รวบ “ไข่เล็ก” โคตรเซียนตีนแมว ปิดตำนานแก๊งไทยสยาม

กทม. 17 มิ.ย.- สืบนครบาลรวบ “ไข่เล็ก” โคตรเซียนตีนแมว ปิดตำนาน “แก๊งไทยสยาม” ตำนานโจรยุค Y2K


“ไข่เล็ก” น้องคนเล็กแห่ง “สี่พี่น้องไทยสยาม” ตำนานแก๊งตีนแมวเลื่องชื่อแห่งยุคสมัย Y2K กวาดทรัพย์ไปรวมทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 29 ล้าน ล่าสุดพ้นโทษออกมาเมื่อปลายปี 65 แต่ยังคง “ลุ่มหลง” ในเส้นทางสายโจร ตระเวนก่อเหตุย่องเข้าบ้านประชาชนไม่ต่ำกว่า 5 หลังคาเรือนกวาดทรัพย์สินไปรวมไม่ต่ำกว่า 2 ล้านบาท ซึ่งครั้งนี้มีการพัฒนารูปแบบการก่อเหตุจนเป็น “ตีนแมวขั้นเซียน” ก่อเหตุอย่างแนบเนียน รู้ช่องทางการหลบหลีกเจ้าหน้าที่อย่างทะลุปรุโปร่ง สร้างความยากลำบากให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ในการค้นหาพยานหลักฐานเป็นอย่างมาก ซึ่งพยานหลักฐานเกือบทุกคดีที่ นายศราวุธ ก่อเหตุในปัจจุบัน เรียกได้ว่า “เบาบาง” แม้เจ้าหน้าที่จะใช้ความพยายามสุดความสามารถแล้วก็ตาม กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ที่เกิดเหตุได้รายงาน “ความแสบ” ของคนร้ายรายนี้ให้กับเบื้องบน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. จึงได้ส่ง พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. / หน.PCT ชุดที่ 5 พร้อม “ทีมสืบสวนระดับพระกาฬ” ลงพื้นที่สืบสวนติดตาม ตีนแมวขั้นเซียน รายนี้เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีให้ได้ หากแต่เงื่อนไข “สุดหิน” คือ คนร้ายรายนี้ “ไม่มีหมายจับ” จะต้องจับกันแบบ “คาหนังคาเขา” เท่านั้น ซึ่งเป็นความ “ท้าทาย” ขั้นสุดสำหรับวงการนักสืบ นำมาสู่ปฏิบัติการ “สุดบ้าคลั่ง” ของ พล.ต.ต.ธีรเดชฯ ในการตามติดชีวิตของตีนแมวขั้นเซียนรายนี้ จนท้ายสุดชุดสืบสวน ทราบสถานที่จะก่อเหตุ “ล่วงหน้า” จนนำมาการจับกุมแบบ “คาหนังคาเขา” เรียกได้ว่ายิ่งกว่าละคร จนนำมาสู่ Realrity การสืบสวน ซึ่งจะถูกเปิดเผย “เป็นครั้งแรก” เพื่อให้ประชาชนทราบถึงพฤติกรรมของนักย่องเบาเพื่อหาแนวทางการป้องกันความปลอดภัยบ้านและทรัพย์สินของตัวเอง

เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2566 พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปอส.ตร. (PCT) , พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. , พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. / หน.PCT ชุดที่ 5 , พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น. / รอง หน. PCT ชุดที่ 5 , พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์ ทองแพ , พ.ต.อ.พัชรดนัย การินทร์ ผกก.กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.บช.น. , พ.ต.ท.มาโนชย์ ทองแก้ว , พ.ต.ท.สมพงษ์ เกตุระติ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ , ร.ต.อ.ศิวัช ยังอุ่น , ร.ต.อ.พลวัต นาคถมยา , ร.ต.อ.วรภัทร แสงเทียนประไพร , ส.ต.ท.จิรวัฒน์ ศรีมั่นมีชัย ร่วมกันกับเจ้าหน้าที่ ศปอส.ตร. (PCT) ชุดที่ 5 และ ชุดสืบสวนนครบาล (บก.สส.บช.น.) นำกำลังสืบสวนติดตามจับกุมตัว


