กทม. 26 เม.ย.-สามีผู้ตายในพื้นที่ชะอำ จ.เพชรบุรี เปิดใจ เชื่อภรรยาถูก “น.ส.แอม” วางยาฆ่าชิงทรัพย์ ไม่กังวลแม้เผาศพโดยไม่มีการผ่าชันสูตร ลั่นเดินหน้ามอบพยานหลักฐานให้ “บิ๊กโจ๊ก” ขยายผลต่อ
ความคืบหน้าคดีจับกุม นางสาวแอม ผู้ต้องหาก่อเหตุวางยาผู้เสียหายหลายราย ในพื้นที่ภาคกลาง เพื่อหวังชิงทรัพย์ เมื่อเวลา 14.30 น. สามีของ นางสาวจันทรัตน์ หรือจุ๋ม 1 ในผู้เสียชีวิต ในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี เปิดใจ กับทีมข่าว หลังเชื่อภรรยาตกเป็นเหยื่อถูก นางสาวแอม วางยา ก่อนเสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อ 15 สิงหาคม 2565 โดยเล่าว่า ก่อนเกิดเหตุ นางสาวแอม โทรมานัดภรรยา ออกไปเจอที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งในพื้นที่ชะอำ จ.เพชรบุรี จากนั้นกลับมาบ้านพบว่าภรรยาเสียชีวิต กะทันหัน หลังจากออกไป เจอกับ นางสาวแอม ประมาณ 2 ชม. โดยสภาพร่างกายมีลักษณะดำผิดปกติ แต่ตอนนั้นไม่ติดใจหรือคิดว่าเป็นการถูกวางยาฆาตกรรม เพราะทรัพย์สินของภรรยาไม่มีอะไรสูญหาย จึงไม่ได้มีการผ่าชันสูตรศพ และมีการเผาร่างภรรยาไปแล้ว หลังจากนั้นยังได้รับการติดต่อจากนางสาวแอม เข้ามาไถ่ถามสารทุกข์ และบอกว่าภรรยาตนติดหนี้ เงินที่ยืมไป โดยนางสาวแอมจะไม่เอาคืน ตอนนั้น ยังรู้สึกชื่นชมนางสาวแอม ว่าช่างเป็นคนดี ต่อมามีข่าวเกิดขึ้นเกี่ยวกับการเสียชีวิตของ นางสาวก้อย ซึ่งมีการบอกเล่าเรื่องราวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คล้ายกับภรรยาตนและภรรยาตนได้เจอกับนางสาวแอม เป็นคนสุดท้ายก่อนเสียชีวิต ถึงเริ่มสงสัยว่าภรรยาอาจเสียชีวิตโดยการถูกวางยา แต่เมื่อไปตรวจสอบรายละเอียดการโอนเงิน พบว่าภรรยามีการโอนเงินให้กับนางสาวแอม ยืมเป็นเงินประมาณ 100,000 บาท ภรรยาตนไม่ได้ติดหนี้สินตามที่นางสาวแอม มีการกล่าวอ้าง
โดยหลังจากนี้จะนำพยานหลักฐานต่างๆ มอบให้กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อเป็นพยานหลักฐานในการเอาผิดกับ นางสาวแอม และแม้ว่าจะมีการเผาศพภรรยาไปแล้วโดยที่ไม่ได้มีการชันสูตรศพ ก็ไม่หนักใจ เพราะเชื่อมั่นว่าตำรวจจะเอาผิดผู้ก่อเหตุได้
ด้านนายระพี ชำนาญเรือ ผู้ประสานงานนำผู้เสียหายเข้ามาร้องทุกข์ในคดีดังกล่าว เปิดเผยว่า ล่าสุดขณะมีผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อชัดเจนรวม 12 คน ซึ่งทาง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บอกว่า จะสามารถเอาผิดผู้ก่อเหตุได้ รวมถึงกรณีที่ผู้เสียหาย เสียชีวิตและมีการเผาศพไปแล้ว ซึ่งจะดำเนินการแสวงหาพยานแวดล้อมและพยานข้างเคียงอื่นๆ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแม้ว่าผู้ก่อเหตุยังให้การปฏิเสธโกหก ในเรื่องต่างๆ แต่ยังมีพยานหลักฐานจากผู้เสียหายมา ยืนยัน เช่น แชทสนทนา ของนางสาวก้อย ผู้เสียชีวิตรายล่าสุด ที่มีการแชทไปปรึกษาหมอดู เมื่อ 13 เมษายน ว่า ผู้ก่อเหตุมีการชักชวนไปทำพิธีเสริมดวงในวันที่ 14 เมษายน โดย นางสาวก้อย มีการสอบถามไปว่า นางสาวแอม น่าเชื่อถือหรือไม่ ไปด้วยได้หรือไม่ เพราะผู้ก่อเหตุขอให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับไม่ให้บอกใคร แต่มาเสียชีวิตเมื่อวันที่ 14 เมษายน แต่นางสาวแอมกลับปฏิเสธ ไปให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนและตำรวจ ในลักษณะว่าถูกนางสาวก้อยชวนให้พาไปดูหมอเสริมดวง นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้พยานคนอื่นที่รู้เห็นเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้ก่อเหตุ เช่น ลูกแชร์ หรือคนที่ทำธุรกิจร่วมกับผู้ก่อเหตุ เช่น ธุรกิจจำนำรถ มาให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ และพร้อมจะเดินหน้าดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุให้ถึงที่สุด.-สำนักข่าวไทย