กรุงเทพฯ 8 ก.ค. – สืบนครบาลรวบ “เจ๊เล็ก” อ้างเป็นโมเดลลิ่ง ลวงสาวอยากเข้าวงการบันเทิงมาข่มขืน เคยถูกจับ และสารภาพก่อเหตุมาแล้วไม่ต่ำกว่า 100 ครั้ง ทำมานานเกือบ 20 ปี
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ ติดตามจับกุมตัว นายสนธิชัย หรือ “เจ๊เล็กหรือบัว” อายุ 60 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ จ.2007/2566 ลงวันที่ 27 มิ.ย.66 โดยกล่าวหาว่า พยายามข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้และกระทำอนาจาร และพบประวัติการเคยถูกจับกุมและดำเนินคดีในข้อหา “ข่มขืนกระทำชำเราฯ” เมื่อปี 2558 พื้นที่ สน.พญาไท
พฤติการณ์กล่าวคือ “เจ๊เล็กหรือบัว” ก่อเหตุข่มขืนหญิงสาวมาอย่างโชกโชน โดยเจ้าตัวเคยถูกชุดสืบนครบาล จับกุมเมื่อปี พ.ศ.2558 ในข้อหา “ข่มขืนกระทำชำเราฯ” และเคยสารภาพไว้กับชุดจับกุมว่าทำมาแล้วไม่ต่ำกว่า 100 ครั้ง ล่าสุดได้พ้นโทษออกมาแล้วเมื่อ 20 พ.ค.65 แต่ไม่ได้กลับตัวกลับใจแต่อย่างใด ตระเวนลงมือก่อเหตุข่มขืนเหยื่อเช่นเดิม โดยช่วงแรกที่คนร้ายเริ่มตระเวนก่อเหตุหลังพ้นโทษออกมา เจ้าหน้าที่ในแต่ละท้องที่ยังไม่สามารถยืนยันตัวคนร้ายได้ เนื่องจากปลอมเป็นสาวประเภทสอง แมวมองขั้นเทพหานางแบบ นักร้อง นักแสดง ใช้จิตวิทยาลวงเหยื่อไปก่อเหตุ และที่สร้างความพิศวงกับเจ้าหน้าที่ที่สุดคือ เหยื่อทุกรายต่างไม่ทราบว่าคนร้ายคือใคร ไม่ทราบข้อมูลใดๆ ของคนร้ายเลยเพียงสักนิดเดียว จำได้เพียงใบหน้าและการกระทำ ทำให้เจ้าหน้าที่สืบสวนติดตามได้อย่างยากลำบาก
โดยเบาะแสเบื้องต้นมีผู้ตกเป็นเหยื่อไม่ต่ำกว่า 30 ราย แต่ส่วนใหญ่จะไม่กล้าแจ้งความดำเนินคดีเพราะอับอาย และส่วนใหญ่ก็ไม่ทราบว่าคนร้ายมีชื่อนามสกุลจริงใด พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. วิเคราะห์คนร้ายรายนี้แล้วไม่ใช่อาชญากรทั่วไปได้รายงานให้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ทราบ จึงจัดทีมสืบสวนมือดี แกะรอยจนพบ “ลายเซ็น” อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ เจ๊เล็ก โดยมีแผนประทุษกรรม ล่าสุดเมื่อวันที่ 22 เม.ย. 66 ได้ลงมือล่อลวงหญิงสาวรายหนึ่งโดยล่อลวงจากที่ห้างชื่อดัง ย่านลาดพร้าว โดยอ้างว่าตนเองชื่อ “บัว” และอ้างว่าเป็นหุ้นส่วนของห้างดังกล่าว และเป็นโมเดลลิ่งแมวมองหานางแบบมาถ่ายแบบ ก่อนใช้จิตวิทยาพาไปที่ลับตาภายในห้างขอดูสัดส่วนแบบวับๆแวมๆ เมื่อเห็นเหยื่อหลงเชื่อและยินยอม ก็ออกอุบายต่อว่าจะขอดูห้องพักของเหยื่อ เพื่อประเมินสภาพแวดล้อมของตัวนางแบบ ด้วยลักษณะท่าทางและการพูดเชิงจิตวิทยาทำให้เหยื่อเชื่อว่าคนร้ายเป็นคนในวงการบันเทิงจริงๆ และทางกายภาพเป็นสาวประเภท 2 ทำให้เหยื่อหลงเชื่อพาคนร้ายเดินทางไปที่ห้องพัก เมื่อเข้าห้องกับเหยื่อ สลับคราบสาว 2 ลงมือข่มขืนเหยื่อแต่ไม่สำเร็จ แล้วหลบหนีไป