นายศราวุธ ไทยสยาม หรือ ไข่เล็ก อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 49/155 ม.6 ต.ลำโพ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ผู้ต้องหา โดยกล่าวหาว่า “ลักทรัพย์ ในเคหสถาน ในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ โดยเข้าทางช่องทางซึ่งได้ทำโดยไม่ได้จำนงให้เป็นทางคนเข้า” ถูกจับกุมขณะที่กำลังก่อเหตุได้บริเวณริมถนนบางเอียน ต.หอรัตนไชย อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมของกลาง ไขควง , อุปกรณ์การงัดแงะ และเงินสด (ต่างประเทศ) ที่ขโมยมา

พฤติการณ์กล่าวคือ “จอมโจรไขควงเดียว” แผนประทุษกรรมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแก๊งตีนแมว “สี่พี่น้องไทยสยาม” ซึ่งเป็นที่เลื่องชื่อในยุคสมัย Y2K ซึ่งในยุคสมัยดังกล่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจต่างระดมสรรพกำลังสืบสวนติดตามเป็นเวลานานกว่าจะสามารถจับกุมได้ กล่าวย้อนกลับไปห้วงสมัย พ.ศ.2549 ได้เกิด “แก๊งตีนแมว” ออกอาละวาดก่อเหตุ “ย่อง” เข้าไปขโมยของในบ้านของประชาชนในพื้นที่ กรุงเทพฯและปริมณทล โดนกันแบบรายวัน กวาดทรัพย์ไปรวมทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 29 ล้านบาท โดยกลุ่มคนร้ายมีแผนประทุษกรรมที่มี เอกลักษณ์เฉพาะคือจะใช้เพียง “ไขควงเดียว” ในการงัดแงะเข้าไปในบ้านที่ก่อเหตุ และมีเทคนิคเฉพาะคือ “บนลงล่าง” กล่าวคือจะปีนขึ้นไปบนหลังคา จากนั้นงัดกระเบื้องมุงหลังคา แล้วสอดตัวลงไปใต้หลังคา เปิดฝ้าเพดาน แล้วหย่อนตัวลงไปขโมยทรัพย์สิน และที่เป็นที่น่าจดจำคือหลังก่อเหตุ คนร้ายกลุ่มนี้จะใช้ชีวิต กินหรู อยู่สบาย มีบ้านหรู สลัดคราบ “ตีนแมว” ออกไปได้อย่างสิ้นเชิง ซึ่งในห้วงปลายปี พ.ศ.2549 เจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถจับกุมแก๊งตีนแมวแก๊งนี้ได้ คือ “สี่พี่น้องตระกูลไทยสยาม” ซึ่งต่อมาก็ได้เข้ารับโทษในเรือนจำและพ้นโทษกลับมาเข้าสู่สังคม แต่ นายศราวุธ ไทยสยาม หรือ “ไข่เล็ก” น้องเล็กของทั้งสี่พี่น้องยังคง “ลุ่มหลง” ในเส้นทางสายโจร ออกบินเดี่ยวด้วยวิชาความรู้ความชำนาญที่มากขึ้น จนมาถูกจับกุมอีกครั้ง เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. 55 ในพื้นที่ สภ.ปากช่อง และครั้งพ้นโทษออกมาก็ยังมั่นคงในเส้นทางสายเดิม จนมาถูกจับกุมครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 6 ก.ย. 61 ในพื้นที่ สภ.เมืองสุพรรณบุรี เรียกได้ว่า เส้นทางสายโจรได้ฝังไปอยู่ใน DNA ของ นายศราวุธ ไทยสยาม ไปแล้ว โดยล่าสุด นายศราวุธฯ ได้พ้นโทษออกมาเมื่อปี 65 ก็ยังตระเวนก่อเหตุไม่เลิกรา แต่ในครั้งนี้ ตัวนายศราวุธฯ มีการพัฒนารูปแบบการก่อเหตุจนเป็น “ตีนแมวขั้นเซียน” ก่อเหตุอย่างแนบเนียน รู้ช่องทางการหลบหลีกเจ้าหน้าที่อย่างทะลุปรุโปร่ง สร้างความยากลำบากให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ในการค้นหาพยานหลักฐานเป็นอย่างมาก ซึ่งพยานหลักฐานเกือบทุกคดีที่ นายศราวุธฯ ก่อเหตุในปัจจุบัน เรียกได้ว่า “เบาบาง” แม้เจ้าหน้าที่จะใช้ความพยายามสุดความสามารถแล้วก็ตาม เป็นความ “ท้าทาย” ขั้นสุดสำหรับวงการนักสืบ ว่าจะสามารถกำราบตีนแมวอันดับ 1 รายนี้ลงได้หรือไม่ นำมาสู่ปฏิบัติการ “สุดพิสดาร” ของ พล.ต.ต.ธีรเดชฯ ในการตามติดชีวิตของตีนแมวขั้นเซียนรายนี้

