รวบ “เจ๊เล็ก” ลวงข่มขืนสาวอยากเข้าวงการบันเทิง

กรุงเทพฯ 8 ก.ค. – สืบนครบาลรวบ “เจ๊เล็ก” อ้างเป็นโมเดลลิ่ง ลวงสาวอยากเข้าวงการบันเทิงมาข่มขืน เคยถูกจับ และสารภาพก่อเหตุมาแล้วไม่ต่ำกว่า 100 ครั้ง ทำมานานเกือบ 20 ปี


พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ ติดตามจับกุมตัว นายสนธิชัย หรือ “เจ๊เล็กหรือบัว” อายุ 60 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ จ.2007/2566 ลงวันที่ 27 มิ.ย.66 โดยกล่าวหาว่า พยายามข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้และกระทำอนาจาร และพบประวัติการเคยถูกจับกุมและดำเนินคดีในข้อหา “ข่มขืนกระทำชำเราฯ” เมื่อปี 2558 พื้นที่ สน.พญาไท

พฤติการณ์กล่าวคือ “เจ๊เล็กหรือบัว” ก่อเหตุข่มขืนหญิงสาวมาอย่างโชกโชน โดยเจ้าตัวเคยถูกชุดสืบนครบาล จับกุมเมื่อปี พ.ศ.2558 ในข้อหา “ข่มขืนกระทำชำเราฯ” และเคยสารภาพไว้กับชุดจับกุมว่าทำมาแล้วไม่ต่ำกว่า 100 ครั้ง ล่าสุดได้พ้นโทษออกมาแล้วเมื่อ 20 พ.ค.65 แต่ไม่ได้กลับตัวกลับใจแต่อย่างใด ตระเวนลงมือก่อเหตุข่มขืนเหยื่อเช่นเดิม โดยช่วงแรกที่คนร้ายเริ่มตระเวนก่อเหตุหลังพ้นโทษออกมา เจ้าหน้าที่ในแต่ละท้องที่ยังไม่สามารถยืนยันตัวคนร้ายได้ เนื่องจากปลอมเป็นสาวประเภทสอง แมวมองขั้นเทพหานางแบบ นักร้อง นักแสดง ใช้จิตวิทยาลวงเหยื่อไปก่อเหตุ และที่สร้างความพิศวงกับเจ้าหน้าที่ที่สุดคือ เหยื่อทุกรายต่างไม่ทราบว่าคนร้ายคือใคร ไม่ทราบข้อมูลใดๆ ของคนร้ายเลยเพียงสักนิดเดียว จำได้เพียงใบหน้าและการกระทำ ทำให้เจ้าหน้าที่สืบสวนติดตามได้อย่างยากลำบาก


โดยเบาะแสเบื้องต้นมีผู้ตกเป็นเหยื่อไม่ต่ำกว่า 30 ราย แต่ส่วนใหญ่จะไม่กล้าแจ้งความดำเนินคดีเพราะอับอาย และส่วนใหญ่ก็ไม่ทราบว่าคนร้ายมีชื่อนามสกุลจริงใด พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. วิเคราะห์คนร้ายรายนี้แล้วไม่ใช่อาชญากรทั่วไปได้รายงานให้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ทราบ จึงจัดทีมสืบสวนมือดี แกะรอยจนพบ “ลายเซ็น” อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ เจ๊เล็ก โดยมีแผนประทุษกรรม ล่าสุดเมื่อวันที่ 22 เม.ย. 66 ได้ลงมือล่อลวงหญิงสาวรายหนึ่งโดยล่อลวงจากที่ห้างชื่อดัง ย่านลาดพร้าว โดยอ้างว่าตนเองชื่อ “บัว” และอ้างว่าเป็นหุ้นส่วนของห้างดังกล่าว และเป็นโมเดลลิ่งแมวมองหานางแบบมาถ่ายแบบ ก่อนใช้จิตวิทยาพาไปที่ลับตาภายในห้างขอดูสัดส่วนแบบวับๆแวมๆ เมื่อเห็นเหยื่อหลงเชื่อและยินยอม ก็ออกอุบายต่อว่าจะขอดูห้องพักของเหยื่อ เพื่อประเมินสภาพแวดล้อมของตัวนางแบบ ด้วยลักษณะท่าทางและการพูดเชิงจิตวิทยาทำให้เหยื่อเชื่อว่าคนร้ายเป็นคนในวงการบันเทิงจริงๆ และทางกายภาพเป็นสาวประเภท 2 ทำให้เหยื่อหลงเชื่อพาคนร้ายเดินทางไปที่ห้องพัก เมื่อเข้าห้องกับเหยื่อ สลับคราบสาว 2 ลงมือข่มขืนเหยื่อแต่ไม่สำเร็จ แล้วหลบหนีไป

