กรุงเทพฯ 2 มิ.ย.- “ชูวิทย์” โชว์ภาพอ้างเป็นสถานบันเทิงจีนเทาแห่งใหม่ย่านสุทธิสารเตรียมเปิดในสัปดาห์นี้ ส่วนสถานบันเทิงย่านเพชรบุรีที่ถูกจับกุมเมื่อคืนที่ผ่านมา พบ “อาจ๋าย” เป็นเจ้าของ ขัดแย้งส่งส่วยให้ตำรวจจนถูกจับ
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เปิดเผยถึงกรณีที่ตำรวจกองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี หรือ ดส. เข้าจับสถานบันเทิงเมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นของคนจีนที่ลักลอบเปิดย่านถนนเพชรบุรี พร้อมกับพบนักท่องเที่ยวชาวจีนและยาเสพติดอีกจำนวนมาก โดยก่อนที่จะแถลงได้นำโคมไฟสีแดง หรือ “เต็งลั้ง” 1 คู่ เข้ามาด้วย เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของคนจีนที่นิยมติดไว้หน้าห้างร้าน
นายชูวิทย์ เชื่อว่า สถานบันเทิงแห่งนี้ต้องมีการจ่ายส่วยให้ตำรวจเพื่อเปิดให้บริการ เนื่องจากที่นี้เป็นสถานบริการอาบอบนวดเก่า และเปิดริมถนนเพชรบุรี ถือว่าเป็นสถานที่โจ่งแจ้ง เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีการเคลียร์กับเจ้าหน้าที่ ส่วนเจ้าของสถานบันเทิงนี้คือ “อาจ๋าย” ที่ได้ติดต่อผ่าน “ชายเล็ก” คนนี้เป็นที่รู้จักของตำรวจ สน.มักกะสัน เป็นอย่างดี และในพื้นที่อื่นๆ เนื่องจาก “ชายเล็ก” เป็นนายหน้าจัดหาหญิงบริการมาให้สถานบริการหลายแห่งในกรุงเทพมหานคร
และเป็นคนชักชวนให้ “อาจ๋าย” เข้ามาลงทุนเปิดสถานบันเทิง ส่วนพนักงานภายในร้านก็จะใช้ผู้หญิงชาวจีน และประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาทำงาน นอกจากนั้นยังพบว่ามี “บังมัด” ผู้กว้างขวางในย่านคลองตัน เป็นคนออกหน้าเพื่อเคลียร์กับตำรวจในพื้นที่คือ “รอง ห.”
สำหรับการเข้าจับสถานบันเทิงครั้งนี้ เชื่อว่าเป็นความขัดแย้งของหน่วยงานรัฐกับรัฐ หรือเป็นระหว่างหน่วยงานรัฐกับเจ้าของสถานบันเทิง โดยมี “รอง ห.” เข้าไปเกี่ยวข้อง แต่จะเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งกับตำรวจ ดส.หรือไม่ ยังบอกไม่ได้ แต่ก็เห็นว่า ตำรวจ ดส.ทำหน้าที่คล้ายพ่อบ้านให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยสถานบันเทิงย่านเพชรบุรี พบว่ารูปแบบการประกอบกิจการเป็นรูปแบบเดียวกับผับ “จินหลิง” ซึ่งมีเครือข่ายคนจีนเทากว่า 10 คน มาร่วมลงทุนให้ “อาจ๋าย” ในวงเงินรวมประมาณ 200 ล้านบาท ซึ่งมีทุนน้อยกว่า “ตู้ห่าว”
นายชูวิทย์ ยังระบุว่า ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองยังเปิดโอกาสให้กลุ่มจีนเทาเข้ามาในไทยมากขึ้น ทำให้คนจีนมาทำธุรกิจสีเทาในกรุงเทพมหานคร และพัทยา จังหวัดชลบุรีมากขึ้น และประเทศไทยกำลังจะเป็นศูนย์กลางของคนจีนหมายจับแดง เพราะเข้ามาในไทยได้ง่ายด้วยวีซ่านักท่องเที่ยว และวีซ่าพิเศษ ที่มีคนจีนใช้เข้าออกประเทศปีละ 500,000 คน ส่วนในประเทศไทย ขณะนี้มีคนจีนมาอยู่แล้วกว่า 3 ล้านคน โดยที่ไม่มีระบบตรวจสอบหมายจับของจีน ทำให้คนจีนเลือกมาอยู่ประเทศไทยจำนวนมาก
ส่วนภายในสัปดาห์นี้ นายชูวิทย์ ยังได้ข้อมูลมาอีกว่า กำลังจะมีการเปิดสถานบันเทิงของทุนจีนสีเทาในพื้นที่ สน.สุทธิสาร ขึ้นอีก ซึ่งเป็นอดีตสถานบริการที่เคยปิดตัวไป ขณะนี้กำลังปรับปรุงและตกแต่งให้คล้ายกับสถานบันเทิงที่ถูกจับได้ ซึ่งตามกำหนดแล้วจะเปิดวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา และยังอยู่ระหว่างจ่ายส่วยให้เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน มีตั้งแต่ระดับสถานีตำรวจท้องที่ กองบังคับการ กองบัญชาการตำรวจนครบาล รวมทั้งหน่วยงานกลาง ทั้งกองปราบปราม ตำรวจปราบปรามยาเสพติด ตำรวจ ดส. และ 191
สำหรับการปราบปรามกลุ่มจีนเทาของเจ้าหน้าที่เห็นว่ายังไม่จริงจัง ไม่ได้ถอดบทเรียนจากการจับ “จินหลิ้งผับ” เพราะหลังจากนั้นก็มีสถานบันเทิงที่ให้บริการเหมือนกันเกิดขึ้นอยู่เรื่อยๆ และหลังจากนี้ก็เชื่อว่าจะมีเกิดขึ้นอีก โดยเตรียมข้อมูลเหล่านี้ให้พรรคก้าวไกล ซึ่งระหว่างการแถลงข่าวได้โทรศัพท์ติดกับนายรังสิมันต์ โรม ว่าที่ ส.ส.พรรคก้าวไกล เพื่อเตรียมส่งข้อมูลให้ปราบปราม หากได้เป็นรัฐบาลในอนาคต.-สำนักข่าวไทย