‘ชูวิทย์’ ฟ้อง ‘ทนายตั้ม’ หมิ่น ปมถุงเงิน 6 ล้าน

กทม. 7 เม.ย.-‘ชูวิทย์’ ควงทนายอนันตชัย ฟ้อง ‘ทนายตั้ม’ หมิ่นประมาท ตั้งโต๊ะแถลงข่าวใส่ร้าย ‘ชูวิทย์’ รับเงินจากบ่อนเว็บพนันออนไลน์ จำนวน 10 ล้านบาท ไม่ใช่ 6 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าปิดปากหยุดแฉบ่อนเว็บพนันออนไลน์ พร้อมเรียกค่าเสียหาย 100 ล้านบาท

นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง และนักธุรกิจกลางคืน พร้อมนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ ได้เดินทางมาที่ศาลอาญา รัชดาภิเษก เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (7 เม.ย.) เพื่อยื่นฟ้องนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั๊ม ในข้อหา “หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา” พร้อมทั้งเรียกค่าเสียหาย 100 ล้านบาท จากกรณีที่ทนายตั้ม ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ว่า ชูวิทย์ได้รับเงินจากบ่อนเว็บพนันออนไลน์ จำนวน 10 ล้านบาท ไม่ใช่ 6 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าปิดปากหยุดแฉบ่อนเว็บพนันออนไลน์ แล้วนำเอาเงินจำนวนนั้นไปทำบุญ รวมถึงกล่าวหาว่าลูกชายของนายชูวิทย์ ได้รับเงินสกุลดิจิทัลจากบ่อนเว็บพนันออนไลน์ จำนวน 50 ล้านบาท และกล่าวหาว่านายชูวิทย์ เรียกรับเงินจากสารวัตรซัว และบ่อนเว็บพนันออนไลน์


ก่อนขึ้นศาลนายอนันต์ชัย กล่าวว่า เมื่อวันที่ 23-27 มีนาคม ที่ผ่านมา ทนายตั้ม ได้แถลงข่าวต่อผู้สื่อข่าวหลายสำนัก เพื่อนำคำสัมภาษณ์ดังกล่าวไปเผยแพร่ให้ประชาชนทราบ ต่อมาในห้วงวันที่ 24-27 มีนาคม ทนายตั้ม ก็ได้แถลงข่าวกล่าวหาว่านายชูวิทย์ เป็นโจรโรบินฮู้ด หมายถึง เป็นโจรปล้นเงินคนรวยมาให้คนจน โดยการเรียกรับเงินจากบ่อนเว็บพนันออนไลน์ดังกล่าวแล้วแสร้งเอาเงินที่ได้มาทำบุญบริจาค และกล่าวหาว่า ลูกชายของนายชูวิทย์พานายแทนไทมาที่โรงแรมเดอะเดวิส ในวันตรุษจีน แล้วนายชูวิทย์ เรียกรับเงินจากนายแทนไท เพื่อไม่ให้เปิดเผยเรื่องบ่อนเว็บพนันออนไลน์ของนายแทนไท ซึ่งเป็นความเท็จ

ความจริงก็คือ นายชูวิทย์ ได้รับเงินจากอดีตนายตำรวจท่านหนึ่ง จำนวน 6 ล้านบาท ไม่ใช่ 10 ล้านบาท เพื่อมอบให้นายชูวิทย์ นำไปทำบุญ หรือบริจาค ส่วนลูกชายของนายชูวิทย์ ก็ไม่เคยได้รับเงินดิจิตอล จำนวน 50 ล้านบาท และนายชูวิทย์ ก็ไม่เคยเรียกเงินจากบ่อนเว็บพนันออนไลน์ หรืออาบอบนวด และไม่เคยนำเงินจากเว็บพนันออนไลน์ไปทำบุญ ซึ่งเงินทำบุญเป็นเงินจากกิจการของนายชูวิทย์ เอง และนายชูวิทย์ ก็ไม่ใช่โรบินฮู้ด หรือโจรที่เรียกรับเงินจากเว็บพนันออนไลน์แล้วนำเงินไปทำบุญด้วย


