เหตุสะพานถล่ม เสียชีวิตแล้ว 2 ราย – เพิ่มรถเครนเข้าเคลียร์พื้นที่

กรุงเทพฯ 11 ก.ค. – เหตุสะพานยกระดับอ่อนนุช-ลาดกระบังถล่ม พบผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย รอรถเครนขนาดใหญ่เข้าเคลื่อนย้ายคานปูน คาดใช้เวลาทั้งวัน ด้าน สน.จรเข้น้อย แนะเส้นทางเลี่ยงปิดการจราจร


จากกรณีอุบัติเหตุสะพานยกระดับอ่อนนุช-ลาดกระบัง ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างพังถล่มลงมาทับรถประชาชน และมีคนงานได้รับบาดเจ็บเสียชีวิตเหตุเกิดบริเวณหน้าห้างโลตัส สาขาลาดกระบัง ถนนหลวงแพ่ง เบื้องต้นมีรายงานผู้บาดเจ็บทั้งสิ้น 13 คน ถูกนำส่งโรงพยาบาลเร่งด่วน ในจำนวนนี้ 1 คน เสียชีวิตที่โรงพยาบาล นอกจากนี้ในที่เกิดเหตุยังมีผู้เสียชีวิตอีก 1 คน ทราบชื่อต่อมา คือ นายฉัตรชัย ประเสริฐ รวมผู้เสียชีวิตจาก ณ เวลาปัจจุบัน คือ 2 คน

เมื่อเวลา 05.30 น. เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องยังไม่มีการเคลื่อนย้ายโครงสร้างที่ถล่มลงมา เพราะต้องรอรถเครนอีกคันที่มีน้ำหนัก 400-500 ตัน เข้าเคลื่อนย้ายโครงเหล็กคานปูนที่ถล่มลงมาในช่วงเช้านี้ อาจจะใช้เวลาเคลื่อนย้ายทั้งวันเพราะเป็นโครงเหล็กขนาดใหญ่และยาว โดยทางกู้ภัยบางส่วนได้ถอนกำลังออกจากจุดเกิดเหตุไปแล้วเหลือแต่ทางรถพยาบาล


การจราจรยังปิดถนนหลวงแพ่งมุ่งหน้าถนนลาดกระบัง ส่วนถนนลาดกระบังมุ่งหน้าถนนหลวงแพ่งยังใช้ได้ตามปกติ หากประชาชนท่านใดคิดว่าญาติของตนอาจสูญหายไปในเหตุการณ์ดังกล่าว ขอให้แจ้งได้ที่สายด่วน 199 ได้ทันที และเจ้าหน้าที่ได้ตั้งศูนย์ดูแลช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่วัดพลมานีย์ พร้อมยืนยันเรื่องนี้ต้องมีผู้รับผิดชอบ เพราะมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต และเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ใช่เหตุสุดวิสัย ต้องมีความผิดพลาดเกิดขึ้นระหว่างการติดตั้ง เพราะตามหลักการก่อสร้างไม่ควรจะถล่มลงมาเช่นนี้ ทั้งนี้อาจต้องปิดพื้นที่และการจราจรโดยรอบจุดเกิดเหตุนานถึง 3-4 วันเพื่อเคลียร์พื้นที่

เบื้องต้นทาง สน.จรเข้น้อย ได้แจ้งเส้นทางเลี่ยงการปิดการจราจร ดังนี้

  1. ขาเข้าเมือง ปิดการจราจรเด็ดขาด ตั้งแต่หน้าเทสโก้โลตัสหลวงแพ่ง ถึงทางเข้า สน.จรเข้น้อย รวมถึงเส้นทางเลี่ยงมาตลาดหัวตะเข้ – ลาดกระบัง ขาเข้า
  2. เข้าซอยสหมิตร 2 , ซอยหลวงแพ่ง 6 , ซอยทางเข้าหมู่บ้านร็อคการเด้น มาออก ซอยหลวงแพ่ง 4 เลี้ยวซ้ายขึ้นสะพานหัวตะเข้ รวมถึงเลี้ยวขวาแยกวัดพลมานีย์ ออกคู่ขนานมอเตอร์เวย์ สามารถไปถนนลาดกระบัง ทางออก มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง หรือออกแอร์พอร์ตลิงค์ลาดกระบัง และเลี้ยวขวาแยกวัดพลมานีย์ เลี้ยวขวาคู่ขนานมอเตอร์เวย์ ออกถนนฉลองกรุง

ทั้งนี้ จะเริ่มตั้งแต่เวลา 05.00 น. ของวันที่ 11 ก.ค. เป็นต้นไป จนกว่าจะแล้วเสร็จ.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”