โดยจัดทีม พ.ต.ท.สมพงษ์ เกตุระติ พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ กับพวกกระจายกำลังแฝงตัวตามห้างดังในพื้นที่ จ.กรุงเทพฯ เป็นเวลากว่า 2 สัปดาห์ จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ที่ลงพื้นที่แฝงตัวได้พบกับชายต้องสงสัยรายหนึ่ง มีพฤติกรรมใกล้เคียงกับแผนประทุษกรรมของคนร้าย คือนั่งมองเหล่าเด็กผู้หญิง และบางครั้งมีการเข้าไปพูดคุยทั้งที่ไม่ได้รู้จักกัน สะกิดสัญชาตญาณนักสืบแอบติดตามชายต้องสงสัยคนดังกล่าวไปจนทราบว่า คืออาชญากรต่อเนื่องผู้เลื่องชื่อที่ถูกจับกุมไปเมื่อปี 2553 และ 2558 คือ นายสนธิชัย หรือเจ๊เล็ก โดยสมัยนั้นถูกจับกุมในข้อหา “ข่มขืนกระทำชำเราฯ” และสารภาพไว้กับชุดจับกุมในสมัยปี 2558 ว่า “ก่อเหตุลักษณะนี้ 14 คดี ยอมรับว่าทั้งชีวิตทำมาแล้ว 100 กว่าราย มีทั้งข้าราชการ ผู้บริหารบริษัทดังใหญ่ๆ และนักศึกษาระดับปริญญาตรี ปริญญาโท ที่มีเงินโดยจะใช้เวลาพูดคุยหว่านล้อมรายละ 2 นาที”

การจับกุมในปี 2558 นั้นคนร้ายรายนี้ได้รับโทษและเพิ่งพ้นโทษออกมาเมื่อ 20 พ.ค.65 และตระเวนลงมือก่อเหตุข่มขืนเหยื่อเช่นเดิม พล.ต.ต.ธีรเดช ย้อนขุดประวัติคนร้าย ตั้งแต่ ปี 2535-2552 เจ๊เล็กเปลี่ยนงานมาแล้วประมาณ 15 ที่ ทำมาตั้งแต่ก่อสร้าง คนขับรถขนส่ง โรงงานชิ้นส่วนรถยนต์ เครื่องจักร บริษัทที่ปรึกษา จัดหางาน รปภ. งานติดตั้งผ้าม่านและแต่ละที่ส่วนใหญ่จะทำงาน ไม่เกิน 1-5 เดือน ก็เปลี่ยนงานใหม่ ส่วนใหญ่จะวนเวียนหางานเปลี่ยนไปเรื่อยแต่ในพื้นที่ กทม. ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง กระทั่ง พ.ศ.2552 ได้เริ่มเข้ามารู้จักในคนแวดวงการบันเทิงและผุดไอเดียวิปริต หลอกข่มขืนเหยื่อหญิงสาวผู้ที่อยากเข้าวงการบันเทิง