การกระทำของทนายตั้ม ทำให้นายชูวิทย์ เสียชื่อเสียง ซึ่งขัดต่อความเป็นจริง จึงขอเรียกค่าเสียหาย 100 ล้านบาท ฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และให้ลงโฆษณาคำพิพากษา คำขอโทษต่อสื่อมวลชน โดยให้ทนายตั้ม เป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายเอง เป็นเวลา 7 วัน ผ่านสื่อรวม 45 สื่อ นอกจากนี้ การ กระทำของทนายตั้ม ยังเป็นการกระทำผิดมรรยาททนายความอีกด้วย โดย ในวันจันทร์ที่ 10 เมษายนนี้ นายชูวิทย์ก็จะเดินทางไปยื่นที่สภาทนายความเพื่อขอให้ลบชื่อทนายตั้มออกจากสารบบทนายความด้วย

ทนายอนันตชัย ยังกล่าวถึงเหตุผลที่ทำไมถึงต้องเรียกถึง 100 ล้านบาท เพราะว่าทนายตั้มเป็นคนมีฐานะใส่เครื่องประดับสินค้าแบรนด์เนมเต็มตัว อยากฝากเตือนไปยังทนายตั้มว่า ถ้าจะโพสต์อะไร อย่าทำเหมือนลักษณะโยนหินถามทาง เพราะจะทำให้วิชาชีพจรรยาบรรณทนายความเสื่อมเสีย ขอให้มาสู้กันในศาล อย่าสู้กันในโซเชียล ถือว่าเตือนกันในฐานะพี่น้อง ทนายความ

ส่วนประเด็นเรื่องเงิน6ล้าน ทนายอนันตชัย บอกว่า ตนเองเป็นคนช่วยนายชูวิทย์วางแผนเรื่องเงิน 6 ล้านบาท ซึ่งนายชูวิทย์ได้มาให้คำปรึกษาและตนเองก็ช่วยวางแผนไป


ทนายอนันตชัย ยังกล่าวถึงกรณีที่นายชูวิทย์ ถูกโจมตีเรื่องสวนชูวิทย์ว่า คุณสนธิลิ้มทองกุล ควรหยุดพฤติกรรม หรือพูดอะไรที่ไม่เป็นความจริง ส่วนกรณีที่นายชูวิทย์เคยให้สัมภาษณ์เรื่องเงิน 6 ล้านบาท ที่ไม่ตรงกับการให้การกับตำรวจ ทนายอนันตชัยบอกว่า ถ้าเคยดูสามก๊กก็จะเข้าใจ และสิ่งที่นายชูวิทย์ให้การกับตำรวจกับสัมภาษณ์สื่อ ถือว่าไม่คลาดเคลื่อน แต่ขอให้ดูที่พยานหลักฐานและไปสู้กันในศาลจะดีกว่า

นายชูวิทย์ บอกว่า ทนายตั้มไม่มีความจริงใจใช้สื่อไปเครื่องมือและหาลูกความโดยวิธีการแปลกๆ ทนายอนันตชัยถือเป็นทนายความที่ดีมีคุณธรรม แต่สิ่งนี้สอนกันไม่ได้ทนายตั้มควรต้องเรียนรู้ ซึ่งวิชาชีพทนายความต้องใช้จรรยาบรรณจริยธรรมเป็นอย่างสูง ยืนยันว่า จะไม่ยกโทษหรืออโหสิกรรมให้ทนายตั้ม ถ้าได้เงินจากการฟ้องร้องทนายตั้มก็จะเอาเงินไปทำบุญ ให้โรงพยาบาลหรือสถานที่ต่างๆ

ส่วนเรื่องกรณีสวนชูวิทย์นั้น นายชูวิทย์บอกว่า อยากฝากไปถึงคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ว่าคุณสนธิ อาจมีอำนาจบารมี แต่ตนเองมีเจตนาดีสร้างเพื่อชุมชน​ มีรั้วรอบขอบชิด เปิดปิดตามเวลา เสียภาษีทุกปี จะมายึดของๆตนได้เหรอ จากนี้จะปล่อยให้นายสนธิพูดไป อยากพูดไป และตนจะแถลงข่าวทีเดียว และอยากถามกลับไปว่าตนเองทำสวนมา 20 ปี ทำไมนายสนธิ ถึงไม่ออกมาพูดบ้าง

