ญาตินักธุรกิจเยอรมันร้อง “บิ๊กโจ๊ก” ช่วยตามหาตัว

10 ก.ค. – ญาติร้อง “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์” รอง ผบ.ตร. ช่วยตามหานักธุรกิจชาวเยอรมันที่หายตัวไปตั้งแต่วันที่ 4 ก.ค. หลังพบรถยนต์แล้ว ด้าน “บิ๊กโจ๊ก” เผยขณะนี้ยังไม่พบตัวนักธุรกิจชาวเยอรมัน แต่มูลเหตุเชื่อว่าประสงค์ต่อทรัพย์และทำเป็นขบวนการ


จากกรณีที่มีญาติประกาศให้ช่วยติดตามนายฮันส์ ปีเตอร์ แรลเตอร์ มัค อายุ 62 ปี ชาวเยอรมัน ที่ได้หายออกจากบ้าน เมื่อวันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา พร้อมรถเบนซ์สีเทา พร้อมระบุว่าหากผู้ใดพบเห็นเจอรถคันดังกล่าว จะให้รางวัล 100,000 บาท แต่หากพบตัวผู้สูญหาย และยังมีชีวิตอยู่จะให้ 3 ล้านบาท โดยญาติได้เข้าแจ้งความคนหาย กับ สภ.หนองปรือ ตั้งแต่วันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งนายฮันส์ได้หายออกจากหมู่บ้านสวิตพาราไดร์ โดยมีหลักฐานคลิปจากกล้องวงจรปิด

ก่อนที่ในเวลาต่อมาพนักงานสอบสวน สภ.หนองปรือ จะพบกับรถยนต์คันดังกล่าวเมื่อวานนี้ (9 ก.ค.) บริเวณที่จอดรถชั่วคราว ของซีซีคอนโด จังหวัด ชลบุรี และมีการเก็บหลักฐานเพิ่มเติมจากการตรวจสอบสิ่งผิดปกติภายในรถคันดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อย


วันนี้ที่สมาคมพนักงานสอบสวน สโมสรตำรวจ ครอบครัวนายฮันส์ ปีเตอร์ ซึ่งมีภรรยาชาวไทย 2 คน และลูกชาย 2 คน เดินทางพร้อมตัวแทนมูลนิธิวินวิน เข้าพบกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอให้ช่วยเหลือตามหาตัว นายฮันส์ ปีเตอร์ โดยภรรยาคนล่าสุดของนายฮันส์ ปีเตอร์ ระบุว่าในวันเกิดเหตุมีการนัดหมายกับทางสามีว่าจะไปดูที่ดินกันโดยสามีบอกว่าจะไปหาลูกค้าก่อน จนเมื่อถึงเวลานัดหมาย สามีก็ไม่มาตามนัด และเมื่อทางครอบครัวพยายามติดต่อ ซึ่งตนเองได้พยายามติดต่อสามีแต่ไม่สามารถติดต่อได้แต่จะมีข้อความส่งกลับมาจากทางสามีว่าอยู่กับลูกค้า ทั้ง ๆ ที่ปกติสามีเป็นคนไม่ส่งข้อความ จนเวลาล่วงเลยตั้งแต่ประมาณ 15.00-22.00 น. ทางครอบครัวก็ยังไม่สามารถติดต่อกับนายฮันส์ ปีเตอร์ได้ และสามีก็ยังคงส่งข้อความมาบอกว่าต้องอยู่กับลูกค้ารายนี้เขาเป็นลูกค้ารายสำคัญ จนมาตอนเช้าวันที่ 5 ก.ค.ก็ยังพยายามติดต่อสามีอยู่ แต่ไม่สามารถติดต่อได้ จนมีข้อความสุดท้ายในช่วงเช้าวันที่ 5 ว่าจะอยู่กับลูกค้า ครอบครัวจึงตัดสินใจเข้าแจ้งความ