ต่อมา พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ส่งเจ้าหน้าที่แฝงตัวเป็นหญิงสาวเดินตามห้างดัง ในกรุงเทพ จนกระทั่งสืบสวนจนติดตามจับกุมได้ในที่สุด โดยจับได้ที่ห้องพักไม่มีเลขที่ ชุมชนริมทางรถไฟสายแปดริ้ว แขวงสี่แยกมหานาค เขตดุสิต กรุงเทพ เมื่อเวลา 15.20 น. วันที่ 8 ก.ค.66 อยู่กับหญิงสาวรายหนึ่ง ในชั้นจับกุม นายสนธิชัย ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยอ้างว่าต้องมีกล้องวงจรปิดมาเป็นหลักฐาน และสาวๆ ยินยอมพร้อมใจเอง เมื่อธุรกิจไม่สำเร็จจึงถูกแจ้งความ หลังจากจับกุมตัว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้นำตัว ส่งที่ สน.บางซื่อ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหายต่อไป

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า “แผนประทุษกรรมคนร้ายจะใช้ “วันเสาร์-อาทิตย์” สรรหาเหยื่อตามห้างสรรพสินค้า หรือสถานที่ต่างๆ ที่เดินทางไป และคัดเลือกเหยื่อที่เป็นหญิงสาววัยรุ่น หน้าตาดีที่มีความใฝ่ฝันจะเป็นนางแบบ หรือดารานักแสดง จากนั้นจะเข้าตีสนิทโดยแสร้งเป็นสาวประเภท2 และใช้ตัวตนปลอมโดยอ้างว่าตนเองเป็นโมเดลลิ่งสามารถพาเข้าวงการบันเทิงได้ เมื่อเหยื่อหลงเชื่อก็จะถูกพาเข้าโรงแรมโดยจะอ้างว่าไปเพื่อดูรูปร่างสัดส่วน หรือการแคสติง ซึ่งความเป็นจริงเมื่อไปถึงที่โรงแรมก็จะลงมือข่มขืนเหยื่อ และเหยื่อเกือบทั้งหมดไม่กล้าแจ้งความ หรือไม่ทราบชื่อว่าคนร้ายเป็นผู้ใด จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ผู้เคยตกเป็นเหยื่อโปรดแจ้งข้อมูลมาที่เพจ “สืบนครบาล IDMB” เรามีเจ้าหน้าที่พร้อมให้คำแนะนำตลอด 24 ชั่วโมง แม้ไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์แต่หากเป็นเรื่องความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.” .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดโผตำรวจ ประชุม ก.ตร. กว่า 8 ชม. แต่งตั้งนายพล 250 ตำแหน่ง

1 ก.ย. – เปิดโผตำรวจ ประชุม ก.ตร. กว่า 8 ชม. บัญชีแต่งตั้งนายพลตำรวจ 250 ตำแหน่ง “บิ๊กเต่า” แห้ว “นพศิลป์” ได้ขึ้น พล.ต.ท. เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 31 สิงหาคม 2568 ที่ห้องศรียานนท์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (รองประธาน ก.ตร.) เป็นประธานการประชุม ก.ตร. ครั้งที่ 8/2568 วาระแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ ระดับผู้บังคับการ (ผบก.) ถึง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ประจำปี 2568 โดยแต่งตั้งเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น และโยกย้ายสับเปลี่ยน กว่า 250 ตำแหน่ง ทั้งนี้ ก.ตร.ครบองค์ประชุม ขาดเพียงนายภูมิธรรม […]