ทนายอนันตชัย ยังกล่าวถึงกรณีที่นายชูวิทย์ จะไปขอเพิกถอนคุ้มครองชั่วคราว ไม่ให้นายชูวิทย์ พูดเรื่องกัญชา ว่า คุณชูวิทย์ พูดเรื่องกัญชาได้ แต่ไม่ต้องเอ่ยชื่อคู่กรณี ยืนยันไม่ใช่ศรีธนญชัย แต่ทำเพื่อประโยชน์สาธารณะ ยืนยัน “ชูวิทย์” ไม่ฟ้องกลับ เพราะเป็นการวิพากษ์วิจารณ์นโยบายสาธารณะต่อพรรคการเมือง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สิ้นพระเอกดัง “ไพโรจน์ สังวริบุตร” จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี

3 มิ.ย.- วงการบันเทิงเศร้า… สิ้นพระเอกดัง “เอ๋” ไพโรจน์ สังวริบุตร นักแสดง-ผู้กำกับในตำนาน จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี แฟนคลับร่วมแสดงความอาลัย ข่าวเศร้าช็อกวงการบันเทิง เอ๋-ไพโรจน์ สังวริบุตร เสียชีวิตอย่างสงบ เมื่อเวลา 03.00 น. (3 มิ.ย.68) ที่จังหวัดนครราชสีมา สิริอายุได้ 72 ปี กำหนดสวดพระอภิธรรม ณ วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร สำหรับพิธีรดน้ำศพ จะมีขึ้นในวันที่ 4 มิถุนายน 2568 โดยข้อมูลจากเพจดาราภาพยนตร์ เผยการจากไปของพระเอกรุ่นใหญ่ สร้างความโศกเศร้าให้กับวงการบันเทิงไทยอย่างมาก หากเอ่ยถึงชื่อ “ไพโรจน์ สังวริบุตร” คนไทยหลายรุ่นคงต้องนึกถึงชายหนุ่มร่างโปร่ง ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม และแววตาทะเล้นที่ปรากฏอยู่บนจอเงินในบท “ตั้ม” จากภาพยนตร์ วัยอลวน อันโด่งดังในยุค 2510–2520 เขาคือพระเอกผู้ก้าวข้ามกาลเวลา จากภาพลักษณ์ของวัยรุ่นสุดแนวในวันนั้น สู่ผู้กำกับภาพยนตร์มากฝีมือในวันนี้ และยังคงยืนหยัดเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์วงการภาพยนตร์ไทย “ไพโรจน์ สังวริบุตร” เกิดเมื่อวันที่ 18 […]

Thai drone illegally enters Cambodian airspace, intercepted by Cambodian troops

กัมพูชาอ้างสกัดโดรนที่ส่งจากฝั่งไทย

พนมเปญ 3 มิ.ย.- สื่อกัมพูชารายงานว่า ทหารกัมพูชาสกัดอากาศยานไร้คนขับหรือโดรนที่อ้างว่าส่งจากฝั่งไทยเข้าไปสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์รายงานวันนี้ว่า กองทัพไทยยังคงละเมิดดินแดนของกัมพูชา โดยล่าสุดได้ส่งโดรนไปบินเหนือพื้นที่แนวหน้าโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา และถูกกำลังพลกัมพูชาสกัดไว้ได้ แขมร์ไทมส์อ้างรายงานจากชายแดนว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 2 มิถุนายน ทหารกัมพูชาที่ประจำการอยู่บริเวณแนวหน้าในจังหวัดพระวิหารสามารถสกัดโดรนลำหนึ่งที่เข้ามาในน่านฟ้ากัมพูชาเพื่อวัตถุประสงค์ในการสอดแนม ผลการประเมินเบื้องต้นชี้ว่า โดรนลำนี้ถูกส่งโดยกองทัพไทย เพื่อเก็บข้อมูลข่าวกรองเรื่องการประจำการและการเคลื่อนย้ายกำลังพลของกองทัพกัมพูชา.-814.-สำนักข่าวไทย