เรื่องที่นัดหมายคือจะมีลูกค้ามาดูที่ดินที่พัทยา แต่ในข้อความมีการพูดถึงเกาะสมุย ทั้งๆ ที่ไม่เคยมีการคุยกับตนเองเรื่องเกาะสมุย ตนเองมองว่าสามีถูกจับตัวไปแน่นอน เพราะสามีไม่เคยผิดนัดเรื่องงาน เป็นคนตรงเวลา ไม่ชอบให้ครอบครัวเป็นห่วง และคนที่จับตัวไป ไม่น่าใช่เรื่องที่ดินแล้ว แต่น่าจะเป็นกลุ่มคนที่รู้ว่าสามีตนเองทำธุรกิจอะไรมากกว่า และไม่ทราบว่าเป็นคนกลุ่มไหนมาจับสามีตนเองไปและเรื่องอะไร แต่ก็อยากให้ปล่อยสามีตนเอง ส่วนคนที่ตำรวจเชิญมาเมื่อวาน ไม่รู้จักและไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน โดยครอบครัวยังคงสงสัย คนที่ปรากฏในวงจรปิด แต่ต้องรอดให้ตำรวจตรวจสอบในประเด็นนี้

พร้อมฝากถึงคนที่พาสามีไปขอให้ปล่อยตัว อยากได้อะไรให้มาคุยกัน ไม่ใช่เก็บตัวสามีตนเองไปแล้วหายเงียบแบบนี้ วันนี้จึงอยากให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ช่วยตามหาตัวสามี และมั่นใจว่าสามียังอยู่ในประเทศ และหวังว่าจะมีชีวิตกลับบ้าน ตลอดเวลาที่สามีหายตัวไป ยังไม่เคยมีโทรศัพท์มาเรียกเงินแต่อย่างใด ส่วนกระแสข่าวที่ปรากฏในประเทศเพื่อนบ้าน ตนเองยืนยันว่า สามีไม่เคยเดินทางไปแถว ๆ ชายแดนย่านจังหวัดสระแก้ว ด้านลูกชายก็อยากให้เจอพ่อเร็ว ๆ เพราะครอบครัวเป็นห่วง ส่วนคนที่ตำรวจเอาตัวไปสอบเมื่อวานก็เห็น ที่ สภ.ตนเองฟังออกว่ามีการสื่อสารอะไรกับตำรวจ แต่ยังไม่ขอเปิดเผย


ขณะที่มีรายงานในคดีว่า เบื้องต้นหลังจากที่ทางตำรวจได้พบกับรถยนต์คันที่หายไปพร้อมกับตัวนายฮันส์ ปีเตอร์ ต่อมาตำรวจได้มี เชิญตัวผู้ต้องสงสัยจำนวน 3 ราย ชาวเยอรมัน ไปให้ปากคำในฐานะพยาน ซึ่งการให้ปากคำตลอดคืนที่ผ่านมายังไม่ค่อยเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีมากนัก แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยในรายละเอียดได้ รวมถึงตำรวจยังได้มีการตรวจสอบกล้องวงจรปิด ซึ่งขณะนี้พบข้อมูลของความเชื่อมโยงกับกลุ่มบุคคลที่คาดว่าจะเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปในครั้งนี้

ขณะที่การตรวจสอบเส้นทางการเงินของทางนายฮันส์ ปีเตอร์ ตอนนี้พบมีการโอนเงินออกจากแอพพลิเคชั่นธนาคารของ นายฮันส์ ปีเตอร์ จำนวนหลายครั้ง รวมยอด 2 ล้านบาท ซึ่งการโอนดังกล่าวเป็นการโอนอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ตำรวจอยู่ระหว่างการตรวจสอบบัญชีรับโอนปลายทาง

ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า วันนี้ได้เรียกประชุมชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 2 และชุดสืบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และตำรวจในพื้นที่เกิดเหตุเพื่อติดตามตัวนายฮันส์ ปีเตอร์ ชาวเยอรมัน ที่ได้หายออกจากบ้าน เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคมที่ผ่านมา พบว่าตอนนี้ยังไม่พบเบาะแสร่องรอยของตัวผู้สูญหาย แต่พบรถยนต์ ยี่ห้อเบนซ์สีเทาจอดทิ้งไว้ในพื้นที่ อ.หนองปรือ จังหวัดชลบุรี และขยายผล เชิญตัวผู้ต้องสงสัยในคดี เป็นหญิงทำหน้าที่ชี้เป้า 1 คน และผู้ต้องสงสัยอีก 1 คน คือนายโอลาฟ รับโอนเงิน ซึ่งยังให้การปฏิเสธ เนื่องจากมีการคุยกับทนายความมาก่อนแล้วถึงแนวทางที่จะให้การกับเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลคดีนี้ พบว่า ผู้ก่อเหตุมีการวางแผนเตรียมการมาเป็นอย่างดี ส่วนมูลเหตุขณะนี้เชื่อว่าประสงค์ต่อทรัพย์เนื่องจากผู้สูญหายมีทรัพย์สินจำนวนมาก และในช่วงที่หายตัวไปมีการโอนเงินออกจากบัญชี ขณะเดียวกันพบว่ามีการพยายามทำลายหลักฐาน โดยพบสารเคมีบางชนิดอยู่ภายในรถ ซึ่งก็อยู่ระหว่างรอผลจากเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานว่าเป็นสารชนิดใด และจะต้องไล่ดูกล้องวงจรปิดให้ครบเพื่อหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สิ่งสำคัญ เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเร่งติดตามตัวผู้สูญหายมาให้ได้โดยเร็วไม่ว่าจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ เพื่อให้ความจริงปรากฏ และสร้างความเชื่อมั่นต่อนักท่องเที่ยว เพราะไม่อย่างนั้น การอุ้มหายดังเช่นกรณีดังกล่าว ทั้งชาวจีนหรือชาวเยอรมัน รวมทั้งชาวต่างชาติ จะทำให้นักท่องเที่ยวไม่มีความเชื่อมั่นในความปลอดภัยเมื่อมาประเทศไทย. -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

แม่ทัพภาค 2 เชื่อผลประชุม GBC เป็นทิศทางที่ดี

7 ส.ค. – มทภ.2 ขอรอผลอย่างเป็นทางการหลังประชุม GBC เชื่อจะไปในทิศทางที่ดี เมิน “ฮุนเซน” ขอไทยงดใช้ F-16 ร้องนานาชาติ หยุดขายเครื่องบินรบให้ไทย ส่วนกรณีสายลับเขมร รอเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์ภายหลังรับมอบอุปกรณ์โดรนโลเคเตอร์ เครื่องจับพิกัดตัวโดรน รวม 30 เครื่อง มูลกว่า 8 ล้านบาท เครื่องนุ่งห่ม รวมถึงของใช้ที่จำเป็นเพื่อนำไปมอบให้ทหารแนวหน้า จากมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ผู้สื่อข่าวถามว่า วันนี้จะได้ข้อสรุปในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) สถานการณ์ต่อไปจะเป็นอย่างไร พลโท บุญสิน บอกว่ารอการชี้แจงอย่างเป็นทางการ เชื่อว่าจะดีขึ้น ย้ำว่า ในข้อเสนอ 8 เรื่อง 6 ประเด็น ตนให้ความสำคัญ ทหารไทย ณ ปัจจุบันนี้อยู่ตรงไหนก็ให้อยู่ตรงนั้น คำนึงถึงเรื่องนี้เป็นหลัก เน้นย้ำให้ทหารหน้าแนวตั้งอยู่ในความไม่ประมาท และตรึงกำลังไว้ตลอด เรื่องแผ่นดินไม่สามารถคุมได้ด้วยเครื่องมือ ต้องใช้คนเฝ้า เมื่อเปรียบเทียบกับท่าทีของกัมพูชาแล้ว เราจะต้องประกบไว้แบบนี้ […]