“บิ๊กเต่า” ยอมรับมีอดีต ผอ.พศ.-ตลกดัง ถือครองโฉนดที่ดินแทนอดีตพระอลงกต

กรุงเทพฯ 1 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” ยอมรับมีอดีต ผอ.พศ.-ตลกชื่อดัง ถือครองโฉนดที่ดินแทน “อดีตพระอลงกต” ส่วน “สมปอง” ยังอยู่ในข่ายถูกดำเนินคดี แม้อ้างว่าเป็นการยืมเงินและคืนไปบางส่วนแล้ว ขณะที่วง “พิงค์แพนเตอร์” ประสานเข้าพบตำรวจเร็วๆ นี้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยความคืบหน้าการสืบสวนคดี “อลงกตการละคร” ระบุว่า คดีมีความคืบหน้าไปพอสมควร และมีตัวละครที่สามารถดำเนินคดีได้หลายคน แต่ตำรวจต้องการพยานหลักฐานมาประกอบข้อมูลตรงนี้ให้ชัดเจนมากขึ้นก่อน ซึ่งตอนนี้พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามทยอยเรียกสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องมากขึ้นเรื่อย ส่วนความคืบหน้าการตรวจสอบขยายผลเส้นทางการเงินและทรัพย์สิน โดยเฉพาะประเด็นที่มีคนใกล้ชิด อักษรย่อ นางสาว ว. ถือครองโฉนดที่ดินมูลค่ารวม 140 ล้านบาทนั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยืนยันว่าตำรวจอยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบบุคคลเกี่ยวข้องทั้งหมด โดยในจำนวนนั้นยอมรับว่ามีอดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และตลกชื่อดัง ถือครองโฉนดที่ดินแทน “อดีตพระอลงกต” ด้วย โดยทั้งคู่มีพฤติกรรมคล้ายๆ กัน คือ เข้าไปหาผลประโยชน์ และไม่ใช่เพียงผลประโยชน์จากเงินวัดก้อนเดียว แต่หาผลประโยชน์จากกลุ่มเครือข่ายด้วย ซึ่งมีมูลค่าเงินจำนวนมาก และทางอดีตพระอลงกต ก็มองว่าตนเองถูกรังแก ถูกโกงเงินไป ทั้งเรื่องคอนเสิร์ต เรื่องที่ดิน และถือครองทรัพย์สินแทน […]

พรรคกล้าธรรม ออกแถลงการณ์โหวตหนุน “อนุทิน” นั่งนายกฯ

พรรคกล้าธรรม 30 ส.ค.-พรรคกล้าธรรม ออกแถลงการณ์ โหวตหนุน “อนุทิน” นั่งนายกฯ ชี้ปล่อยให้ประเทศเกิดสุญญากาศไม่ได้ เผยภูมิใจไทยรับข้อเสนอ แก้ กม.ต้องไม่กระทบสถาบันพระมหากษัตริย์ เมื่อเวลา 15.55 น. พรรคกล้าธรรม (กธ.) ได้ออกแถลงการณ์ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร พ้นจากความเป็นนายกรัฐมนตรี จากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งทำให้คณะรัฐมนตรีต้องพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ และจะต้องมีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ต่อไปว่า คณะกรรมการบริหารพรรค ร่วมกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ได้ร่วมกันพิจารณารับฟังความคิดเห็นของสมาชิกพรรคทุกท่าน เพื่อกำหนดทิศทางการดำเนินการของพรรค รวมถึงพิจารณาข้อเสนอของพรรคภูมิใจไทย โดยมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า พรรคกล้าธรรม จะลงมติในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สนับสนุนให้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 เนื่องด้วยสถานการณ์ของประเทศไทยขณะนี้ จำเป็นที่จะต้องมีฝ่ายบริหารมาขับเคลื่อนและแก้ปัญหาให้กับประชาชนในทุกด้าน ทั้ง ปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศ ปัญหาเศรษฐกิจทั้งในและนอกประเทศ ปัญหาสังคมด้านต่าง ๆ อย่างเร่งด่วน โดยไม่สามารถประวิงเวลาไปได้อีก พรรคกล้าธรรม ได้แสดงจุดยืนของพรรคให้กับพรรคภูมิใจไทยทราบ คือ 1.พรรคกล้าธรรม ยึดถือ […]

