ทลายเครือข่ายค้ายาเสพติดฝั่งธนฯ รวบผู้ค้ายาย่อย 11 ราย

19 มิ.ย. – ป.ป.ส.ทลายเครือข่ายค้ายาเสพติดฝั่งธนบุรี จับกุมผู้ค้ายารายย่อยได้ 11 ราย หนึ่งในเป้าหมาย พบยาอี-ยาเค ยึดทรัพย์กว่า 25 ล้านบาท สืบสวนพบวิธีแยบยลใส่กล่องหมากฝรั่งติดตามจุดต่าง ๆ เตรียมตรวจสอบ 250 บัญชีม้า เงินหมุนเวียนกว่า 40 ล้านบาท


เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา กำลังเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. ตำรวจ ทหาร เปิดปฎิบัติการตรวจค้นพร้อมกัน 24 จุด ในฝั่งธนบุรี และอีกหลายจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อตามจับกุมผู้ต้องหาตามเป้าหมาย 39 ราย ในข้อหาสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด และตรวจยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด

สืบเนื่องจากเมื่อปลายปี 2565 ได้มีการจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางยาบ้า 60,200 เม็ด และไอซ์ 96.19 กรัม จากการบูรณาการสืบสวนระหว่างสำนักงาน ป.ป.ส. และกองบัญชาการตำรวจนครบาล ทำให้ขยายผลถึงเครือข่ายการค้าดังกล่าว ลงมาในระดับลูกค้ายาเสพติด ที่ลักลอบจำหน่ายยาเสพติดให้กับลูกค้าในพื้นที่ชุมชนแพร่ระบาด มีจำนวนมากกว่า 100 ราย และมีบัญชีธนาคารที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด


นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส., พล.ต.ต.มานพ สุคนธ์ธนพัฒน์ ผบก.น.8, พ.ต.อ.ธีระชัย เด็ดขาด รอง ผบก.น.9, พ.ต.อ.ดำรงศักดิ์ สว่างงาม รอง ผบก.น.8 ร่วมแถลงข่าวสรุปผลปฏิบัติการจับกุมในช่วงเช้า ว่าสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 11 ราย โดยหนึ่งในเป้าหมายคือนายนราธิป ผู้ค้ายารายย่อยแถว 2 อาศัยอยู่ในอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น ซอยสุขสวัสดิ์ 1 แขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพมหานคร คอยกระจายยาเสพติด ส่งให้คนในชุมชนใกล้เคียง ตรวจค้นพบของกลางยาอี 120 เม็ด เคตามีน 25 กรัม ซุกซ่อนอยู่ในจุดต่างๆ ของบ้าน จากการตรวจประวัติผู้ต้องหา ไม่พบว่าเคยต้องโทษคดียาเสพติดมาก่อน เบื้องต้นยึดทรัพย์สินในเครือข่ายนี้ เป็นบัญชีสมุดเงินฝาก บ้านพร้อมที่ดิน รถยนต์ รถจักรยานยนต์ พระเครื่อง ทองรูปพรรณ และทรัพย์สินอื่น ๆ จำนวน 141 รายการ มูลค่า 25 ล้านบาท

สำหรับพฤติการณ์ของขบวนการเครือข่ายยาเสพติดนี้จะใช้ “กล่องเหล็กใส่หมากฝรั่ง” มาดัดแปลงติดแม่เหล็ก ใส่ยาเสพติด แล้วไปติดไว้ตามจุดต่างๆ ใช้ส่งยาเสพติดให้กับผู้สั่งซื้อ ทำแบบนี้มาตั้งแต่ปี 2564 และจากการขยายผล พบว่าเครือข่ายนี้ เคยส่งต่อยาเสพติดไปยังพื้นที่ต่างจังหวัด เช่นที่ จังหวัดนครสวรรค์ ที่เคยถูกจับกุมได้แล้วครั้งหนึ่ง ส่วนหัวหน้าเครือข่าย พบข้อมูลว่า หลบหนีออกนอกพื้นที่กรุงเทพฯ ไปแล้ว

นายวิชัย กล่าวว่า การปิดล้อมครั้งนี้มีจุดเริ่มต้นจากการจับกุมผู้ต้องหาเพียง 1 ราย และพบข้อมูลความเชื่อมโยงกับผู้ค้ารายย่อยและลูกค้าจำนวนมาก ทำให้สามารถออกหมายจับได้ 39 เป้าหมาย ซึ่งเป็นแนวทางในการปราบปรามยาเสพติดแนวใหม่ ที่สามารถขยายผลถึงผู้เกี่ยวข้อง แม้ว่าผู้นั้นไม่เกี่ยวข้องกับตัวยาเสพติดก็ตาม เช่น เป็นผู้ดูแลธุรกรรมทางการเงิน โดยในเครือข่ายนี้ พบการใช้บัญชีม้าในการกระทำผิด หลังจากนี้จะตรวจสอบข้อมูลเส้นทางการเงินที่เกี่ยวข้องกว่า 250 บัญชี เงินหมุนเวียนมากกว่า 40 ล้านบาท เพื่อขยายผลจับกุมต่อไป. -สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง