ตร.ไซเบอร์ จับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ “แก๊งตึกประตูดำ หน้าวัดตาด ปอยเปต”

กรุงเทพฯ 9 มิ.ย. – ตำรวจไซเบอร์จับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ “แก๊งตึกประตูดำ หน้าวัดตาด ปอยเปต” หลอกผู้เสียหายอ้างเป็นพนักงาน FedEx มีพัสดุผิดกฎหมายตกค้างที่กรมศุลกากร มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 145 ล้านบาท


สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง อ้างว่าเป็นพนักงานบริษัทขนส่ง FedEx มีพัสดุผิดกฎหมายส่งจากต่างประเทศติดที่กรมศุลกากร และทำผิดฐานฟอกเงิน จึงหลงเชื่อโอนเงินไปจำนวนหลายราย รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 145 ล้านบาท ซึ่งผู้ที่ถูกหลอกลวงได้แจ้งความผ่านระบบการรับแจ้งความออนไลน์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (www.thaipoliceonline.com) เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน บก.สอท.1 สืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ได้ยื่นคำร้องขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งหมด และศาลอนุมัติหมายจับ ทั้งสิ้น 58 หมายจับ ซึ่งผู้ต้องหาในคดีนี้เป็นสมาชิกของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ โดยร่วมกันกระทำผิดมีจำนวนตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป ตกลงเข้าเป็นสมาชิกองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ได้กระทำผิดโดยใช้ระบบการโทรศัพท์มาหาเหยื่อ โดยวิธีการสุ่มโทร (VOIP) ไม่ระบุเฉพาะเจาะจงว่าเป็นผู้ใด เพื่อหลอกลวงให้ได้ไปซึ่งทรัพย์สิน อันเป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน โดยการแสดงตนเป็นคนอื่น มีอัตราโทษจำคุกจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 7 ปี ซึ่งพบการกระทำความผิดบางส่วนในราชอาณาจักรไทย และบางส่วนนอกราชอาณาจักรไทย เมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา อันเป็นสถานที่ตั้งทำงานของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แบ่งหน้าที่กันทำงาน ลักษณะเป็นขบวนการ พนักงานโทรศัพท์ ล่าม ผู้จัดหาพนักงานและสมุดบัญชีธนาคาร และหัวหน้าแก๊งผู้ควบคุมดูแลพนักงานคอลเซ็นเตอร์ จ่ายเงินค่าตอบแทน และมีการหลอกผู้เสียหายสาย 1 สาย 2 และสาย 3 เมื่อสมาชิกอั้งยี่หรือซ่องโจรนั้นได้กระทำผิด และสมาชิกที่อยู่ด้วยไม่ได้คัดค้านการกระทำผิดนั้น ย่อมถือว่าได้ร่วมกันกระทำความผิดฐานตัวการด้วยทุกคน ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 4-15 ปี และเงินของผู้เสียหายที่ผู้ต้องหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ไปมีการโอน ยักย้าย จนไม่สามารถติดตามได้คืน ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำผิดอันเป็นความผิดมูลฐานการฟอกเงิน (นัยคำพิพากษาฎีกา ที่ 283/2565 )


ต่อมาวันที่ (8 มิ.ย.2566) เวลา 07.40 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน บก.สอท.1 ได้จับกุมตัวนางสาวอรวรรณ อายุ 23 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 109/2566 ลงวันที่ 13 มกราคม 2566 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันเป็นอั้งยี่, ร่วมกันเป็นซ่องโจร, ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และร่วมกันฟอกเงิน” โดยทำการจับกุมได้ที่บริเวณบ้านกำลังก่อสร้าง ในพื้นที่ ต.บางคูเวียง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี

เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การว่า ถูกชักชวนให้ไปทำงานกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน โดยเสนอเงินเดือนสูง เดือนละ 30,000 บาท หลงเชื่อจึงตกลงเดินทางไปทำงานดังกล่าว แต่สุดท้ายได้รับเงินเดือนเพียงเดือนละ 20,000 บาทเท่านั้น โดยให้พักรวมกับคนร้ายอื่นๆ ในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งประตูรั้วเป็นสีดำ มีกำแพงสูงล้อมรอบ และมักพบเห็นมีคนอื่นๆ พยายามกระโดดหนีจากการควบคุมของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หากถูกจับได้จะถูกลงโทษโดยหัวหน้าชาวจีน ผู้ต้องหาได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่สาย 1 คอยรับโทรศัพท์เป็นจำนวนมาก และจำไม่ได้ว่าคุยกับใครบ้าง เมื่อเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน บก.สอท.1 ให้ดูรายชื่อเพื่อนร่วมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ส่วนใหญ่จะถูกจับกุมดำเนินคดีเกือบทุกรายที่ผู้ต้องหารู้จัก ผู้ต้องหาทำงานแค่ 3 เดือน จึงได้หาเงินไถ่ตัว โดยจ่ายเงินให้หัวหน้าคนจีน จำนวน 30,000 บาท จึงได้ถูกปล่อยตัว และเดินทางกลับมาประเทศไทย

เตือนภัยฝากไปยังประชาชนให้พึงระวังการหลอกลวงลักษณะดังกล่าว ต้องรู้เท่าทันกลโกงของมิจฉาชีพ ควรมีสติก่อนการโอนเงินทุกครั้ง ควรหาข้อมูลให้รอบด้าน อย่าหลงเชื่ออะไรง่ายๆ ควรตรวจสอบให้ดีก่อน “ไม่เชื่อ ไม่รีบ ไม่โอน” รวมทั้งผู้ที่สนใจสมัครงานไปทำงานยังฝั่งเพื่อนบ้าน อาจถูกหลอกลวง อาจถูกกักขังหน่วงเหนี่ยว หรือมีการทำร้ายร่างกายจากหัวหน้าแก๊งคนจีน อันตรายถึงชีวิตก็ได้ จึงไม่ควรหลงเชื่อไปทำงานดังกล่าว


ทั้งนี้ การปฏิบัติการของ บช.สอท. ยังคงมุ่งเน้นที่จะสนองนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งดำเนินการปราบปรามจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับการหลอกลวงบนสื่อสังคมออนไลน์อย่างจริงจัง และต่อเนื่อง โดยบูรณาการร่วมมือกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยคำนึงถึงผลการปฏิบัติงานที่เป็นรูปธรรม คำนึงถึงความเดือดร้อน และอำนวยความยุติธรรมของประชาชนเป็นสำคัญ .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“หมอพรทิพย์” เผย แผลศพบอกได้ ฆาตกรรม หรือ ฆ่าตัวตาย

“หมอพรทิพย์” อดีต ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เผยบาดแผลที่ศพ “ผกก.โจ้” จะบ่งชี้ได้ว่า ถูกฆาตกรรม หรือฆ่าตัวตาย

รู้ตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุคาร์บอมบ์-ยิงถล่มที่ว่าการอำเภอสุไหงโก-ลก

รู้ตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุคาร์บอมบ์-ยิงถล่มที่ว่าการอำเภอสุไหงโก-ลก คาดฝีมือ นายอับดุลเลาะ บูละ แกนนำระดับสั่งการ ฝึกรบจากต่างประเทศ พบบางส่วนหนีขึ้นเขาตะเว บางส่วนข้ามชายแดนแล้ว

ชายแดนตึงเครียด ทหารเมียนมา-KNLA ยังปะทะเดือด

สถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา ยังตึงเครียด ทหารเมียนมากับกะเหรี่ยงเคเอ็นแอลเอ ยิงปะทะดุเดือด ขณะที่ชาวเมียนมา อพยพเข้าไทยอีกครั้งแล้วหลายร้อยคน

เจอกระบะต้องสงสัยก่อเหตุหน้าที่ว่าการอำเภอสุไหงโก-ลก

พบแล้ว รถกระบะต้องสงสัยใช้ก่อเหตุยิงปืนและลอบวางระเบิด หน้าที่ว่าการอำเภอสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เมื่อคืนนี้

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยไทยตอนบนอุณหภูมิสูงขึ้น-อากาศร้อนในตอนกลางวัน

กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนอุณหภูมิจะสูงขึ้น กับมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน และมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง

ราชทัณฑ์เปิดภาพผ้าเช็ดตัว-ผังห้องขังหมายเลข 50

กรมราชทัณฑ์ เปิดภาพและขนาดผ้าเช็ดตัวที่จัดสรรแจกให้ผู้ต้องขังชาย-หญิง ในเรือนจำ พร้อมข้อมูลแดน 5 และผังห้องขังหมายเลข 50

ชายแดนตึงเครียด ทหารเมียนมา-KNLA ยังปะทะเดือด

สถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา ยังตึงเครียด ทหารเมียนมากับกะเหรี่ยงเคเอ็นแอลเอ ยิงปะทะดุเดือด ขณะที่ชาวเมียนมา อพยพเข้าไทยอีกครั้งแล้วหลายร้อยคน