กรุงเทพฯ 6 ก.ค. – “มิ้นท์” ภรรยา “แจ๊บ” ผู้ต้องหาฆ่าหลานสาวอายุ 12 ปี ยัดถังน้ำแข็ง ดอดมอบตัวกลางดึก หลังมีหลักฐานภาพวงจรปิดอยู่ในเหตุการณ์ตลอดเวลา ตำรวจแจ้ง 3 ข้อหา
นายยุทธนา หรือแจ๊บ อายุ 29 ปี ผู้ต้องหาฆ่าหลานสาวอายุ 12 ปี และนำศพยัดถังน้ำแข็งเพื่ออำพราง ถูกนำตัวมาสอบสวนที่ สน.บางเขน นายแจ๊บรับสารภาพก่อเหตุจริง เพราะไม่พอใจเด็กขโมยของ จึงตีด้วยไม้เบสบอลนับสิบครั้ง จากนั้นอำพรางศพ เพราะกลัวความผิด แต่ยืนยันว่าไม่ได้ล่วงละเมิดทางเพศ ส่วนสาเหตุที่เด็กไม่ได้ใส่เสื้อผ้าเพราะตั้งใจเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เด็กเท่านั้น เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเสียชีวิต และซ่อนเร้นอำพรางศพ ขณะถูกควบคุมตัวในห้องขัง นายแจ๊บมีอาการเครียดอย่างหนัก จนเจ้าหน้าที่ต้องจัดกำลังดูแล เกรงจะฆ่าตัวตาย
เมื่อวานนี้ (5 ก.ค.) ตำรวจเตรียมนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่บ้านหลังเกิดเหตุ ภายในซอยพหลโยธิน 48 แต่หลังสอบปากคำเสร็จประมาณ 14.00 น. นายแจ๊บใช้สิทธิไม่ขอไปทำแผนฯ ตำรวจจึงเตรียมนำตัวไปฝากขังศาลอาญา เช้าวันนี้ (6 ก.ค.)
พันตำรวจเอกอนันต์ วรสาตร์ ผู้กำกับการ สน.บางเขน บอกว่า แม้ผู้ต้องหาจะปฏิเสธทำแผนฯ แต่ตำรวจมีหลักฐานเพียงพอแล้ว โดยเฉพาะภาพจากกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุ ซึ่งยังพบว่านางสาวมิ้นท์ ภรรยาของนายแจ๊บ มีพฤติกรรมร่วมกันอำพรางศพ ส่วนเรื่องปมการติดหนี้พนันออนไลน์ของนางสาวมิ้นท์ และเรื่องที่กล่าวอ้างว่าเด็กขโมยเงินหลักแสนไปเล่นพนันออนไลน์นั้น ตำรวจจะเร่งตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียดอีกครั้ง
เหตุการณ์นี้ขึ้นช่วงตี 1 วันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา นายแจ๊บใช้ไม้เบสบอลตีเด็กจนแน่นิ่ง แล้วลากเด็กออกมา ในภาพจะเห็นว่านางสาวมิ้นท์นั่งอยู่ในบ้าน และเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ทั้งสองยังกอดกันร้องไห้ หลังเด็กเสียชีวิตด้วย
จากนั้นนายแจ๊บและนางสาวมิ้นท์ ขี่จักรยานยนต์ไปหาเพื่อนชื่อแบงค์ ซึ่งตามรายงานระบุว่านายแจ๊บไปยืมเลื่อยมือเพื่อหวังหั่นศพ แต่สุดท้ายเปลี่ยนใจ และนำเลื่อยมาคืนช่วงเวลาเกือบตี 3 ก่อนจะขอยืมเลื่อยตัดเหล็กและถังน้ำแข็งขนาดใหญ่ แต่เมื่อนายแบงค์บอกว่าไม่มี นายแจ๊บจึงกลับไป
