รวบ “เซเลบเก๊” นัดเดตก่อนขโมยรถ เหยื่อโผล่เพียบ

กทม. 28 เม.ย.- ภัยร้ายสาวขี้เหงา สืบนครบาล รวบ “เซเลบเก๊” ใช้โปรไฟล์รูปหล่อนัดเดตก่อนขโมยรถยนต์ เหยื่อโผล่เพียบ อยู่ระหว่างขยายผล


เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2566 พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปอส.ตร. (PCT), พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น./หน.PCT ชุดที่ 5, พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น., พ.ต.อ.ณรงฤทธิ์ ทองแพ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.มาโนชย์ ทองแก้ว, พ.ต.ต.คณิตนนท์ ถนอมศรี, พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ, ร.ต.อ.ศิวัช ยังอุ่น, ร.ต.อ.พลวัต นาคถมยา, ร.ต.อ.วรภัทร แสงเทียนประไพ, ร.ต.อ.หญิง ธิดารัตน์ ผดุงประเสริฐ, จ.ส.ต.สรศักดิ์ ด้วงชู, จ.ส.ต.คมสันต์ สุดตานา, ส.ต.ท.จิรวัฒน์ ศรีมั่นมีชัย ร่วมกันกับเจ้าหน้าที่ ศปอส.ตร. (PCT) ชุดที่ 5, ชุดสืบสวนนครบาล (บก.สส.บช.น.), สืบสวน สน.โคกคราม นำกำลังสืบสวนติดตามจับกุมตัว นายภีรพัฒน์ อายุ 26 ปี หรือ อุ้ม หรือ อั้ม หรือ พอช หรือ พัด หรือ แซ็ค หรือ แร็ค อยู่บ้านพักใน ต.ธารเกษม อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับ จำนวน 7 หมายจับ ดังนี้

  1. หมายจับศาลแขวงนครราชสีมาที่ จ.190/2563 ลงวันที่ 17 ส.ค. 34 (สภ.มะเริง) ข้อหา “ฉ้อโกงทรัพย์”
  2. หมายจับศาลแขวงเชียงใหม่ที่ จ.352/2564 ลงวันที่ 5 ส.ค. 64 (สภ.ช้างเผือก) ข้อหา “ฉ้อโกงทรัพย์”
  3. หมายจับศาลแขวงนครศรีธรรมราชที่ จ.65/2564 ลงวันที่ 2 มิ.ย. 64 (สภ.เมืองนครศรีธรรมราช) ข้อหา “ลักทรัพย์ผู้อื่น”
  4. หมายจับศาลอาญามีนบุรีที่ จ.316/2566 ลงวันที่ 24 มี.ค. 66 (สน.โคกคราม) ข้อหา “ร่วมกันยักยอกทรัพย์”
  5. หมายจับศาลจังหวัดปทุมธานีที่ จ.131/2565 ลงวันที่ 6 ก.ค. 65 (สภ.ปากคลองรังสิต) ข้อหา “ฉ้อโกง”
  6. หมายจับศาลอาญามีนบุรีที่ จ.439/2565 ลงวันที่ 6 พ.ค. 65 (สน.โคกคราม) ข้อหา “ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน”
  7. หมายจับศาลอาญามีนบุรีที่ จ.316/2566 ลงวันที่ 24 มี.ค. 66 (สน.โคกคราม) ข้อหา “ยักยอก

