กทม. 29 มิ.ย.- “กัน จอมพลัง” ประสาน รพ.ศัลยกรรมตกแต่ง ช่วยเหลือ นร.หญิง วัย 16 ปี รักษาบาดแผลที่ใบหน้า หลังถูกเพื่อนใช้คัตเตอร์กรีดหน้า แขนและแทงลำตัว เย็บถึง 50 เข็ม
จากกรณีนักเรียนหญิง อายุ 16 ปี ร้องนายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ “กัน จอมพลัง” ให้ช่วยเหลือคดีที่แจ้งความไว้ที่ สภ.ขุนทะเล ไม่คืบหน้า หลังเกิดเหตุทะเลาะกับเพื่อน แล้วเพื่อนเอามีดคัตเตอร์กรีดหน้า ตั้งแต่เบ้าตายาวถึงลำคอ กรีดแขนและแทงลำตัว โดยเหตุเกิดในโรงเรียนพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี แต่ครูไม่ยอมเรียกรถพยาบาล นำเด็กไปส่งเองและพูดกับพยาบาลว่า ให้ลงว่าเป็นอุบัติเหตุ อย่าลงว่าถูกทำร้าย หวังปิดเงียบ หวั่นจะทำให้โรงเรียนเสียชื่อเสียง
เวลา 11 .00 น. “กัน จอมพลัง” พาผู้เสียหายพร้อมครอบครัว เข้าพบ นพ.ฉัตรพล คงเฟื่องฟุ้ง ผู้บริหารไอดีแอล Hospital โรงพยาบาลศัลยกรรม ตกแต่งเฉพาะทาง เพื่อประเมินการรักษาบาดแผล ที่เกิดขึ้น บริเวณใบหน้าด้านซ้าย ตั้งแต่หางตาถึงคอ เย็บ 50 เข็ม โดย นพ.ฉัตรพล เปิดเผยว่าแพทย์ที่ รพ.สุราษฎร์ธานี ได้ทำการเย็บบาดแผลเบื้องต้นมาอย่างดี ดังนั้นหลังจากนี้ แนวทางการรักษา คือ การตรวจสอบบาดแผล ความลึกว่ามีการกระทบกับเส้นประสาทที่ใบหน้าและท่อน้ำลายหรือไม่ เพราะหากกระทบอาจส่งผลให้มีอาการปากเบี้ยว อาการบวมจากท่อน้ำลายอุดตัน โดยจะต้องมีการผ่าตัดซ่อมแซม เส้นประสาท คาดว่าจะใช้เวลาฟื้นฟูประมาณ 1 ปี แต่หากเส้นประสาทและท่อน้ำ ไม่เกิดการเสียหาย จะดำเนินการตกแต่งบาดแผลใหม่ ให้มีความสวยงามและกลับมาเป็นปกติให้ได้มากที่สุด โดยช่วง 1 ปีแรก หลังการรักษาแผลที่บริเวณใบหน้าอาจยังรอยแดง ดำ หากดูแลรักษาดีในอนาคตจะเหลือเพียงรอยจางๆ หากดูแลไม่ดีอาจเกิดเป็นคีลอยด์ได้
ด้าน “กัน จอมพลัง” ขอบคุณทางโรงพยาบาลที่ให้การช่วยเหลือดูแลรักษาบาดแผลให้กับผู้เสียหายฟรีโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย พร้อมระบุว่าสาเหตุของเรื่องดังกล่าว มาจากการที่ผู้เสียหายและคู่กรณี เป็นเพื่อนสนิทกัน แต่เกิดความน้อยใจที่เพื่อนสนิทไปสนิทกับเพื่อนอีกกลุ่มมากกว่า นอกจากนี้หลังเกิดเหตุคู่กรณีและเพื่อน ยังมีพฤติกรรมไม่สำนึก โพสต์เยาะเย้ยผู้เสียหาย อ้างเหตุดังกล่าวเป็นการป้องกันตัวที่ถูกผู้เสียหายต่อยก่อน จึงขอให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าวเพราะอาจส่งผลกระทบต่อการประกันตัวได้ ส่วนความคืบหน้าทางคดี สภ.ขุนทะเล มีการร่วมกับสหวิชาชีพดำเนินการสอบปากคำผู้เสียหายและผู้ก่อเหตุไว้เบื้องต้นแล้ว คาดว่าจะใช้เวลาไม่นานในการแจ้งดำเนินคดีได้
ด้านแม่ บอกว่า สาเหตุเกิดจากความไม่เข้าใจกันของเพื่อน ซึ่งผู้ก่อเหตุก็เป็นเพื่อนสนิทของลูกสาว แต่มีการทำรายงานกัน แต่ผู้ก่อเหตุไม่มีรายชื่ออยู่ในกลุ่ม ทำให้เกิดความบาดหมางเข้าใจผิดกันมีการตามมาหาเรื่องพูดจาเยาะเย้ย ยั่วยุ ลูกสาวทนไม่ไหว ใช้มือจิกผม จากนั้นคู่กรณีใช้คัตเตอร์ที่พกมากรีดที่ใบหน้า ซึ่งเหตุดังกล่าวค่อนข้างกระทบต่อสภาพจิตใจของลูกสาว ที่ไม่กล้าไปโรงเรียน ส่วนเพื่อน และคู่กรณี ก็ยังมีการโพสต์เยาะเย้ยถากถางอย่างต่อเนื่อง .-สำนักข่าวไทย