โดยจัดทีม พ.ต.ท.สมพงษ์ เกตุระติ พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ กับพวกกระจายกำลังแฝงตัวตามห้างดังในพื้นที่ จ.กรุงเทพฯ เป็นเวลากว่า 2 สัปดาห์ จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ที่ลงพื้นที่แฝงตัวได้พบกับชายต้องสงสัยรายหนึ่ง มีพฤติกรรมใกล้เคียงกับแผนประทุษกรรมของคนร้าย คือนั่งมองเหล่าเด็กผู้หญิง และบางครั้งมีการเข้าไปพูดคุยทั้งที่ไม่ได้รู้จักกัน สะกิดสัญชาตญาณนักสืบแอบติดตามชายต้องสงสัยคนดังกล่าวไปจนทราบว่า คืออาชญากรต่อเนื่องผู้เลื่องชื่อที่ถูกจับกุมไปเมื่อปี 2553 และ 2558 คือ นายสนธิชัย หรือเจ๊เล็ก โดยสมัยนั้นถูกจับกุมในข้อหา “ข่มขืนกระทำชำเราฯ” และสารภาพไว้กับชุดจับกุมในสมัยปี 2558 ว่า “ก่อเหตุลักษณะนี้ 14 คดี ยอมรับว่าทั้งชีวิตทำมาแล้ว 100 กว่าราย มีทั้งข้าราชการ ผู้บริหารบริษัทดังใหญ่ๆ และนักศึกษาระดับปริญญาตรี ปริญญาโท ที่มีเงินโดยจะใช้เวลาพูดคุยหว่านล้อมรายละ 2 นาที”
การจับกุมในปี 2558 นั้นคนร้ายรายนี้ได้รับโทษและเพิ่งพ้นโทษออกมาเมื่อ 20 พ.ค.65 และตระเวนลงมือก่อเหตุข่มขืนเหยื่อเช่นเดิม พล.ต.ต.ธีรเดช ย้อนขุดประวัติคนร้าย ตั้งแต่ ปี 2535-2552 เจ๊เล็กเปลี่ยนงานมาแล้วประมาณ 15 ที่ ทำมาตั้งแต่ก่อสร้าง คนขับรถขนส่ง โรงงานชิ้นส่วนรถยนต์ เครื่องจักร บริษัทที่ปรึกษา จัดหางาน รปภ. งานติดตั้งผ้าม่านและแต่ละที่ส่วนใหญ่จะทำงาน ไม่เกิน 1-5 เดือน ก็เปลี่ยนงานใหม่ ส่วนใหญ่จะวนเวียนหางานเปลี่ยนไปเรื่อยแต่ในพื้นที่ กทม. ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง กระทั่ง พ.ศ.2552 ได้เริ่มเข้ามารู้จักในคนแวดวงการบันเทิงและผุดไอเดียวิปริต หลอกข่มขืนเหยื่อหญิงสาวผู้ที่อยากเข้าวงการบันเทิง
ต่อมา พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ส่งเจ้าหน้าที่แฝงตัวเป็นหญิงสาวเดินตามห้างดัง ในกรุงเทพ จนกระทั่งสืบสวนจนติดตามจับกุมได้ในที่สุด โดยจับได้ที่ห้องพักไม่มีเลขที่ ชุมชนริมทางรถไฟสายแปดริ้ว แขวงสี่แยกมหานาค เขตดุสิต กรุงเทพ เมื่อเวลา 15.20 น. วันที่ 8 ก.ค.66 อยู่กับหญิงสาวรายหนึ่ง ในชั้นจับกุม นายสนธิชัย ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยอ้างว่าต้องมีกล้องวงจรปิดมาเป็นหลักฐาน และสาวๆ ยินยอมพร้อมใจเอง เมื่อธุรกิจไม่สำเร็จจึงถูกแจ้งความ หลังจากจับกุมตัว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้นำตัว ส่งที่ สน.บางซื่อ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหายต่อไป
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า “แผนประทุษกรรมคนร้ายจะใช้ “วันเสาร์-อาทิตย์” สรรหาเหยื่อตามห้างสรรพสินค้า หรือสถานที่ต่างๆ ที่เดินทางไป และคัดเลือกเหยื่อที่เป็นหญิงสาววัยรุ่น หน้าตาดีที่มีความใฝ่ฝันจะเป็นนางแบบ หรือดารานักแสดง จากนั้นจะเข้าตีสนิทโดยแสร้งเป็นสาวประเภท2 และใช้ตัวตนปลอมโดยอ้างว่าตนเองเป็นโมเดลลิ่งสามารถพาเข้าวงการบันเทิงได้ เมื่อเหยื่อหลงเชื่อก็จะถูกพาเข้าโรงแรมโดยจะอ้างว่าไปเพื่อดูรูปร่างสัดส่วน หรือการแคสติง ซึ่งความเป็นจริงเมื่อไปถึงที่โรงแรมก็จะลงมือข่มขืนเหยื่อ และเหยื่อเกือบทั้งหมดไม่กล้าแจ้งความ หรือไม่ทราบชื่อว่าคนร้ายเป็นผู้ใด จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ผู้เคยตกเป็นเหยื่อโปรดแจ้งข้อมูลมาที่เพจ “สืบนครบาล IDMB” เรามีเจ้าหน้าที่พร้อมให้คำแนะนำตลอด 24 ชั่วโมง แม้ไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์แต่หากเป็นเรื่องความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.” .-สำนักข่าวไทย