“เดชอิศม์” ปิดประตูจับมือ “ภูมิใจไทย” ตั้งรัฐบาล

พรรคประชาธิปัตย์ 31 ส.ค.- “เดชอิศม์” ปิดประตูจับมือ “ภูมิใจไทย” ตั้งรัฐบาล กร้าว ถ้าหนุนก็ไม่เหลือความเป็นคน บอก รัฐประหาร 100 ครั้ง ก็ไม่เลวร้ายเท่าฮั้ว สว. ยกอำนาจให้คนเดียวชี้ขาดประเทศ ย้ำคดีเขากระโดง ต้องเอาผิดให้เด็ดขาด บอก 2-3 เดือน ก็ยุบสภาได้ ไม่ต้องรอ 4 เดือน นายเดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายภูมิธรรม เวชยชัย ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย ออกมาระบุภายหลังการเจรจากับพรรคประชาชน ที่พรรคร่วมรัฐบาลรับเงื่อนไขทั้งหมดของพรรคประชาชน ว่า จริงๆ เป็นเรื่องของพรรคเพื่อไทย กับพรรคประชาชน ตนไปเป็นเพื่อนเขา ส่วนประเด็นเป็นเรื่องของทั้งสองพรรคต้องคุยกัน เมื่อถามย้ำว่า หมายถึงพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้รับเงื่อนไขทั้งหมดใช่หรือไม่ นายเดชอิศม์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ปฏิบัติตามเงื่อนไขของพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมด ส่วนจะนำข้อหารือระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาชน เข้าสู่ที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ด้วยหรือไม่ นายเดชอิศม์ ยอมรับว่า อาจอยู่ในวาระอื่นๆ เนื่องจากมีวาระสำคัญอยู่แล้ว เมื่อถามว่า ส่วนตัวเห็นด้วยกับข้อเสนอของพรรคประชาชนและและข้อเสนอเพิ่มเติมของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายเดชอิศม์ ยืนยันว่า […]

ข่าวแนะนำ

พรรคเพื่อไทย โพสต์นับหนึ่งกระบวนการยุบสภา

กรุงเทพฯ 3 ก.ย.-พรรคเพื่อไทย โพสต์นับหนึ่งกระบวนการยุบสภา ยืนยันอำนาจ เดินหน้าสู่การเลือกตั้ง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.26 น. เพจเฟซบุ๊กพรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อความว่า ผู้ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรม เวชยชัย ได้ยื่นทูลเกล้าฯ ยุบสภาแล้ว รายละเอียดจากแถลงอย่างเป็นทางการและยังระบุข้อความว่า “นับหนึ่งกระบวนการยุบสภา ยืนยันอำนาจ เดินหน้าสู่การเลือกตั้ง” นอกจากนี้ยังโพสต์ข้อความให้การให้สัมภาษณ์ของนายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย และนายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่ได้ยืนยันว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ได้ดำเนินการยื่นทูลเกล้าฯ พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎรแล้ว.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ขอบคุณพรรคประชาชน ย้ำพร้อมรับทุกเงื่อนไข