ล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้ากลางเมืองขอนแก่น ถอยหนีชนดะ

ขอนแก่น 3 มิ.ย. – ระทึก ผู้ต้องหาถอยรถหนี ชนจยย.สายตำรวจ ขณะล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้ากลางเมืองขอนแก่น ก่อนจนมุมรถไถลข้ามเลนพลิกตะแคง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพรถยนต์สีขาวจอดคุยกับชายคนหนึ่งที่ยืนริมถนนกสิกรทุ่งสร้าง หน้าตลาดจอมพล เขตเทศบาลนครขอนแก่น ทันใดนั้น รถคันดังกล่าวก็ถอยหลังอย่างรวดเร็ว พุ่งชนรถจักรยานยนต์ที่ขี่อยู่ด้านหลังล้ม 2 คัน และพยายามเร่งเครื่องหลบหนีจนไปชนกับรถคันอื่นอย่างแรง แล้วไถลข้ามเลนพลิกตะแคงอยู่ข้างทาง เมื่อเวลา 22.45 น. วานนี้ (2 มิ.ย.) คนขับปีนออกจากหน้าต่าง มีท่าทีขัดขืน แต่สุดท้ายก็ยอมออกมาจากรถ หลังจากนั้นตำรวจพาเดินข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม และมีชายอีกคนออกมาจากหน้าเป็นรายที่สอง ตำรวจจึงควบคุมตัวที่ข้างทาง ต่อมา รถกู้ชีพมาถึงที่เกิดเหตุและทำการปฐมพยาบาลทั้งชายสองคนและสายลับที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว เป็นเหตุขณะล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้า ภายในรถมีบุหรี่ไฟฟ้าวางอยู่ ก่อนจะคุมตัวขึ้นรถกระบะไป สภ.เมืองขอนแก่น พ.ต.อ.พรศักดิ์ งานดี ผู้กำกับการตำรวจสืบสวนจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า นายอนุพงษ์ อายุ 35 ปี เป็นคนขายบุหรี่ไฟฟ้า ส่วนนายณัฐพล อายุ 37 ปี เป็นคนขับรถยนต์คันที่เกิดเหตุ มีพฤติกรรมลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า ผ่านเฟซบุ๊กให้กับลูกค้าทั่วไปที่สั่งซื้อ จึงวางแผนล่อซื้อ […]

ทรงพระเจริญ

ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี ร่วมแปรอักษร แสดงพลังความจงรักภักดี

สงขลา 2 มิ.ย. – จังหวัดสงขลา จัดกิจกรรม “ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี” ประชาชนกว่า 5,000 คน ร่วมแปรอักษร “ทรงพระเจริญ คนสงขลารักพระราชินีฯ” แสดงพลังความจงรักภักดีอย่างยิ่งใหญ่ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2568 วันนี้ 2 มิถุนายน 2568 เวลา 16.30 น. ที่สนามกีฬาติณสูลานนท์ อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมด้วยนางปวีณ์ริศา เกิดสม ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดสงขลา นำคณะรองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ นักเรียน นักศึกษา และประชาชนชาวสงขลากว่า 5,000 คน ร่วมกิจกรรม “ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี” เพื่อแสดงความจงรักภักดีและเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ย้ำรัฐบาลยึดหลักอธิปไตย-ประโยชน์สูงสุดของประเทศ

กรุงเทพฯ 4 มิ.ย. – นายกฯ ย้ำรัฐบาลไม่นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยืนยันหลักอธิปไตยและประโยชน์สูงสุดของประเทศ วันนี้ (4 มิ.ย.68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์เรื่องสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา รัฐบาลยืนยันหลักอธิปไตยและประโยชน์สูงสุดของประเทศ “ดิฉันขอย้ำอีกครั้งว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และได้บูรณาการการทำงานอย่างใกล้ชิดระหว่างกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานความมั่นคง เพื่อประเมินสถานการณ์อย่างรอบด้าน” นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า เรารวบรวมข้อมูลจากทั้งเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ภาพแผนที่จากเทคโนโลยีและการวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ ตลอดจนพิจารณาอย่างเคร่งครัดภายใต้หลักกฎหมายระหว่างประเทศ โดยมีเป้าหมายคือการปกป้องอธิปไตยของชาติและผลประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ หากมีความคืบหน้า รัฐบาลจะมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดเป็นระยะ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและรอบด้านต่อไป.-314-สำนักข่าวไทย

