ล่าแก๊งชาวจีน ก่อเหตุอุ้มหญิงร่วมชาติรีดเงินแสน

กทม. 22 เม.ย.- ตามล่าแก๊งอ้วนผอมชาวจีน ก่อเหตุอุ้มหญิงชาติเดียวกันย่านห้วยขวาง ก่อนใช้พาสปอร์ตปลอมหนีออกนอกประเทศ


พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาลแถลงเหตุ แก๊งชาวจีนอุ้มหญิงจีนวัย 25 ปี ก่อนหลบหนีไปนอกประเทศในพื้นที่ห้วยขวาง โดยระบุว่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 17 เม.ย. ต่อเนื่อง 18 เม.ย. บริเวณคอนโดมิเนียมชั้น 35 ย่านพระราม 9 โดยผู้เสียหายถูกแก๊งคนจีนทำร้ายร่างกายและถอดเสื้อผ้ามัดไว้กับเก้าอี้ ก่อนบังคับให้โอนเงิน 427,500 บาท และแยกย้ายกันหลบหนี เบื้องต้นจากการตรวจสอบร่างกาย มีบาดแผลจากการถูกพันธนาการและรอยตบบริเวณใบหน้า แต่ไม่พบร่องรอยการล่วงละเมิดทางเพศ

โดยคนร้ายมี 2 ราย คือ นายตัง ซิ เหว่ย หรือนายจาง จี้ หมิง รูปร่างผอม ที่หลบหนีด้วยการนั่งแท็กซี่ไปยังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ก่อนใช้พาสปอร์ตในชื่อตังซิเหว่ย โดยสารเครื่องบินออกนอกประเทศ ปลายทางคือกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ส่วนคนร้ายอีกราย คือ นายซู เหว่ย รูปร่างค่อนข้างอ้วน หลังก่อเหตุได้ขี่จักรยานยนต์กลับไปบ้านพักย่านสุทธิสาร ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าบ้านหลังดังกล่าวมีชาวจีนพักอาศัยอยู่อีก 7 คน จากการตรวจสอบไม่พบความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นเพียงนักท่องเที่ยวทั่วไป


สำหรับนายตังซิเหว่ย ตรวจสอบพบว่ามีประวัติการเดินทางเข้าออกประเทศไทยตั้งแต่ปี 2016 จำนวน 3 ครั้ง ส่วนนายซูเหว่ย มีประวัติการเดินทางเข้าออกประเทศไทยแล้ว 12 ครั้ง ตั้งแต่ปี 2017 ทุกครั้งเดินทางเข้ามาในฐานะนักท่องเที่ยว

ทั้งนี้ จากการสอบสวนเชื่อว่าคนร้ายทั้งสองรายเป็นเพื่อนกันตั้งแต่ประเทศจีน และมีการวางแผนเข้ามาก่อเหตุในประเทศไทย โดยมีการเช่าห้องตั้งแต่วันที่ 16-19 เมษายน ก่อนสุ่มเลือกเหยื่อที่เป็นหญิงสาวชาวจีน และทำทีตีสนิทเหยื่อตั้งแต่วันที่ 13 เมษายน และชักชวนมาที่ห้องในวันที่ 17 เมษายน ลงมือก่อเหตุ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ในข้อหาร่วมกันชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่ร่างกายและจิตใจ และข่มขืนใจให้ผู้อื่นกระทำการโดยใช้กำลังประทุษร้าย หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น และทำให้ผู้อื่นตกใจกลัวโดยการขู่เข็ญและได้ประสานกองการต่างประเทศสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อติดตามตัวต่อไปแล้ว หลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบที่มาของพาสปอร์ตทั้งสองเล่มของนายตังซิเหว่ย ว่ามาจากประเทศไทยหรือจีนด้วย

ทั้งนี้ พลตำรวจตรีนพศิลป์ ยอมรับว่าในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา มีการก่อเหตุระหว่างชาวจีนเพิ่มมากขึ้นในหลายพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่ากฎหมายไทยมีความเข้มแข็ง เพราะการที่คนต่างชาติเข้ามาก่อเหตุในไทยเนื่องจากไม่พบหมายจับตำรวจสากล จึงทำให้ไม่สามารถตรวจสอบประวัติการก่ออาชญากรรมของชาวจีนที่เดินทางเข้าประเทศไทยได้ อีกทั้งประเทศไทยยังเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม จึงเป็นช่องโหว่ที่คนร้ายใช้เข้ามาการก่อเหตุในประเทศไทย


อย่างไรก็ตาม ทางการไทยได้ประสานกับทางการจีนเพื่อให้มีการกวดขันเข้มงวด เพิ่มมาตรการเฝ้าระวังชาวจีนที่หมายจับในประเทศจีน ก่อนเดินทางออกนอกประเทศด้วย และหากประชาชนพบชาวจีนที่มีลักษณะจะก่อเหตุ ขอให้ติดต่อ 191 เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ โดยสังเกตได้จากพฤติการณ์จากรวมกลุ่มกันเป็นจำนวนมาก มีการกว้านซื้อหรือเช่าอสังหาริมทรัพย์ ส่งเสียงดัง หรือพฤติการณ์ที่ผิดปกติอื่นๆ .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

ล้มล้างการปกครอง

ศาล รธน.มีมติเสียงข้างมากไม่รับคำร้อง “ทักษิณ-พท.” ล้มล้างการปกครอง

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมากไม่รับคำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ขอให้ศาลวินิจฉัยว่า “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ล้มล้างการปกครอง

คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญถกคำร้อง “ทักษิณ-เพื่อไทย” ล้มล้างฯ

จับตา ศาลรัฐธรรมนูญ “รับ/ไม่รับ” คำร้องปม “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองหรือไม่

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน อากาศเย็นในตอนเช้า ภาคใต้ฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