รัฐสภา 3 ก.ย.-“อนุทิน” ขอบคุณพรรคประชาชน มีมติโหวตหนุนนั่งนายกฯ ย้ำพร้อมรับทุกเงื่อนไข หัวเราะ “เพื่อไทย” บอกเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย พาประเทศไม่รอด เป็นเหตุยื่นยุบสภา ชี้ให้ไปดูคำแถลงพรรคส้ม นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เดินทางเข้าสภาเมื่อเวลา 09.45 น. โดยผู้สื่อข่าว พยายามถามถึงกรณีที่พรรคประชาชนได้แถลงข่าวสนับสนุนนายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรี ฝั่งพรรคเพื่อไทยได้ดำเนินการยื่นทูลเกล้าฯ ยุบสภา แต่นายอนุทิน ไม่ได้ตอบคำถาม บอกแค่ว่าขอไปประชุมก่อน ผู้สื่อข่าวจึงถามต่อว่า ดีใจหรือไม่ที่พรรคประชาชนจะโหวตสนับสนุนเป็นนายกรัฐมนตรี นายอนุทิน ตอบว่า “ก็ดีใจสิ และรู้สึกขอบคุณมากๆ ด้วย” ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ขณะนี้พรรคเพื่อไทยยื่นทูลเกล้าฯ ยุบสภาแล้ว นายอนุทิน กล่าวว่า ขอขึ้นไปประชุมกับพรรคภูมิใจไทยก่อน เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยอ้างเหตุผลการยุบสภาว่า เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย จะนำพาประเทศไปไม่รอด นายอนุทินหัวเราะ ก่อนตอบว่า ดูร่างที่พรรคประชาชนได้แถลงมันมีคำตอบอยู่ในนั้น เมื่อถามว่าพร้อมเซ็นตามข้อตกลงของพรรคประชาชนหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า “พร้อมสิครับ ยอมรับได้ทุกข้อ”.-สำนักข่าวไทย

มติพรรคประชาชน โหวตหนุน “อนุทิน” นั่งนายกฯ

รัฐสภา 3 ก.ย.-มติพรรคประชาชน แถลงยกมือโหวตหนุน “อนุทิน” นั่งนายกฯ โดยพรรคภูมิใจไทยจะต้องยอมตกลงเงื่อนไข 4 ข้อ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน แถลงว่า ในช่วงระยะเวลา 5 วันที่ผ่านมานี้ เป็นช่วงเวลาแห่งความไม่แน่นอนและจากกระแสข่าวเมื่อวานในเรื่องของการยุบสภา ซึ่งจนถึงปัจจุบันยังไม่ได้มีการชี้แจงอย่างเป็นทางการหรือมีการรับรองอย่างเป็นทางการจากฝั่งพรรคเพื่อไทยว่ามีการทูลเกล้าฯ เสนอยุบสภาแล้วหรือไม่ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาชน วันนี้มาพร้อมผู้บริหารพรรคบางส่วนที่ได้มีการประชุมกันเมื่อเช้านี้ถึงข้อสรุปว่าภาคประชาชนจะตัดสินใจอย่างไรในสถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน นับตั้งแต่กรณีการเผยแพร่คลิปเสียงการสนทนาระหว่างอดีตนายกรัฐมนตรี และสมเด็จฮุนเซ็น พรรคประชาชนยืนยันมาโดยตลอดว่าทางออกที่ดีที่สุดสำหรับประเทศคือการคืนอำนาจให้กับประชาชนตัดสินใจ กำหนดอนาคตของประเทศผ่านการยุบสภา เพื่อเดินหน้าสู่การเลือกตั้งใหม่ ให้เรามีรัฐบาลใหม่เพื่อให้มีความชอบธรรมมีเสถียรภาพและมีศักยภาพในการแก้ไขปัญหาสำคัญของประชาชนทางด้านการเมืองเศรษฐกิจสังคมและความมั่นคง แต่จนถึงวันนี้รัฐบาลผู้มีอำนาจในการยุบสภา กลับยังไม่ให้ความชัดเจนและยังไม่ตอบสนองและมีความพยายามที่จะอยู่ในอำนาจให้นานที่สุด โดยไม่สำนึกถึงความล้มเหลวในการบริหารประเทศ หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร พ้นผลจากตำแหน่ง พรรคประชาชนจึงเห็นว่าหากพรรคงดออกเสียงในการพิจารณาให้ความเห็นชอบนายกรัฐมนตรีคนใหม่ อาจเกิดสถานการณ์ที่ไม่มีผู้ใดได้เสียงสนับสนุนเกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งอาจเกิดความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดไหลกลับไปรวมตัวกันของพรรคร่วมรัฐบาลชุดเดิมที่ได้บริหารประเทศอย่างล้มเหลวมาตลอดสองปีที่ผ่านมา รวมทั้งทางเสี่ยงเปิดทางให้หัวหน้าคณะปฏิวัติรัฐประหารกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง หรือไม่ก็เปิดช่องให้มีนายกรัฐมนตรีคนนอกซึ่งขัดต่อหลักที่พรรคประชาชนยึดถือ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตลอด 5 วันที่ผ่านมานี้ หลังจากที่ได้มีการพูดคุยกับพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย พรรคประชาชนได้พิจารณาอย่างละเอียดถึงความเข้าใจของสองพรรคต่อเงื่อนไขของพรรคประชาชนและกลไกควบคุมให้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ต้องรักษาตามเงื่อนไขดังกล่าว ประกอบกับการรับฟังเสียงของสมาชิกพรรคทั่วประเทศ และผู้แทนราษฎรของพรรคอย่างรอบคอบแล้ว วันนี้คณะกรรมการบริหารของพรรคจึงได้ประชุมและมีมติว่าหากมีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้ความเห็นชอบเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ภาคประชาชนจะให้ความเห็นชอบแก่นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย โดยพรรคภูมิใจไทยจะต้องยอมตกลงเงื่อนไขดังต่อไปนี้ ข้อที่หนึ่ง นายกรัฐมนตรีคนใหม่จะต้องยุบสภาผู้แทนราษฎรภายใน 4 เดือน […]