โดยกล่าวหาว่า “ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน พฤติการณ์กล่าวคือ หญิงสาวผู้เสียหายรายหนึ่ง ได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวนออนไลน์ของเพจสืบนครบาล IDMB ว่าถูกคนร้ายอ้างเป็นเซเลบ ซึ่งพบเจอกันในแอปพลิเคชันหาคู่ จากนั้นได้นัดเจอกันที่โรงแรม เมื่อพักค้างแรมแล้ว ตื่นขึ้นมาก็พบว่าคนร้ายหายตัวไปพร้อมกับกุญแจและ “รถยนต์” ของหญิงผู้เสียหาย ซึ่งปัจจุบันคนร้ายรายนี้ถูกออกหมายจับแล้วหลายคดี หลังรับแจ้งทีมนักวิเคราะห์แผนประทุษกรรมของสืบนครบาลได้ร่วมกับฝ่ายสืบสวน สน.โคกคราม ตรวจสอบลักษณะแผนประทุษกรรมดังกล่าวที่เกิดขึ้นแล้วพบว่าคนร้ายรายนี้ก่อเหตุมาอย่างโชกโชน โดยมีแผนประทุษกรรมสุดแสบ คือ คนร้ายจะแฝงตัวอยู่ในแอปพลิเคชัน “หาคู่” เช่น Tinder, Omi เป็นต้น โดยสร้างโปรไฟล์เป็นเซเลบ หนุ่มหล่อ รวย ถ่ายภาพคู่รถหรู ซึ่งแท้จริงเป็นรถคนอื่น ดึงดูดเหล่าหญิงสาวให้เกิดความสนใจ เมื่อมีผู้สนใจในตัวโปรไฟล์ของคนร้ายแล้วจะมีการ “คัดเหยื่อ” โดยเลือกหญิงที่มี “รถยนต์” ไม่สนใจหน้าตา อายุ ก่อนเริ่มพุ่งชนด้วยบทสนทนาเกี้ยวสาวสุดเร่าร้อน บางรายมีการนัดพบหรือเป็นที่รู้กันในหมู่วัยรุ่นว่า “การนัดยิ้ม” โดยคนร้ายจะแสร้งทำทีนัดหมายให้เหยื่อขับรถยนต์มารับที่สนามบิน โดยอ้างว่าเดินทางมาจาก จ.เชียงใหม่ (ไม่ได้บินมาจริง) แสร้งลากกระเป๋าเดินทางอยู่ในสนามบิน สวมเสื้อผ้าแบรนด์เนมสร้างภาพลักษณ์แรกพบเสมือนเป็นหนุ่มเซเลบนักเดินทาง หลังได้พบเจอกับเหยื่อหญิงสาวก็จะมักนำพาไป “เชือด” ที่โรงแรมละแวก “ถนนเรียบทางด่วนรามอินทรา” ซึ่งคนร้ายเข้าใจถึงหลักการฮอร์โมนของเพศหญิงที่จะหรั่งสารทำให้เกิดความรู้สึกดีกับฝ่ายชายหลังมีเพศสัมพันธ์ จึงเลือกที่มีเพศสัมพันธ์กับเหยื่อให้ได้ก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งหลังเสร็จกิจก็จะออกอุบายเพื่อขอยืมรถยนต์ของเหยื่อ ซึ่งเหล่าเหยื่อหญิงสาวต่างยินยอมให้โดยง่าย เมื่อกุญแจและรถยนต์ของเหยื่อตกไปอยู่ในมือคนร้ายรายนี้แล้ว ก็จะเริ่มตระเวนขับรถเพื่อไปให้เหล่าพ่อค้ารถเถื่อน “ดูสภาพรถ” จากนั้นก็จะกลับไปอยู่กับเหยื่อที่โรงแรมจนกระทั่งเหยื่อหลับสนิท คนร้ายก็จะใช้โอกาสดังกล่าว “ขโมย” รถของเหยื่อไปจากโรงแรมและตัดขาดการติดต่อกับเหยื่อไปเลย ซึ่งต่อมาได้มีการสืบสวนจนกระทั่งสามารถยืนยันตัวบุคคลคนร้ายรายนี้ได้ คือ นายภีรพัฒน์ มีตัวตนหรือชื่อปลอมกว่าหลายชื่อ เช่น อุ้ม , อั้ม , พอช , พัด , แซ็ค และ แร็ค ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าเป็นบุคคลตามหมายจับกว่า 7 หมายจับ


พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนนครบาล ร่วมกับฝ่ายสืบสวน สน.โคกคราม ลงพื้นที่ติดตามโดยสืบทราบว่าปัจจุบัน นายภีรพัฒน์ ไปกบดานอยู่ในพื้นที่ อ.เมือง จ.ลพบุรี โดยคนร้ายหลบซ่อนไม่กลับบ้านตามภูมิลำเนาและยังอำพลางตัวใช้บัตรประชาชนผู้อื่นในการทำธุรกรรมต่างๆ กระทั่งได้ใช้เจ้าหน้าที่อำพลาง แปลงกายเป็นสาวสวยและรวยมาก เข้าไปท่องในโลก Tinder และ Omi กระทั่งพบเบาะแสของนายภีรพัฒน์ จนนำมาสู่การจับกุมตัวตามหมายจับทั้ง 7 หมายจับ เมื่อวันที่ 27 เม.ย. 66 เวลา 10.30 น. โดยจับกุมตัวได้ที่ ต.ท่าศาลา อ.เมืองลพบุรี จ.ลพบุรี ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.บช.น. เข้าไปจับกุมตัว นายภีรพัฒน์ ออกอุบายทำทีว่าตนเองนั้นชื่อ “อนุรักษ์” มิใช่ “ภีรพัฒน์” เพื่อหวังจะตบตาเจ้าหน้าที่ แต่ไม่เป็นผลเนื่องจากเจ้าหน้าที่จำเอกลักษณ์พิเศษของนายภีรพัฒน์ได้ ซึ่งท้ายสุดก็ยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับ

ในชั้นจับกุม นายภีรพัฒน์ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “ที่ตนเองมีหลายชื่อนั้นเพราะชอบแสวงหาความสุขจากการมีความสัมพันธ์กับผู้หญิง ไม่อยากให้มีใครจำตัวตนของตัวเองได้ และตนเองเริ่มก่อเหตุลักษณะนี้มาตั้งแต่ประมาณปี 2561 โดยตอนนั้นมีลูกพี่ซึ่งเป็นเครือข่ายส่งรถยนต์ข้ามประเทศ มาสอนตนเองว่าให้นัดมีเพศสัมพันธ์กับเหยื่อและขโมยรถมา ซึ่งการทำเช่นนี้จะหลีกเลี่ยงไม่ให้โดนข้อหาหนัก เพราะจะโดนแค่ข้อหา ยักยอกทรัพย์ ซึ่งโทษเบา และยังสอนว่าไม่ต้องสนใจ รูปร่างหน้าตาอายุ ให้ดูเพียงแต่รุ่นรถของเหล่าหญิงสาวที่จะไปนัดมีเพศสัมพันธ์เท่านั้น ให้ถือว่าเป็นการทำงานไม่ใช่การหาความสุขสำราญ โดยยอมรับว่าก่อเหตุในลักษณะนี้มาแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ครั้ง และคนร้ายที่ก่อเหตุลักษณะนี้มีอีกจำนวนหลายรายเรียกได้ว่าเป็นเครือข่ายไม่ได้มีตนเพียงคนเดียว โดยยอมรับว่าถ้าเป็นรถใหญ่เมื่อตนขโมยมาได้แล้วขายต่อนั้นก็จะถูกส่งไปยังประเทศกัมพูชา ส่วนรถเล็กนั้นส่วนใหญ่ผู้รับซื้อไปจะเอาไปเก็บในโกดังเพื่อรอนำไปสวมซากรถที่เป็นรุ่นเดียวกัน โดยสุดท้ายยอมรับว่าที่เคยนัดมีเพศสัมพันธ์กับเหล่าผู้เสียหายที่ผ่านมานั้นตนเองมิเคยมีการสวมถุงยางป้องกันแต่อย่างใด ปัจจุบันอ้างว่ามีอาการป่วย ซึ่งอยู่ระหว่างรอการตรวจโรคร้ายกับทางโรงพยาบาล” หลังเสร็จสิ้นการจับกุมได้นำตัว นายภีรพัฒน์ นำส่งพนักงานสอบสวน สน.โคกคราม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า “เรายังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของคนร้ายว่าเคยก่อเหตุมาเพียงเท่านี้ เชื่อว่ายังมีเหยื่ออีกจำนวนมาก วิเคราะห์ได้จากแผนประทุษกรรมของคนร้ายรายนี้การหลอกลวงเหล่าหญิงสาวหรือการเลือกสถานที่เชือดให้อยู่ในทำเลที่ตั้งของเหล่าพ่อค้ารับซื้อรถเถื่อน เชื่อว่าต้องผ่านประสบการณ์ในการก่อเหตุมามาก ถือเป็นภัยสังคมต่อเหล่าหญิงสาวเป็นอย่างยิ่ง จากนี้จะมีการขยายผลจนถึงที่สุด ไปถึงเครือข่ายรับซื้อรถเถื่อนด้วย และขอเตือนไปยังเหล่าหญิงสาวที่ชื่นชอบเล่นแอปพลิเคชันหาคู่ลักษณะนี้ ให้หลีกเลี่ยง เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของท่าน ผมไม่ต้องการให้คนประเภทนี้อยู่ในสังคม และถูกดำเนินคดีให้มากที่สุด จึงขอประชาสัมพันธ์เหล่าหญิงที่เคยประสบเหตุในลักษณะนี้ให้รีบแจ้งเบาะแสมาที่ บก.สส.บช.น. ทางโทรศัพท์หรือช่องทางเพจ สืบสวนนครบาล IDMB เรามีเจ้าหน้าที่ประสานงานตลอด 24 ชั่วโมง แม้ไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์ แต่หากเป็นความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ” .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Cambodia PM Hun Manet in military uniform