วันรุ่งขึ้น เวลา 07.20 น. มีภาพจากวงจรปิดร้านขายถังน้ำแข็งในตลาดไท จ.ปทุมธานี ขณะที่นายแจ๊บและนางสาวมิ้นท์ ขับรถยนต์ไป ไปเลือกซื้อถังน้ำแข็ง หลังจากนั้นยังไปซื้อดินและปูน ก่อนกลับมาที่บ้าน
เวลา 08.30 น. ภาพวงจรปิดในบ้าน นายแจ๊บยกถังน้ำแข็งสีน้ำเงินเข้ามา ขณะที่นางสาวมิ้นท์ช่วยหอบถุงดิน ก่อนที่ทั้งคู่จะยืนคุยกันในบ้าน ลักษณะปรึกษาหารือกัน มีบางช่วงที่นางสาวมิ้นท์เดินออกมานั่งสูบบุหรี่ ส่วนนายแจ๊บยกน้ำในขวดมาดื่ม จากนั้นทั้งคู่เข้าไปในครัวและลงมืออำพรางศพในถังน้ำแข็ง
ทีมข่าวลงพื้นที่ร้านขายดินในซอยพหลโยธิน 48 แยก 21 ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านเกิดเหตุ 1 ซอย เจ้าของร้านบอกว่าไม่รู้จักนายแจ๊บ และตกใจเมื่อมีสื่อมวลชนมาถามเรื่องนี้ ตอนนั้นจำไม่ได้ว่านายแจ๊บซื้อดินไปกี่ถุง แต่หากตำรวจมาสอบถามก็ยินดีให้ความร่วมมือ
ทีมข่าวยังได้ไปที่ร้านขายวัสดุก่อสร้างในซอยพหลโยธิน 48 แยก 23 ซึ่งอยู่ถัดไปอีก 1 ซอย คนในร้านบอกว่าช่วงเช้าวันที่ 2 ก.ค. นายแจ๊บมาซื้อปูนไปจำนวนหนึ่ง โดยมีภาพวงจรปิดเป็นหลักฐานยืนยัน
ส่วนศพของเด็กถูกนำไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด จ.อุทัยธานี แม่แท้ๆ ของเด็กยังร้องไห้ตลอดเวลา พร้อมเล่าวว่าตอนแรกไปทำงานที่กรุงเทพฯ แต่หลังแม่ของตนป่วยติดเตียงจึงลาออกจากงาน กลับมาอยู่บ้านที่อุทัยธานี โดยฝากลูกสาวไว้กับนางสาวมิ้นท์ ซึ่งเป็นญาติกัน ก่อนหน้านี้เคยชวนลูกสาวกลับมาอยู่ด้วย แต่ลูกสาวปฏิเสธ เพราะอยากอยู่กับนางสาวมิ้นท์ ยอมรับลูกสาวเคยถูกทำโทษ ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่ครั้งนี้ถึงขั้นเสียชีวิตก็รู้สึกเสียใจ และอยากให้ลงโทษถึงที่สุด
มีรายงานว่า เมื่อเวลา 01.00 น.ที่ผ่านมา นางสาวมิ้นท์เดินทางมาที่ สน.บางเขน หลังจากไปร่วมงานศพหลานที่อุทัยธานี พนักงานสอบสวนแจ้ง 3 ข้อหา คือ สนับสนุนให้ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย, ร่วมกันซ่อนเร้นอำพรางศพ และไม่ช่วยเหลือบุคคลอื่นที่ตกอยู่ในอันตราย หลังแจ้งข้อกล่าวหา เวลา 04.30 น. นางสาวมิ้นท์ออกจากสถานีตำรวจและขึ้นรถกลับไปทันที โดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน
มีรายงานว่า พนักงานสอบสวนปล่อยตัวชั่วคราวนางสาวมิ้นท์ เนื่องจากมามอบตัวและไม่มีท่าทีหลบหนี ก่อนนัดให้มาพบเพื่อส่งฝากขังศาลอาญา วันนี้ (6 ก.ค.) .-สำนักข่าวไทย