กรุงเทพฯ 7 ก.ค. – ดีเอสไออายัดทรัพย์อดีตผู้บริหารสตาร์ค 100 ล้านบาท พร้อมประชาสัมพันธ์ผู้ครอบครองรถยนต์หรูอดีตผู้บริหาร รีบนำมาส่งให้พนักงานสอบสวน หลังถูกอายัด ขณะที่เจ้าตัวเดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 24 มิ.ย. หลังรับเป็นคดีพิเศษเพียง 4 วัน
น.ส.พิทยาภรณ์ ชูรัตน์ รองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ แถลงความคืบหน้าคดีพิเศษที่ 57/2566 หรือคดีหุ้น STARK หลังก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม ดีเอสไอออกหมายเรียกสองอดีตผู้บริหารในความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ให้มารับทราบข้อกล่าวหา แต่ปรากฎว่าหนึ่งในนั้นออกนอกประเทศตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายนที่ผ่านมา ดีเอสไอ จึงขอศาลออกหมายจับตั้งแต่วันที่ 5 กรกฎาคมที่ผ่านมา ส่วนอีกหนึ่งส่งเอกสารขอเลื่อนเข้ารับทราบข้อกล่าวหาเป็น 20 กรกฎาคม
น.ส.พิทยาภรณ์ เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ นำหมายค้นเข้าตรวจค้นบริษัทสตาร์ค บริษัทที่เกี่ยวข้อง และบ้านพักของอดีตผู้บริหารเดินทางออกนอกประเทศกับบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง รวม 15 จุด พบพยานหลักฐานหลายรายการเกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรม ทางการเงินของบริษัทสตาร์ค จึงตรวจยึดอายัดเอาไว้ รวมถึงทรัพย์สินบางรายการ อาทิ รถยนต์หรูรวม 4 คัน ซึ่งเป็นการอายัดทางทะเบียน แต่รถทั้ง 4 คันไม่ได้อยู่ในจุดที่ตรวจค้น จึงขอประชาสัมพันธ์ให้บุคคลที่ครอบครองรถทั้ง 4 คัน รีบนำรถส่งให้พนักงานสอบสวนดีเอสไอด่วน หากล่าช้าหรือปล่อยให้พนักงานสอบสวนตามพบ ผู้ครอบครองอาจจะถูกดำเนินคดีฐานร่วมกันฟอกเงินด้วย
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบและสืบสวนเส้นทางการเงิน ตลอดถึงการทำธุรกรรมของบริษัทสตาร์ค ทำให้ทราบว่ามีบุคคลที่เกี่ยวข้องอีกจำนวนหนึ่ง แต่จำนวนเท่าไหร่นั้นยังไม่สามารถเปิดเผยได้ อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน อีกทั้งภายในสัปดาห์หน้า ดีเอสไอ เตรียมออกหมายเรียกในฐานะพยานกับบุคคลที่เกี่ยวข้องในระดับกรรมการบริษัท ซึ่งเป็นบุคคลที่ทาง ก.ล.ต.ร้องทุกข์กล่าวโทษเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งในจำนวนนี้มีหลายคนตอบรับพร้อมเข้าพบและให้ข้อมูลแล้ว แต่เป็นวันเวลาใดนั้น ขอสงวนข้อมูลไว้ก่อน เนื่องจากผู้ถูกเรียกทั้งหมดยังไม่ใช่ผู้ต้องหา
น.ส.พิทยาภรณ์ กล่าวว่า อดีตผู้บริหารเดินทางออกนอกประเทศตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายนที่ผ่านมา ก่อนถูกออกหมายเรียกเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม และเป็นการออกนอกประเทศหลังดีเอสไอ รับเป็นคดีพิเศษเมื่อ 20 มิถุนายน พบว่าจุดหมายปลายทางอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ แต่จะเดินทางต่อไปที่ใดนั้น ยังไม่สามารถตอบได้ แม้เจ้าตัวจะส่งหนังสือแจ้งเลื่อนการเข้าพบพนักงานสอบสวน แต่ในหนังสือไม่ได้ระบุวันเวลาที่จะเข้าพบ ทำให้พนักงานสอบสวนดีเอสไอ ขออำนาจศาลออกหมายจับไปตั้งแต่วันที่ 5 กรกฎาคม ส่วนทรัพย์สินได้ดำเนินการอายัดไว้แล้วประมาณ 100 ล้านบาท และยังมีทรัพย์สินบางส่วนที่ทาง ก.ล.ต.ได้ดำเนินการอายัดไว้ แต่จำนวนเท่าไหร่ ทาง ก.ล.ต.ยังไม่เปิดเผย
สำหรับคนที่ถูก ก.ล.ต.กล่าวหานั้น บางราย ก.ล.ต.อาศัยอำนาจตามกฎหมายระงับการเดินทางออกนอกประเทศแล้ว จึงขอให้ผู้เสียหายสบายใจได้ ทางดีเอสไอ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ก.ล.ต. ปปง. และธนาคารแห่งประเทศไทย จะเร่งดำเนินการตรวจสอบเรื่องนี้เร็วที่สุด เพื่อให้เกิดความยุติธรรมและเป็นธรรมแก่ผู้เสียหาย รวมทั้งป้องกันการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน ส่วนเส้นทางการเงินและบัญชีธนาคารอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ซึ่งอาจจะมีการอายัดบัญชีเพิ่มเติมของบุคคลที่เกี่ยวข้องอีกจำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ พนักงานสอบสวนดีเอสไอ เตรียมออกหมายเรียกเลขานุการสัปดาห์หน้า.-สำนักข่าวไทย