กรุงเทพฯ 20 เม.ย. – “อุปกิต” เข้ารายงานตัวต่อพนักงานอัยการ พร้อมรายชื่อบริษัท 26 แห่ง ยื่นอัยการตรวจสอบ ยืนยันดำเนินคดีผู้ทำเสียชื่อเสียงให้ถึงที่สุด
นายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) พร้อมด้วย พ.ต.ท.ธนัท แสงอรุณ ทนายความและที่ปรึกษาทางกฎหมาย เข้าพบคณะพนักงานสอบสวนของตำรวจและอัยการ จากนั้น นายอุปกิต กล่าวว่า วันนี้มารายงานตัวกับพนักงานสอบสวน ทั้งฝ่ายตำรวจและอัยการ จากกำหนดวันรายงานตัวเดิม คือ 18 เม.ย.ที่ผ่านมา แต่ติดภารกิจ จึงขอเลื่อนมาเป็นวันนี้
นายอุปกิต ระบุว่า ได้นำข้อมูลมาให้การเพิ่มเติม จากเดิมเคยยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมกับอัยการสูงสุด เป็นรายชื่อบริษัทกว่า 80 แห่ง แต่ตอนนี้พบว่ามีอีก 26 แห่ง รวมเป็น 112 แห่ง มายื่นให้ตรวจสอบเพิ่ม โดยบริษัทเหล่านี้ทำธุรกิจอยู่ที่เมียนมา เช่นเดียวกับบริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ป มีการโอนเงินผ่านเอ็มซี และไม่ทราบว่าเอ็มซีใช้บัญชีใดโอน ซึ่งแตกต่างจากบริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ป ที่เอ็มซีจะโอนไปที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคตามใบเสร็จ ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ แต่บริษัททั้ง 112 แห่งนี้ โอนเงินจากบัญชียาเสพติดตรงเข้าบริษัท ทั้งนี้ เพื่อความเสมอภาค เพื่อความเป็นธรรม เพื่อให้กฎหมายไม่เลือกปฏิบัติ จะต้องไม่ใช่การดำเนินคดีแค่บริษัท อัลลัวร์ ต้องสอบสวนบริษัททั้ง 112 แห่งนี้ด้วย นอกจากนี้ ขอฝากไปถึงผู้อภิปรายที่ทำให้ตนเสียหาย กล่าวพาดพิงว่าตนไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
ส่วนบริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ป (พีแอนด์อี) โอนเงินเข้าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ไม่เกี่ยวกับยาเสพติด และตนก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับบริษัทนี้ นายอุปกิต ยืนยันว่า จะดำเนินคดีกับผู้กล่าวหาตนให้ถึงที่สุด โดยเฉพาะพวกเด็กเลี้ยงแกะ อีกทั้งที่สำนักงานการสอบสวนที่นี่ จากครั้งสุดท้ายได้กล่าวหาตนเพียง 2 ข้อหา แต่ไม่มีเกี่ยวข้องกับยาเสพติดเลย และในวันนี้ ตนเข้ามาให้ปากคำเพิ่มเติม จากนั้นทางอัยการจะนัดหมายเพื่อฟังคำสั่งคดีอีกครั้ง
นายอุปกิต กล่าวอีกว่า ที่ตนได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมกับทางอัยการสูงสุดไปก่อนหน้านี้ เพียงเพื่อต้องการชี้ให้เห็นว่า ผู้ดำเนินธุรกิจในประเทศเมียนมา ช่วงที่ด่านปิดจะต้องโอนเงินผ่านเอ็มซี ดังนั้น ถ้าบริษัทเหล่านี้ทั้ง 112 แห่งไม่ผิด บริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ป ก็ไม่ควรผิด ต้องไม่เลือกปฏิบัติ บริษัท อัลลัวร์ จะถูกดำเนินคดีอยู่บริษัทเดียวไม่ถูกต้อง เพราะบริษัทอื่นๆ ตนไม่เห็นมีการออกหมายเรียก ไม่ถูกตรวจสอบ
ส่วนการยื่นรายชื่อบริษัททั้ง 112 แห่ง เป็นการประวิงเวลาคดีหรือไม่ นายอุปกิต ชี้แจงว่า ตนไม่ต้องการประวิงเวลา เพราะไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร พนักงานสอบสวนจะต้องรวบรวมความผิดและความบริสุทธิ์ ซึ่งการยื่นรายชื่อบริษัทเหล่านี้เป็นสิทธิของตน ซึ่งบริษัททั้งหมดนี้ ล้วนเป็นบริษัทใหญ่ ค้าปลีก วัสดุก่อสร้าง เครื่องดื่ม เหล็ก ล้วนโอนเงินจากบัญชียาเสพติดทั้งสิ้น ทั้งนี้ ไม่หวั่นกับการยื่นรายชื่อบริษัท เพราะเป็นรายชื่อที่ไปคัดเอกสารมาจากศาล คัดมาอย่างถูกต้อง ซึ่งเป็นสิทธิของตน
ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.มานะพงษ์ วงศ์พิวัฒน์ สว.สส.สน.พญาไท มีการเซ็นรับทราบทุกหน้า และยังมีการแปลผิด โดยตั้งใจที่จะทำให้ตนเสียหาย จนศาลออกหมายจับได้ในคราวนั้น ซึ่งจริงๆ แล้วต้องขอออกหมายเรียกก่อน และตามกระบวนการก็ผิดมาตลอด เพราะผู้บังคับบัญชาไม่รับทราบ และทางศาลก็ไม่ได้แจ้งผู้พิพากษาว่าผู้ถูกออกหมายจับเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งการที่มีกฎระเบียบเหล่านี้ ก็เพื่อไม่ให้เป็นการกลั่นแกล้ง ทั้งนี้ ยืนยันอีกครั้งว่าจะฟ้องผู้ปรักปรำตนเรื่องยาเสพติดเพิ่มอีกแน่นอน
ทั้งนี้ ทางคณะทำงานสอบสวน และพนักงานอัยการ จะมีการนัดให้นายอุปกิต ต้องเข้ามารายงานตัวอีกครั้งในวันที่ 18 พฤษภาคม 2566 เวลา 10.00 น. ก่อนจะมีการกำหนดวันนัดฟังคำสั่งทางคดีต่อไป.-สำนักข่าวไทย