กัมพูชาเสนอศาลโลกตัดสินดินแดนพิพาทกับไทย

พนมเปญ 2 มิ.ย.- ผู้นำกัมพูชาเสนอให้นำข้อพิพาททางดินแดนกับไทยให้ศาลโลกตัดสิน และได้สั่งการให้เจบีซีเร่งจัดการหารือกับไทยเรื่องปักปันเขตแดน ด้านกระทรวงต่างประเทศกัมพูชาได้ยื่นหนังสือประท้วงไทยเรื่องเหตุปะทะที่มีทหารกัมพูชาเสียชีวิต เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ขแมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานวันนี้ว่า นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้โพสต์ถ้อยแถลงในสื่อสังคมออนไลน์เมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า เขาได้ตัดสินใจตามที่รับฟังรายงานสรุปจากนายทหารที่ประจำการตามแนวชายแดนไทย หลังจากที่เขากลับจากการปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ โดยได้สั่งการให้คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทยหรือเจบีซี (JBC) เร่งจัดการประชุมกับฝ่ายไทยเพื่อเดินหน้าการสำรวจและปักปันเขตแดนระหว่าง 2 ประเทศ ถ้อยแถลงระบุด้วยว่า กัมพูชากำลังเตรียมบรรจุประเด็นใหม่ไว้ในวาระการประชุมเจบีซี คือ การเสนอให้นำข้อพิพาทยาวนานเรื่องปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาเมือนควาย และพื้นที่มอมเบ เข้าสู่การตัดสินชี้ขาดของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลกที่กรุงเฮกในเนเธอร์แลนด์ นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเตือนว่า การยั่วยุเมื่อไม่นานมานี้ของกลุ่มสุดโต่งเล็ก ๆ ได้จุดชนวนความตึงเครียดและโหมกระพือกระแสรักชาติขึ้นใน 2 ประเทศ เขาหวังว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะสามารถทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุทางออกสุดท้ายให้แก่พื้นที่พิพาทอ่อนไหวเหล่านี้ กัมพูชายังคงมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาชายแดนด้วยกลไกทางเทคนิคและหลักการทางกฎหมาย แต่ก็สงวนสิทธิที่จะปกป้องบูรณภาพทางดินแดนด้วยทุกวิถีทาง รวมถึงการใช้อาวุธ หากมีความพยายามใช้กำลังทหารรุกรานดินแดนของกัมพูชา ด้านกระทรวงกิจการต่างประเทศและความร่วมมือสากลของกัมพูชาได้ยื่นหนังสือทางการทูตประท้วงไทย ซึ่งมีการเปิดเผยเนื้อหาเมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า กองทัพไทยเปิดฉากยิงทั้งที่ไม่มีการยั่วยุจากที่ตั้งทางทหารของกัมพูชาในหมู่บ้านเตโชมรกต อำเภอจอมกระสานต์ จังหวัดพระวิหารเมื่อราวเวลา 05.30 น.วันที่ 28 มีนาคม ส่งผลให้ทหารกัมพูชาถูกสังหารอย่างไม่เป็นธรรม 1 นาย และเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพทางดินแดนของกัมพูชา กระทรวงต่างประเทศของกัมพูชาขอประณามอย่างรุนแรงต่อการกระทำดังกล่าวว่า ผิดกฎหมาย รัฐบาลกัมพูชาเรียกร้องให้สอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยทันทีและถี่ถ้วน และต้องนำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษ.-814.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ กัมพูชา สั่งระดมทหารประชิดชายแดนไทย

