สโมสรตำรวจ 10 ก.ค. – “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์” รอง ผบ.ตร. เผยพรุ่งนี้เตรียมขอศาลอนุมัติหมายจับแก๊งอุ้มนักธุรกิจชาวเยอรมันบางส่วน เบื้องต้นพบเป็นต่างชาติ และมีคนไทยเกี่ยวข้องด้วย
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พบกับครอบครัวของนายฮันส์ ปีเตอร์ โดยมีการพูดคุยและประชุมกับตำรวจชุดทำงานนานกว่า 2 ชั่วโมง หลังจากนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ขณะนี้ชุดสืบสวนพบไทม์ไลน์ในหลายส่วนแล้ว รวมถึงที่สำคัญ คือ พบข้อมูลเส้นทางการเงินของนายฮันส์ ปีเตอร์ ที่ถูกโอนไปหลายบัญชี และล่าสุดได้อายัดบัญชีแล้ว หลังพบเงินถูกโอนออกไปประมาณ 3 ล้านบาท หลายบัญชี เบื้องต้นคาดวันพรุ่งนี้ (11 ก.ค.) จะสามารถขอศาลอนุมัติออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องได้บางส่วน แต่ยังไม่ขอระบุว่าเป็นใคร และมีจำนวนกี่คน เพราะกลุ่มคนดังกล่าวอยู่ในแก๊ง Outlaws หรือแก๊งนอกรีต ในพื้นที่พัทยา และเป็นชาวต่างชาติ ประกอบกับกลุ่มคนเหล่านี้มักจะพัวพันหลายเรื่องนอกกฎหมาย หรือเป็นมาเฟียและผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ แก๊งนี้มีอยู่ทั่วโลก โดยในประเทศไทยอยู่ในพื้นที่พัทยา นอกจากนี้ในเรื่องของการสืบสวนได้มอบหมายให้ตำรวจชุดคลี่คลายคดีไปหาข้อมูลแล้ว และในวันพุธที่ 12 กรกฎาคมนี้ จะเอาข้อมูลทั้งหมดเข้ามาประชุมอีกครั้ง พร้อมทั้งได้ประสานและกำชับไปยัง ผกก.สภ.พัทยา ด้วยว่า ให้เข้มงวดและมีมาตรการป้องกันเกี่ยวกับเหตุลักษณะนี้ด้วย
ส่วนขบวนการนี้มีคนไทยเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า มีคนไทยเข้ามาเกี่ยวด้วยแน่ แต่ขอเวลาตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน โดยจากการสอบถามครอบครัวของนายฮันส์ ปีเตอร์ พบว่าทำธุรกิจหลายอย่าง แต่หลักๆ จะเกี่ยวกับเรื่องการซื้อขายที่ดิน ซึ่งล่าสุดได้พูดคุยกับทางครอบครัวว่า base โทรศัพท์ พบว่าอยู่ในพื้นที่แถบ ๆ จ.สระแก้ว แต่เชื่อว่าตัวยังคงวนเวียนอยู่ในพื้นที่ จ.ชลบุรี
นอกจากนี้ ประเด็นของเพธา เป็นนางนกต่อที่ชี้เป้าหรือไม่นั้น เพธาเป็นคนชี้เป้าจริง แต่เจ้าตัวยังไม่ให้การใด ๆ ทั้งสิ้น และไม่ได้หลบหนีไปไหน ที่สำคัญยังพบเงินโอนเข้าบัญชีของเพธา 8 แสนบาทด้วย แต่เงินส่วนนี้มาจากไหนนั้น เจ้าตัวยังไม่ขอให้การ ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างโอลาฟกับเพธา ทั้งสองคนรู้จักกัน แต่ถึงขั้นสนิทสนมทำธุรกิจด้วยกันหรือไม่ ยังไม่มีข้อมูล โดยในระหว่างนี้ได้ให้ตำรวจพื้นที่เข้าไปดูแลความปลอดภัยของครอบครัวนายฮันส์ ปีเตอร์ แล้ว เนื่องจากตอนนี้ทางครอบครัวกังวลเรื่องความปลอดภัยอย่างมาก
ด้าน หลุยส์ ลูกชาย กล่าวว่า ตนเรียนอยู่ที่ต่างประเทศ ไม่ค่อยรู้รายละเอียดของพ่อมากนัก แต่ส่วนตัวแล้วไม่เคยได้ยินพ่อพูดถึงโอลาฟ หรือนายหน้าขายที่ดินที่อยู่กับพ่อเป็นคนสุดท้ายเลย ที่เรารู้ก็คือพ่อเพิ่งเจอ โดยปกติพ่อจะเป็นคนที่ชอบทำอะไรคนเดียว ทำธุรกิจคนเดียวเสมอ ก็ไม่เคยมีปัญหาอะไรเลย จนกระทั่งครั้งนี้ ส่วนปัญหาที่พ่อพบระหว่างทำงานก็จะเป็นเกี่ยวกับความเห็นในด้านธุรกิจที่ไม่ค่อยตรงกัน ซึ่งเป็นเรื่องเล็กน้อย ก่อนหน้าที่พ่อจะหายไป ก็ไม่เห็นว่าจะมีเหตุการณ์แปลก ไม่มีเบอร์โทรลึกลับโทรเข้ามาหาพ่อ และไม่พบการโอนเงินที่ผิดปกติเลย แต่มีเบอร์โทรของคนๆ หนึ่งโทรเข้ามาหา จึงคิดว่าน่าจะเป็นสายสำคัญ
“สำหรับครอบครัวเองก็ไม่แน่ใจว่าใครเป็นคนก่อเหตุ แต่ตำรวจบอกตนเองว่า มีชื่อของใครบางคนที่อาจจะเป็นคนก่อเหตุได้ ซึ่งเขาบอกเราแค่นั้น และเราเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น อยากให้ปล่อยพ่อกลับมา เพราะทุกคนเป็นห่วงมาก”
อย่างไรก็ตาม พ่อตนไม่เคยทำธุรกิจผิดกฎหมาย หลังจากนี้ก็กลับไปอยู่บ้าน เพราะสบายใจขึ้นแล้ว หลังจากได้รับการดูแลอย่างปลอดภัยจากตำรวจ.-สำนักข่าวไทย