวบ้านเอือมระอาประเด็นเหล่านี้แล้ว สำหรับประเด็นที่จะพูดคุยหารือ เช่น ลักษณะการอาศัยในไทยโดยใช้วีซ่า ซึ่งก็จะวกกลับไปที่ตำรวจ ตม. ซึ่งรับผิดชอบในเรื่องนี้ เพราะการใช้วีซ่ารีไทร์เม้น (Retirement) หรือวีซ่าธุรกิจ ต้องตรวจสอบว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ไม่ใช่มีแค่เงินแล้วทำได้ อยู่ได้ เพราะตนเล็งเห็นว่ากลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีลักษณะพิเศษ เข้ามาไทย มีการสักทั้งตัว อย่างไรก็ตาม ตนต้องกำชับว่า ตำรวจ ตม. จะต้องกวาดล้างขบวนการเหล่านี้ให้หมดทั้งพัทยาและหนองปรือ เพราะหนองปรือถือเป็นที่พักสำหรับนักท่องเที่ยวเมื่อกลับจากพัทยา ทั้งนี้ ผกก.ทั้งสอง สภ. ต้องเข้มแข็ง จะให้มีเหตุการณ์จีนอุ้มจีน หรือเยอรมันอุ้มเยอรมันในไทยไม่ได้
สำหรับไทม์ไลน์การก่อเหตุนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เผยว่า เพิ่งทราบคดีเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งในแนวทางการสืบสวนสอบสวน พบว่าขบวนการนี้มีการวางแผนมาก่อนแล้ว มีการตระเตรียมมาอย่างดี คาดว่าวางแผนมานานกว่า 1 เดือน มีการชี้เป้าหมาย โดยนางเพธา เป็นคนดึงนายปีเตอร์เข้ามาในบ้านจุดเกิดเหตุ หลอกเข้ามาในพื้นที่ดังกล่าวเพื่อประสงค์ต่อทรัพย์ เพราะรู้ว่านายปีเตอร์เป็นคนที่มีฐานะ แม้เงินยังไม่ได้ทั้งหมด เพราะเราอายัดไป 3 ล้านบาทแล้ว แต่ชนวนเหตุ เบื้องต้นยืนยันว่ามาจากเรื่องประสงค์ต่อทรัพย์ แต่ถ้าจะมีมากกว่านั้น คงขอขยายผลก่อน เพราะตนมองว่าขบวนการนี้มีคนร่วมมากกว่านี้แน่นอน
ประเด็นเส้นทางการเงินที่ออกจากบัญชีผู้ตายนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า ทราบว่าเงินจากบัญชีนายปีเตอร์ จำนวน 3 ล้านบาท ถูกโอนออกไปยังบัญชีปลายทางประมาณหลักสิบบัญชี ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างรีพอร์ตเพิ่มเติมจากธนาคาร และหลังจากนี้ตนจะออกหมายจับบัญชีม้าทั้งหมดด้วย เพราะทราบว่าตัวยังอยู่ในเมืองไทย อย่างไรก็ตาม ปฏิบัติการหลังนี้ตำรวจจะปูพรมจับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด. -สำนักข่าวไทย