1 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา สั่งระดมกำลังทหารประชิดชายแเดนไทย ขณะเดินทางเยือนญี่ปุ่น พร้อมติดตามสถานการณ์บริเวณชายแดนติดกับไทยอย่างใกล้ชิด หนังสือพิมพ์ขะแมร์ ไทมส์ รายงานว่า ฌอง-ฟรองซัว ตัน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ให้สัมภาษณ์สื่อในประเทศ ระบุว่านับตั้งแต่เกิดเหตุความขัดแย้งตามมแนวชายแดนระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา ซึ่งอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจเยือนญี่ปุ่น ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จนกระทั่งเดินทางกลับมายังกัมพูชา เมื่อคืนที่ผ่านมา และได้สั่งการด้วยตัวเองให้ระดมกำลังทหารเพิ่มเติมเข้าประชิดชายแดนด้านที่ติดกับไทย เพื่อปกป้องอธิปไตยและพรมแดนกัมพูชา พร้อมกับยืนยันว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนด้านที่ติดกับไทย กลับมาสงบเรียบร้อยตามปกติแล้ว นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ยังได้ติดต่อและสั่งการตามสายงานลงไปยังรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และเสนาธิการกองทัพบก ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และแจ้งความคืบหน้าให้ทราบอย่างต่อเนื่อง หลังเกิดการปะทะกันครั้งล่าสุดระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย พร้อมกับเรียกร้องประชาชนชาวกัมพูชาเชื่อมั่นการปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพและรัฐบาลกัมพูชา ในการปกป้องดินแดน และหาหนทางแก้ไขความขัดแย้งบริเวณชายแดนติดกับไทย โดยยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ และหลังจากนี้ คณะกรรมการพรมแดนของกัมพูชา มีกำหนดพบหารือในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับรายละเอียดข้อขัดแย้ง และนำเสนอเพื่อเข้าสู่การเจรจาต่อไป.-สำนักข่าวไทย

“โอปอล สุชาตา” คว้ามงกุฎ Miss World 2025

อินเดีย 1 มิ.ย.-“โอปอล สุชาตา” สาวงามตัวแทนจากไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎ Miss World 2025 มาครองได้สำเร็จ เวทีการประกวด Miss World 2025 ครั้งที่ 72 ณ HITEX Convention Center เมืองไฮเดอราบัด รัฐเตลังคานา ประเทศอินเดีย โดย “โอปอล สุชาตา ช่วงศรี” สาวงามตัวแทนจากประเทศไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎมิสเวิลด์มาครองได้สำเร็จ โดยการประกวดในปีนี้มีนางงามจาก 108 ประเทศทั่วโลก เข้าร่วม ทั้งนี้ในรอบ 8 คนสุดท้าย มีนางงามที่ผ่านเข้ารอบได้แก่ บราซิล มาร์ตินีก เอธิโอเปีย นามิเบีย โปแลนด์ ยูเครน ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย ซึ่งจนกระทั่ง รอบ 4 คนสุดสุดท้าย มาร์ตีนิก เอธิโอเปีย และ โปแลนด์ ทั้ง 4 […]

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยไทยฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 60%

กรุงเทพฯ 4 มิ.ย. – กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองและฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 60% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย เดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส.-สำนักข่าวไทย

จุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล

นายกฯ เป็นประธานถวายเครื่องราชสักการะ-จุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี

สนามหลวง 3 มิ.ย.-นายกรัฐมนตรี และคู่สมรส เป็นประธานพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2568 เวลา 19. 49 น. ณ เวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายปิฎก สุขสวัสดิ์ คู่สมรส เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2568 โดยมีผู้แทนประธานรัฐสภา ประธานศาลฎีกา ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญพร้อมคู่สมรส คณะรัฐมนตรีพร้อมคู่สมรส ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทหาร ตำรวจ พลเรือน ภาคเอกชน และภาคประชาชน เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อนายกรัฐมนตรีและคู่สมรสเดินทางถึงพิธีท้องสนามหลวง ขึ้นสู่เวที นายกรัฐมนตรี ผู้แทนประธานรัฐสภา ประธานศาลฎีกา ทำวันทยหัตถ์หน้าพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี แล้ววางพุ่มทอง พุ่มเงิน จากนั้นนายกรัฐมนตรีถวายธูปเทียนแพ จุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล […]