น้ำท่วมย่านการค้า อ.หล่มสัก ลดลงต่อเนื่อง สัญจรได้แล้ว

2 ก.ย. – น้ำท่วมย่านการค้าในเขตเทศบาลเมืองหล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ลดลงต่อเนื่อง ถนนหลายสายรถสัญจรได้แล้ว ขณะที่ จ.พิษณุโลก น้ำทะลักกัดเซาะถนนขาด ไหลท่วมบ้านเรือน ส่วน จ.แม่ฮ่องสอน น้ำป่าหลาก-ดินโคลนถล่ม เสียชีวิต 1 ราย ระดับน้ำที่ท่วมบ้านเรือน ร้านค้าตามชุมชน และย่านการค้าในเขตเทศบาลเมืองหล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ลดลง จากที่เคยท่วมสูงเกือบ 1 เมตร ลดเหลือ 20-30 เซนติเมตร รวมทั้งบริเวณแยกหอนาฬิกา ซึ่งน้ำท่วมลดลงแต่ยังมีน้ำไหลผ่านอยู่บ้าง และมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ ถนนหลายสายรถยนต์สามารถสัญจรไปมาได้แล้ว แต่ถนนบางสายยังปิดการจราจร ป้องกันรถที่วิ่งผ่านทำให้น้ำทะลักเข้าร้านค้า เจ้าของร้านค้าบางส่วนเริ่มสำรวจความเสียหายของข้าวของเครื่องใช้ รวมทั้งสินค้าต่างๆ ที่ถูกน้ำท่วม หลังแม่น้ำป่าสักที่ไหลผ่าน อ.หล่มสัก ลดลงต่ำกว่าพนังกั้นน้ำราวครึ่งเมตรแล้ว หากไม่มีฝนตกหรือมวลน้ำทางตอนเหนือเติมลงมา คาดว่าน้ำที่ท่วมในเขตเทศบาลเมืองหล่มสัก รวมทั้งบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรใน ต.ตาลเดี่ยว ที่อยู่ทางตอนใต้ จะลดลงเรื่อยๆ และเข้าสู่ภาวะปกติในเร็วๆ นี้ น้ำทะลักตัดถนนขาด ไหลท่วมบ้านเรือนที่ จ.พิษณุโลก น้ำจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ ที่หลากลงคลองเนินกุ่ม กัดเซาะถนนบ้านเหนือ ต.เนินกุ่ม […]