กทม. 24 เม.ย.- ผู้การฯ ศูนย์สืบนครบาล เร่งล่าผู้ร่วมแก๊งอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ 2 หน่วยงาน ที่ยังหลบหนีหมายจับอีก 3 คน หลังร่วมบุกรีดทรัพย์ 3.1 ล้านบาท จากนักธุรกิจกัมพูชา เชื่อเกลือเป็นหนอน คนในหรือใกล้ชิด ให้ข้อมูล เบื้องต้นยังไม่พบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง
ความคืบหน้าการจับกุมแก๊งคนร้ายแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ กอ.รมน.และตำรวจกองบังคับการปราบปราม ใช้หมายค้นปลอมไปตรวจค้นบ้านนักธุรกิจชาวกัมพูชา ที่อาศัยอยู่กับครอบครัว อ้างว่า กระทำความผิดฐาน “ยักยอก” ก่อนที่กลุ่มคนร้ายจะร่วมกันกรรโชกทรัพย์เป็นเงิน 3,100,000 บาทไป เหตุเกิดเมื่อวันที่ 11 เมษายนที่ผ่านมา โดยคดีดังกล่าวมีการออกหมายจับผู้ก่อเหตุรวม 6 คน จับกุมได้ 3 คน และอยู่ระหว่างการเร่งตามตัวอีก 3 คน
ล่าสุด พลตำรวจตรี ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยความคืบหน้าทางคดี ว่า หลังเกิดเหตุผู้เสียหายชาวกัมพูชา ซึ่งประกอบอาชีพเปิดบริษัทรับแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ อย่างถูกกฎหมาย เข้าแจ้งความที่ สน.หัวหมาก ให้ดำเนินคดีกับกลุ่มคนดังกล่าว ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบพฤติกรรมอุกอาจ มีการใช้หมายปลอมอ้างตัว เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ 2 หน่วย คือ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) และกองปราบปราม รีดทรัพย์ จำนวน 3.1 ล้านบาท หลังเกิดเหตุจับกุมผู้ก่อเหตุได้ 3 คน ส่วนอีก 3 คนอยู่ระหว่างการเร่งติดตามตัวคาดว่าจะจับกุมได้ในเร็วๆ นี้
ทั้งนี้ จากแนวทางการสืบสวน เชื่อว่าเกิดจากปัญหาเกลือเป็นหนอน คนใกล้ชิดหรือรู้จักให้ข้อมูลผู้เสียหายกับกลุ่มคนร้าย ว่า มีการเปิดบริษัทรับแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และมีการเก็บเงินจำนวนมากไว้ที่บ้าน จึงวางแผนร่วมกัน โดยมีนายยะฝาด เป็นหัวหน้า มีภูมิลำเนาในจังหวัดสงขลา วางแผนก่อเหตุกับพวกในกรุงเทพ และจากแผนประทุษกรรม เชื่อว่าก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง แต่ไม่ถูกจับจึงเกิดความย่ามใจ แต่ครั้งนี้ ผู้เสียหายเข้ามาอยู่ในไทยถูกต้อง เปิดบริษัทถูกต้อง จึงเข้ามาแจ้งความ มีหลักฐานวงจรปิดที่จับภาพผู้ก่อเหตุ และมีการแสดงพฤติกรรม อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ กอ.รมน. และกองปราบ อย่างชัดเจน จากการรวบรวมพยานหลักฐานในชั้นนี้ ยังไม่พบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง
พร้อมฝากไปถึงนักธุรกิจต่างชาติที่เข้ามาทำธุรกิจในไทย ช่วงนี้มีข่าวแก๊งคนร้ายบุกอุ้มรีดทรัพย์ เรียกค่าไถ่ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แนะนำไม่ควรเก็บทรัพย์สินจำนวนมากไว้กับตัวหรือเก็บไว้ที่บ้านหรือบริษัท และประเทศไทยเป็นเมืองท่องเที่ยว เมื่อชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยว หรือเข้ามาทำธุรกิจ เวลาจะเดินทางไปที่ไหน ท่องเที่ยวหรือทำธุรกิจยังสถานที่ต่างๆ ควรจะแจ้งญาติพี่น้อง เพื่อน หรือ เจ้าหน้าที่ไว้ เพื่อป้องกันปัญหาแก๊งมิจฉาชีพบุกอุ้มรีดทรัพย์ .-สำนักข่าวไทย