ตรวจความพร้อมรบ

แม่ทัพภาค 1 ตรวจความพร้อมรบ พล.ร.9 พร้อมเสริมกำลังทัพภาค 2

กาญจนบุรี 3 มิ.ย.- แม่ทัพภาคที่ 1 ตรวจความพร้อมรบ พล.ร.9 กองกำลังสุรสีห์ ตามแผนเผชิญเหตุ ทบ. พร้อมเสริมกำลังทัพภาค 2 ชายแดนไทย-กัมพูชา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเย็นที่ผ่านมา ที่สนามฝึกทางยุทธวิธี พล.ร.9 จ.กาญจนบุรี พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาค 1 เดินทางไปตรวจความพร้อมหน่วย ตามแผนเผชิญเหตุของกองทัพบก ทั้งหน่วย กรมทหารราบเฉพาะกิจ กองทัพภาคที่ 1 และกองพันพร้อมรบเคลื่อนที่เร็ว RDF กองทัพภาคที่ 1 โดยมี พล.ต.อัษฎาวุธ ปันยารชุน ผบ.พล.ร.9 ให้ต้อนรับ พล.ร.9 ได้รับมอบหมายจากกองทัพบก ให้จัดกำลังเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติของกองทัพบก ในการใช้กำลังตามแผนเผชิญเหตุของกองทัพบก เข้าในพื้นที่ที่รับผิดชอบ และให้การสนับสนุนเสริมกำลังรบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่รับผิดชอบกองทัพภาคที่ 1 โดยหน่วยเตรียมกำลังได้ตรวจสภาพความพร้อมรบตามขั้นตอน เพื่อตรวจสอบความพร้อมของกำลังพลและยุทโธปกรณ์ในการปฏิบัติภารกิจในทุกพื้นที่ที่ได้รับมอบภารกิจจากกองทัพบก ทั้งนี้ แม่ทัพภาคที่ 1 ได้ให้โอวาสกำลังพล ในการเตรียมความพร้อมในทุกภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากกองทัพบก โดยขอให้มีความพร้อมอยู่ตลอดเวลา ในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ และพร้อมดูแลพี่น้องประชาชน […]

หลวงปู่ศิลา

“หลวงปู่ศิลา” มอบเงินบริจาคให้ มทภ.2 สนับสนุนภารกิจกองกำลังชายแดน

นครราชสีมา 3 มิ.ย.-“หลวงปู่ศิลา” มอบเงินบริจาคให้ มทภ.2 สร้างที่พักในฐานตามแนวชายแดน พร้อมอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ ในการดูแลประเทศชาติ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระราชวัชรธรรมโสภณ (หลวงปู่ศิลา สิริจันโท) เจ้าอาวาสวัดพระธาตุหมื่นหิน จ.กาฬสินธุ์ และคณะศิษย์และมูลนิธิธรรมะอุทยาน พร้อมทั้งคณะศิษยานุศิษย์ มอบเงินบริจาค จำนวน 2,017,860 บาท และข้าวสารจำนวน 1,500 กิโลกรัม ให้กับกองทัพภาคที่ 2 เพื่อสนับสนุนช่วยเหลือกองกำลังทหารชายแดน โดย พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นผู้รับมอบ ที่กองบัญชาการ ค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา สำหรับเงินทั้งหมดนี้ จะได้นำไปจัดสร้างที่พักในฐานที่มั่นของกองกำลังสุรนารี ที่ปฏิบัติภารกิจอยู่ตามแนวชายแดน รวมถึงจัดซื้ออุปกรณ์และยุทโธปกรณ์ต่างๆ ที่ยังขาดอยู่ ในการปกป้องอธิปไตยของประเทศ รวมถึงการจัดหาเครื่องมือต่างๆที่สามารถใช้ได้ภายในฐานปฏิบัติการเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับทหาร ที่ปฏิบัติภารกิจอยู่แถวชายแดน. -313 สำนักข่าวไทย