พล.อ.ณัฐพล เข้าเยี่ยมคำนับนายกฯ มาเลเซีย

มาเลเซีย 7 ส.ค.-พล.อ.ณัฐพล รมช.กห. เข้าเยี่ยมคำนับนายกฯ มาเลเซีย ก่อนถก GBC ไทย – กัมพูชา สมัยวิสามัญ บ่ายนี้ เมื่อเช้าวันนี้ (7 ส.ค. 68) พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เข้าเยี่ยมคำนับดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ซึ่งเป็นประธานอาเซียนในขณะนี้และเป็นเจ้าภาพของสถานที่การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป(General Border Committee: GBC) ไทย – กัมพูชา สมัยวิสามัญ โดยมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของกัมพูชาเข้าร่วมด้วย ซึ่งเป็นโอกาสแรกที่ฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชาได้พบกันในระดับรัฐมนตรีก่อนที่จะเข้าร่วมประชุม GBC สมัยวิสามัญ ที่จะมีขึ้นในช่วงบ่ายของวันนี้ Deputy Minister of Defence pays courtesy call on Malaysian Prime Minister before Extraordinary Session of Thailand […]

“บิ๊กเต่า” ลุยค้น 3 จุด จับอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร – อดีตเจ้าอาวาส

กทม. 7 ส.ค.-“บิ๊กเต่า” ลุยค้น 3 จุด บุกจับอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร – อดีตเจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท ก๊วนกิ๊กเก่า “สีกากอล์ฟ” หลังพบทุจริตยักยอกเงินวัด เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 7 ส.ค. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปาตแก้ว รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาฯ ป.ป.ท. นำกำลังตำรวจ บก.ปปป. และ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. เปิดปฏิบัติการ “กอล์ฟทีม EP.1” บุกค้นเป้าหมาย 3 จุด ใน จ.สุราษฎร์ธานี จ.พิจิตร และ จ.สมุทรสงคราม เพื่อจับกุมอดีตพระชั้นผู้ใหญ่ และ คนใกล้ชิด ที่เคยพัวพันสัมพันธ์ฉาวสีกากอล์ฟ หลังพบกระทำผิดทุจริตยักยอกเงินวัดมาใช้ดูแลสีกา เป้าหมายจุดแรกที่เข้าตรวจค้นเป็นสถานปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่ง จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นบ้านพักของนายทิวากร ดีไพร หรือ […]

มท.1 เด้งฟ้าผ่า ผู้ว่าฯ อุบลราชธานี

เมืองทองธานี 7 ส.ค.-รมว.มหาดไทย สั่งเด้งฟ้าผ่า “ผู้ว่าฯ อุบลราชธานี” ก่อนประชุมมอบนโยบายกระทรวงมหาดไทย เหตุมีปัญหาเบิกจ่ายงบประมาณดูแลประชาชนได้รับผลกระทบชายแดนไทย-กัมพูชา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เปิดเผยก่อนการประชุมมอบนโยบายสำคัญของกระทรวงมหาดไทย ว่า ได้มีการสั่งย้าย ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ให้มาช่วยราชการที่กระทรวงมหาดไทย หลังมีปัญหาเรื่องการเบิกจ่ายงบประมาณในการช่วยเหลือดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งมีการเบิกงบทดรองราชการจ่ายเพียง 55,600 บาท จากที่รัฐบาลจัดสรรงบประมาณให้ 100 ล้านบาท ส่วนจะย้ายชั่วคราว หรือถาวรน้้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า เดี๋ยวค่อยว่ากัน เมื่อถามว่า จะรอผลสอบก่อนใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เดี๋ยวค่อยว่ากันในรายละเอียด โดยคำสั่งจะออกในช่วงเช้าวันนี้ อย่างไรก็ตาม มีการยืนยันจากผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ว่าได้เดินทางมาร่วมการประชุมในครั้งนี้ด้วย​ แต่ปฏิเสธที่จะแสดง​ความเห็น​ และไม่ขอให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน.-315.-สำนักข่าวไทย