กรุงเทพฯ 29 พ.ค.- ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้อง “รัชฎา” อดีตอธิบดีกรมอุทยานฯ ฟ้อง “ชัยวัฒน์” ฐานแจ้งความเท็จ-สร้างพยานหลักฐานเท็จ
ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (29 พ.ค.) ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้อง คดีหมายเลขดำที่ อ.284 /2566 ที่นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อดีตกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นโจทก์ฟ้องนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (อุบลราชธานี) เป็นจำเลย ฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จฯ แก่พนักงานสอบสวน ทำพยานหลักฐานเท็จฯ แจ้งความให้จดข้อความอันเป็นเท็จ และหมิ่นประมาท
โดยคำฟ้องสรุปว่า นายชัยวัฒน์ จำเลย บังอาจแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานสอบสวนกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย เพื่อแกล้งให้โจทก์ได้รับโทษ จำเลยแจ้งว่าเมื่อเม.ย.2564 ถึงปัจจุบัน โจทก์ได้กระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองโดยไม่ชอบ โจทก์ขณะนั้นดำรงตำแหน่งอธิบดีฯ มีนโยบายก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา โดยการที่โจทก์มีคำสั่งโยกย้ายเจ้าหน้าที่ไปยังตำแหน่งอื่นที่ห่างไกลภูมิลำเนา ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องมีการวิ่งเต้นที่สำนักงานอธิบดีรายละประมาณ 200,000-300,000 บาทโดยหากผู้ใดไม่วิ่งเต้นก็จะถูกโยกย้ายทำให้เดือดร้อน เมื่อเป็นเจ้าหน้าที่หัวหน้าหน่วยภาคสนามจะต้องจ่ายเงินเป็นรายเดือนต่อเดือนให้โจทก์ ทำให้พนักงานสอบสวนจดข้อความอันเป็นเท็จดังกล่าว
และจำเลยวางแผนเข้ามาขอพบโจทก์วางแผนกลั่นแกล้งโจทก์ โดยจำเลยแอบซุกซ่อนติดกล้อง ซึ่งสามารถบันทึกภาพและเสียง ในวันดังกล่าวจำเลยอ้างว่ามีเรื่องสำคัญ ขอใช้เวลาไม่นาน ประกอบกับช่วงเวลาดังกล่าวใกล้ช่วงปีใหม่ โจทก์เข้าใจว่าจำเลยจะมาสวัสดีขอพรปีใหม่ จึงยอมให้จำเลยเข้าพบ เมื่อจำเลยเข้าพบ พยายามพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องเงิน เพื่อให้เข้าตามแผนที่จำเลยวางไว้ แต่โจทก์ปฏิเสธไม่พูดคุยกับจำเลย เนื่องจากโจทก์ไม่เคยเรียกรับเงินจากผู้ใด ในขณะเดียวกันจำเลยนำซองกระดาษสีขาวทราบภายหลังว่าคือซองบรรจุเงินจำนวน 98,000 บาท ออกมาวางบนโต๊ะ และจำเลยพยายามให้โจทก์รับซองและเปิดซอง แต่โจทก์ไม่ยอมรับ และไม่ได้แกะซองดู จำเลยพยายามพูดเบี่ยงเบนความสนใจ โดยวางซองเงินไว้บนโต๊ะทำงาน และพูดคุยกับโจทก์หลายเรื่อง จากนั้นจำเลยก็ออกจากห้องโจทก์ไป ต่อมาโจทก์พบว่าจำเลยวางซองเงินดังกล่าวบนโต๊ะ จากนั้นเวลาผ่านไปไม่นาน สักครู่ก็มีเสียงตำรวจบุกเข้ามาในห้องโดยไม่มีหมายค้น และอ้างว่าเป็นการกระทำผิดซึ่งหน้า และค้นพบซองบรรจุเงิน 98,000 บาท ซึ่งจำเลยวางทิ้งไว้ ทำให้โจทก์เกิดความเสียหาย และเป็นการกลั่นแกล้ง
ทั้งนี้ นายวราชันย์ ทนายความ เปิดเผยว่า วันนี้ นายรัชฎา ขึ้นเบิกความในฐานะโจทก์ โดยยืนยันมีพยานฝั่งโจทย์ ทั้งพยานบุคคล พยานเอกสาร พยานวัตถุ นอกจากนี้จะขอให้ศาลออกหมายเบิกพยานมากกว่า 5 คน เช่น พนักงานสอบสวน เจ้าของซองเงิน และตัวนายรัษฎา ส่วนนายชัยวัฒน์ วันนี้ไม่ได้เดินทางมาศาล ส่งทนายความเป็นตัวแทนมาร่วมฟังการพิจารณา โดยการฟ้องนายชัยวัฒน์ ที่ศาลอาญา รัชดาฯ นั้น เป็นการยื่นฟ้องนายชัยวัฒน์ เพียงแค่คนเดียว โดยไม่ถือว่าเป็นการฟ้องซ้ำกับคดีที่ได้ยื่นฟ้องไว้ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติผิดชอบกลาง เนื่องจากคดีที่ศาลอาญาคดีทุจริตฯ เป็นการฟ้องเจ้าพนักงานปฏิบัติที่มิชอบ ร่วมกันทำพยานหลักฐานเท็จ เพื่อใช้เป็นพยานหลักฐานในการดำเนินคดี หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆ คือ คดีที่ศาลอาญาทุจริตฯ เป็นคดีเกี่ยวกับการกระทำของเจ้าพนักงานที่เข้ามาตรวจค้น จับกุม โดยชอบ หรือไม่ชอบ มีหมายค้นหมายจับหรือไม่ การปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบหรือไม่
ส่วนคดีที่ยื่นฟ้องไว้ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เป็นการฟ้องว่าสิ่งที่นายชัยวัฒน์ นำหลักฐานมาแจ้งกับตำรวจเป็นความเท็จ เพราะข้อเท็จจริงแล้วไม่ได้เป็นแบบนั้น โดยนายรัชฎา มั่นใจ ไม่ได้ทำผิดตามที่ถูกกล่าวหา
ส่วนกรณีที่นายรัชฎา ตกเป็นผู้ต้องหาที่กองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป) และนายชัยวัฒน์ พร้อมพวก ดำเนินคดีฐานเรียกรับเงินจากเจ้าหน้าที่ในสังกัดกรมอุทยานแห่งชาติฯ ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนตรวจสอบหลักฐาน ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ โดยต้องไปรายงานตัวทุก 3 เดือน ซึ่งยืนยันว่านายรัชฎา บริสุทธิ์ ไม่ได้เป็นผู้กระทำผิดตามที่นายชัยวัฒน์ กล่าวหา.-สำนักข่าวไทย