การสืบสวนสุดพิสดารนี้ ชุดสืบสวนของ พล.ต.ต.ธีรเดชฯ เฝ้าติดตามพฤติกรรมจนเห็นทุกฝีก้าวของตีนแมวขั้นเซียนรายนี้ เรียกได้ว่าเป็น Realrity การสืบสวนที่หาดูที่ใดไม่ได้อีก โดยชุดสะกดรอยติดตามต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่ารายนี้ “สุดติ่ง” ซึ่งไม่ใช่โจรระดับทั่วไป เพราะทุกฝีก้าวมีความละเอียดรอบคอบ มีความรู้วิชาโจร  แต่เป็น “ระดับเซียน” มีความละเอียดรอบคอบ มีความรู้วิชาโจรขั้นสุด การออกล่าคัดเลือกจุดที่จะก่อเหตุของคนร้าย จะเลือกสถานที่ก่อเหตุที่มีลักษณะเป็น “อาคารพาณิชย์” แบบเก่าซึ่ง ซึ่งอยู่ในพื้นที่ที่คนพลุกพล่าน เช่นตลาดหรือตัวอำเภอ โดยอาคารต้องมีประตูทางเข้าด้านหลัง และมี “ตรอก” และที่สำคัญคือ “ต้องไม่มีคนอยู่” เมื่อเจอจุดที่ถูกใจจะทำการ “เฝ้าดู” ดูนับกล้องวงจรปิดทุกตัวในเส้นทาง จำลองและซักซ้อมเส้นทางก่อน-หลัง ก่อเหตุ และหากมีสิ่งสะกิดใจเพียงเล็กน้อยก็จะไม่ลงมือ เรียกได้ว่า “ไม่ 100% ไม่ก่อเหตุ” และคนร้ายยังมีเทคนิคการตัดช่องทางการสืบสวนของเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี ทำให้ปฏิบัติการกินระยะเวลาต่อเนื่องหลายวัน “วัดกึ๋น” ชุดสืบสวนที่เฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อว่า “จะก่อเหตุเมื่อไร” กระทั่งเข้าสู่สัปดาห์ที่ 2 ของปฏิบัติการ วันที่ 15 มิ.ย. 66 คนร้ายได้ออกดูลาดเลาเลือกจุดที่จะก่อเหตุอีกครั้ง เฉกเช่นวันอื่นๆ หากแต่วันนี้คนร้าย “เอาจริง” ชุดสืบสวนพบลางบอกเหตุพฤติกรรม ดื่มเบียร์บิ้วอารมณ์เฝ้ารอเวลา และขับรถวนเวียนจุดที่จะก่อเหตุหลายครั้งเกินกว่าปกติ กระทั่งเวลา ถึงช่วงพระอาทิตย์ตกดิน คนร้ายมีการอำพลางตัว ก่อนเดินทางด้วยมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เข้าไปสู่ตัวเมืองใน จ.พระนครศรีอยุธยา ก่อนหายเข้าไปใน “ตรอก” แห่งหนึ่ง ซึ่งชุดสืบสวน “มั่นใจ” ว่าจะมีการก่อเหตุเกิดขึ้น นำกำลังปิดล้อมอาณาบริเวณดังกล่าว หลังจากหายเข้าไปในตรอกกว่า 1 ชั่วโมง กระทั่งวันที่ 15 มิ.ย. 66 เวลา 21.00 น. คนร้ายเดินออกมาจากตรอกมีท่าทีร้อนรน เหงื่อแตก และ “กระเป๋ากางเกงตุง” กระตุกสัญชาตญาณนักสืบของชุดปฏิบัติการให้ทำงาน เข้าชาจน์คนร้ายในทันที ผลการตรวจค้นตัวพบ “ไขควง” และอุปกรณ์การงัดแงะ อีกทั้งพบทรัพย์สินที่พึ่งจะขโมยมาสดสด คนร้ายยอมจำต่อเจ้าหน้าที่ว่าพึ่งก่อเหตุมา ก่อนนำเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบบ้านที่ตกเองพึ่งก่อเหตุมาเป็น อาคารพาณิชย์แบบเก่าแห่งหนึ่ง ต.หอรัตนไชย อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา


โดยชั้นจับกุมชุดจับกุมได้แจ้งข้อหา “ลักทรัพย์ ในเคหสถาน ในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ โดยเข้าทางช่องทางซึ่งได้ทำโดยไม่ได้จำนงให้เป็นทางคนเข้า”
นายศราวุธ ไทยสยาม ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “ตนเป็นคนจังหวัดสุราษฎร์ธานี แต่เมื่อเรียนจบชั้นมัธยมได้เดินทางมาอาศัยเรียนปริญญาตรีที่กรุงเทพฯ หลังจากจบปริญญาตรีได้ทำงานเป็นลูกจ้างบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง แต่เห็นว่าได้เงินน้อยและไม่พอใช้ จึงเดินทางเข้าสู่สายตีนแมว โดยเริ่มขโมยจากของเล็กๆน้อยๆ เรื่อยมาจนมีชื่อเสียงชื่อแก๊งว่า “แก๊งไทยสยาม” ซึ่งมาจากนามสกุลเดียวกันเพราะทั้งหมดเป็นพี่น้องกัน จนวันหนึ่งประมาณปี 2548-2549 ตนได้เข้าไปขโมยของในบ้านย่านยานนาวาได้ทรัพย์สินต่างๆรวมหลายล้านบาท โดยเป้าหมายของการเข้าขโมยคือ เงิน ทอง เครื่องเพชรและพระที่มีมูลค่า จากการขโมยครั้งนั้นตนได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ติดตามตนจนเจอทำให้ตนและพี่ๆของตนอีกสามคนถูกจับกุมด้วย ซึ่งหลังจากถูกจับก็เข้าไปอยู่ในเรือนจำได้เรียนรู้ความผิดพลาดต่างๆ และเมื่อได้พ้นโทษออกมาแล้วก็ยังติดนิสัยเดิม จึงไปก่อเหตุอีกและถูกจับอีก 2 ครั้ง ซึ่งทุกครั้งก็ได้เรียนรู้วิชามากขึ้นเรื่อยๆ และการก่อเหตุครั้งนี้ ตนคิดว่าได้เตรียมการก่อเหตุเป็นอย่างดี เพราะตนได้มีวิธีการหลบเลี่ยงหลายอย่าง ซึ่งวิชาที่กล่าวมาตนได้วิชามาจากที่ตนได้ติดคุกอยู่ในเรือนจำ ตนเคยติดคุกมาแล้ว 3 ครั้ง แต่ครั้งนี้คาดไม่ถึงจริงๆว่าจะมาถูกจับแบบคาหนังคาเขาแบบนี้ รู้สึกงงมาก และขอให้คำมั่นต่อตำรวจชุดจับกุมว่าหากพ้นโทษออกมาแล้ว จะไม่ก่อเหตุอีกเพราะไม่อยากติดคุกอีกแล้ว โดยเตือนไปยังประชาชนว่าหากไม่อยากถูกขึ้นบ้านต้อง เลี้ยงหมา และไม่เก็บทรัพย์สินไว้ในบ้าน” 

