กทม. 30 มิ.ย.- เภสัชกรหญิงหอบหลักฐานร้อง “บิ๊กโจ๊ก” หลังถูกแก๊งโรแมนซ์สแกม หลอกโอนเงินซื้อ ชุดตรวจ ATK กว่า 8 ล้านบาท แต่เมื่อไปติดตามคดี ตำรวจ สน.ทุ่งสองห้อง กลับบอกว่าให้คิดว่าเงินก้อนนี้เราติดหนี้เขาเมื่อชาติที่แล้ว
นางสาว กัญญภักดิ์ อายุ 38 ปี เภสัชกรเจ้าของร้านขายยา ย่านทุ่งสองห้อง นำเอกสารหลักฐาน เข้าร้องเรียน พล ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หลังถูกแก๊งโรแมนซ์สแกมหลอกให้โอนเงิน 8.3 ล้านบาทแล้วหลบหนีออกนอกประเทศ โดยผู้เสียหาย เล่าว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อปี 2565 มีการซื้อขายชุดตรวจ ATK กับเพื่อนร่วมสถาบันเรียน มาได้ 2 ครั้ง จากนั้นเพื่อนมาแนะนำ ให้รู้จักชาวต่างชาติชาวไนจีเรีย บอกว่า เขาสนใจซื้อชุดตรวจ ATK จำนวนมาก จึงกดรับแอดเป็นเพื่อน พูดคุย ตกลงทำธุรกิจกัน โดยแก๊งโรแมนซ์สแกม เอาเงินมาล่อ ออกอุบายว่าบัญชีไม่สามารถโอนเงินได้ ให้ทำธุรกรรมแทนจะมีค่าตอบแทนให้ จึงโอนเงินก้อนแรก 8 แสนบาท แต่เมื่อโอนไปภารกิจกลับไม่จบ มีการอ้างต่อว่า เขามีเงินโอนลงทุนไป 50 ล้าน หากโอนไม่จบจะเกิดความเสียหายต่อธุรกิจ ด้วยความกลัว โลภ อยากได้เงิน จึงเอาเงินในบัญชีของตัวเอง ที่เป็นเงินกู้มาโอนไปให้ไปรวม 15 ครั้ง อีก 7. 5 ล้านบาท รวมเป็นเงินรวม 8.3 ล้านบาท อีกทั้งช่วงเวลาเกิดเหตุตนเองแยกกันอยู่กับสามี จึงทำให้ไม่มีเพื่อนช่วยคิด จากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อชาวต่างชาติได้ จึงไปติดต่อกับเพื่อนที่ชักชวน แต่กลับถูกบ่ายเบี่ยงจนทำให้รู้สึกว่าถูกหลอก จึงได้ไปแจ้งความที่ สภ.ชัยพฤกษ์ จุดโอนเงิน ก้อนแรก ทั้งนี้ หลังแจ้งความชาวต่างที่หลอก ได้โทรมาข่มขู่ให้ถอนแจ้งความ โดยให้เหตุผลว่า หากแจ้งความจะทำให้ธุรกิจเสียหาย จะต้องร่วมรับผิดชอบและจะไม่ได้เงินคืน จึงเกิดความกลัวและไปถอนแจ้งความ
ซึ่งเมื่อผ่านไประยะหนึ่งแต่ยังไม่ได้เงินคืน จึงไปแจ้งความที่ สน.ทุ่งสองห้อง จุดที่โอนเงินก้อนที่ 2 และระหว่างนั้นทราบข่าวว่า เมื่อเดือนมีนาคม 2566 กองปราบปรามจับบัญชีม้าได้ แต่กลับปล่อยตัวไป อีกทั้งในเวลาใกล้เคียงกัน สน.ทุ่งสองห้อง ยังมีการจับเจ้าของบัญชีม้าได้อีก 2 คน แต่กลับปล่อยตัวไป เนื่องจากทำสำนวนส่งฟ้องไม่ทัน จึงไม่เข้าใจการทำงานของตำรวจ โดยเฉพาะกรณีที่ทนายความส่วนตัวอ้างว่าจะต้องนำเงิน 1 แสนบาท ไปให้กับพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง โดยให้เหตุผลว่าจะทำให้ได้เงินคืน แต่สุดท้ายเวลาผ่านไปก็ไม่ได้เงินคืน จึงรู้สึกเหมือนถูกซ้ำเติม เพราะที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน มีการใช้คำพูดไม่ดี เสียดสี เช่น ให้คิดว่าเงินก้อนนี้เราติดหนี้เขาเมื่อชาติที่แล้ว และจนถึงขณะนี้ ก็ยังจับกุมตัว ผู้ต้องหาที่เป็นคนไปกดเงิน ซึ่งเป็นเมียชาวไนจีเรีย ไม่ได้
ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่าจะรับเรื่องนี้ไว้ โดยจะให้ทีมงานตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมกับเชิญตัวผู้เสียหายเข้าไปสอบปากคำอีกครั้งหนึ่ง .-สำนักข่าวไทย