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า “คนร้ายรายนี้ไม่เหมือนอาชญากรทั่วไป เพราะมีความรู้ ความชำนาญและทักษะในการก่อเหตุที่สูงเกินอาชญากรทั่วไปมาก เนื่องจากก่อเหตุมาอย่างโชกโชนเป็นเวลาต่อเนื่องตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น แม้ถูกจับกุมไปถึง 3 ครั้งแล้ว พ้นโทษมาก็ยังก่อเหตุอยู่เช่นเดิมอีก ทำจนเป็นสันดาน เป็นอาชญากรโดยสมบูรณ์ไปแล้ว ถือเป็นภัยสังคมอย่างยิ่ง ผมไม่ต้องการให้คนแบบนี้เพ่นพ่านอยู่ในสังคม จึงขอประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชนและเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกพื้นที่ หากประสบเหตุขโมยขึ้นบ้านแล้วมีแผนประทุษกรรมที่คล้ายคลึงกับคดีนี้ สามารถแจ้งข้อมูลมาได้ทางเพจ “สืบสวนนครบาล IDMB” ได้ตลอด 24 ชั่วโมง แม้จะไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์ แต่หากเป็นความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.” .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ชาวบ้าน-พระ เดือดร้อน

สุโขทัย 28 ส.ค. – หลายพื้นที่เมืองสุโขทัย จมอยู่ใต้น้ำและขยายวงกว้าง แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ด้านหลังวัดปากแคว พระและชาวบ้าน ช่วยกันขนสิ่งของหนีน้ำ ภาพมุมสูง เผยให้เห็นสภาพน้ำท่วมสูงภายในวัดปากแคว และบริเวณโดยรอบ ทหารนำกำลังพล 22 นาย ลงพื้นที่ช่วยเหลือ พระวัดปากแคว ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 2 หมู่ 4 ต.ปากแคว 4 ชุมชน ในเขตเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี ถูกน้ำท่วมขยายวงกว้าง รถยนต์จมน้ำหลายคัน ด้านหลังวัดปากแคว อำเภอเมือง แม่น้ำยมผนังกั้นน้ำล้นตลิ่ง มวลน้ำมหาศาล ทะลักเข้าท่วมเต็มพื้นที่ ระดับน้ำสูงรอบวัดเกือบ 2 เมตร ทะลักเข้าท่วม ไหลข้ามถนนจรดวิถีถ่อง ระยะทางกว่า 500 เมตร ต้องปิดกั้นถนนห้ามสัญจรไปมา พระครูปลัดสุวัฒนสาธุคุณ (พระอาจารย์นาค) เจ้าคณะตำบลบ้านกล้วย เจ้าอาวาสวัดพายชุมพล หลังทราบข่าว ระดับน้ำท่วม ในวัดปากแคว รีบนำอาหารกล่องพร้อมทั้งถุงยังชีพ เข้าไปถวายพระสงฆ์ 18 รูป ที่จำพรรษาอยู่ในวัดปากแคว เร่งหาผู้สูญหายที่แม่ฮ่องสอน […]

เร่งค้นหาอีก 3 ผู้สูญหายดินถล่มปางอุ๋ง ท่ามกลางความหวังของญาติ

28 ส.ค. – เข้าสู่วันที่ 2 ของเหตุดินโคลนถล่มบ้านปางอุ๋ง หมู่บ้านกลางหุบเขา อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ยังคงปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายอีก 3 ราย โดยระดมกำลังนับร้อยนายพร้อมเครื่องจักรเดินหน้าค้นหา ท่ามกลางบรรดาญาติที่เฝ้ารอด้วยความหวัง ล่าสุดวันนี้พบร่างผู้เสียชีวิตอีก 2 ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้เพิ่มเป็น 6 ราย และยังสูญหายอีก 3 คน ขณะที่หลายครอบครัวต้องสูญเสียบ้านที่อยู่มาหลายสิบปีและยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นสร้างขึ้นใหม่ได้อย่างไร.-สำนักข่าวไทย

ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. โผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด

กทม. 28 ส.ค.-ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. หลัง “ภูมิธรรม” ถกลับ ผบ.ตร. นานหลายชั่วโมง เหตุมีหนังสือร้องเรียนจำนวนมาก ทำโผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. เป็นประธานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 7/2568 ณ ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 มีระเบียบวาระการประชุม 5 วาระ ประกอบด้วย วาระที่ 1 เรื่องที่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ /วาระที่ 2 รับรองรายงานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 6/2568 /วาระที่ 3 เรื่องที่เสนอเพื่อทราบ เรื่องที่ 1 รายงานการดำเนินการของ อ.ก.ตร.สืบสวนสอบสวน ที่ ก.ตร. มอบหมายให้ทำการแทน […]

กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา เขต อ.อรัญประเทศ

สระแก้ว 23 ส.ค.-กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา จุดแรกบริเวณหลักเขตที่ 50-51 เขต อ.อรัญประเทศ ระยะทาง 10 กม. เชื่อเริ่มดำเนินการได้เป็นรูปธรรมภายในปีนี้ พลเอกมนัส จันดี เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทยพร้อมคณะลงพื้นที่เพื่อสำรวจแนวชายแดนตั้งแต่หลักเขตที่สี่ 48 ต่อเนื่องถึง 51 บริเวณพื้นที่บ้านป่าไร่ ถึงบ้านท่าข้าม ในเขต อ.อรัญประเทศ โดยการสำรวจดังกล่าวเพื่อเตรียมสร้างแนวกำแพงแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้ข้อสรุปเบื้องต้นบริเวณหลักเกณฑ์ที่ห้า 50 และ 51 ซึ่งไทยและกัมพูชาเห็นตรงกันแล้วในเรื่องเขตแดน จะสร้างเป็นรั้วถาวรเป็นจุดแรกระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร ขณะบริเวณอื่นๆ ซึ่งยังมีการอ้างสิทธิ และยังไม่มีข้อสรุปเรื่องเขตแดนที่ชัดเจน เบื้องต้นก็จะสร้างเป็นแนวรั้วชั่วคราวด้วยวิธีการตัดถนนเลียบตลอดแนวชายแดนและวางรั้วลวดหนามหีบเพลงสามชั้น พร้อมติดกล้องวงจรปิดในจุดที่สามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้เชื่อว่าการดำเนินการดังกล่าวจะเกิดประโยชน์ในการเคลื่อนย้ายกำลัง รวมไปถึงการลาดตระเวนตรวจตรา นอกจากนี้การปรับพื้นที่ให้โล่งก็จะทำให้การลักลอบผ่านแดนตามช่องทางธรรมชาติยากขึ้น ซึ่งถือเป็นการสกัดกั้นทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์และปัญหาสแกมเมอร์ ได้ โดยการดำเนินการจะเริ่มต้นทันทีที่นำเรื่องเข้าขออนุมัติจากสภาความมั่นคงแห่งชาติและไม่ได้ติดขัดในเรื่องงบประมาณแต่อย่างใด เชื่อว่าภายในปีนี้น่าจะเห็นแนวรั้วกำแพงชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มต้นเกิดขึ้นได้ ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้จะมีการลงในรายละเอียดพื้นที่ต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนตามแนวชายแดนที่บางส่วนอาจได้รับผลกระทบบ้าง แต่ก็เชื่อว่าประชาชนพร้อมที่จะเสียสละเพื่อความมั่นคงปลอดภัยของส่วนรวม พลตรี วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า การทำรั้วตลอดแนวชายแดนไทยกัมพูชาเกิดขึ้นจากข้อเรียกร้องของประชาชน […]