ม็อบรถบัส 2 ชั้น ขู่บุกกรุง ค้านคำสั่งห้ามใช้เส้นทางเขาพับผ้า

ตรัง 4 มิ.ย. – ม็อบรถบัส 2 ชั้น ชุมนุมคัดค้านคำสั่งห้ามใช้เส้นทางเขาพับผ้า อ้างไม่ชอบ กม.-เส้นทางไม่เข้าหลักเกณฑ์กำหนด ขู่เคลื่อนขบวนพันคันบุกกรุง หากไม่ได้รับแก้ไข บริเวณอันดามันเกตเวย์ บนเส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 เขาพับผ้า เครือข่ายผู้ประกอบการรถบัส 2 ชั้น ในนามสมาคมรถโดยสารสองชั้นไทย กว่า 100 คัน พร้อมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว ราว 200 คน ชุมนุมคัดค้านคำสั่ง กรมการขนส่งทางบกที่ห้ามรถบัส 2 ชั้นใช้เส้นทาง 7 แห่งทั่วประเทศ การชุมนุมครั้งนี้ เป็นการรวมตัวของผู้ประกอบการจากทั้งภาคใต้ ภาคกลาง และภาคตะวันออก เพื่อประท้วงคำสั่งที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย.68 สำหรับรถทัวร์ และวันที่ 1 มิ.ย.68 สำหรับรถประจำทาง โดยชูป้ายข้อความต่างๆ รวมถึงการเรียกร้องให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมและอธิบดีกรมการขนส่งทางบกลาออกจากตำแหน่ง นายสุริยะ แกล้วทนงค์ นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารสองชั้นไทย เปิดเผยว่า การสำรวจเส้นทางเขาพับผ้า พบว่าไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่ต้องประกาศห้าม เนื่องจากมีความลาดชัน 8% […]

หัวโจกปล้นบุหรี่ไฟฟ้า กลับลำ ยันไม่มีคนในชี้เป้า

กทม. 4 มิ.ย. – คุมตัว “แบงค์” หัวโจกปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลางกรมศุลฯ ทำแผน เจ้าตัวกลับลำอ้างลงมือครั้งแรก ไม่มีใครชี้เป้า ปัดเจตนาชน รปภ.ดับ กลางดึกที่ผ่านมาตำรวจ สน.ท่าเรือ พร้อมชุดปฏิบัติการพิเศษ กว่า 20 นาย ควบคุม 5 ผู้ต้องหาแก๊งปล้นบุหรี่ไฟฟ้า ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ บริเวณ ตู้คอนเทนเนอร์ ในโกดังสเตเตียม ถนนท่าเรือ 1 เขตคลองเตย จากนั้นในช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 คนไปฝากขังผัดแรกที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ส่วนนายแบงค์ หัวโจก พนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพอย่างเงียบๆ เพราะเกรงว่านายแบงค์จะถูกญาติ รภป. ผู้เสียชีวิต รุมประชาทัณฑ์ ภายหลังจากทำแผนประกอบคำรับสารภาพเสร็จสิ้นแล้ว พนักงานสอบสวนได้คุมตัวนายแบงค์กลับมา คุมขังที่ สน.ท่าเรือ เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม ผู้สื่อข่าวได้พยายามซักถามว่านายแบงค์ก่อเหตุมาแล้วกี่ครั้ง นายแบงค์ อ้างว่าก่อเหตุขโมยบุหรี่ไฟฟ้ามาเพียงครั้งเดียว ส่วนนำไปขายใครนั้น นายแบงค์ไม่ตอบ และยืนยันว่าการก่อเหตุนี้ ไม่มีคนในมาชี้เป้า เพราะบริเวณนั้นใครก็รู้ว่าเป็นพื้นที่เก็บสินค้าที่ต้องการทำลาย พร้อมยกมือไหว้ขอโทษครอบครัว รปภ.ที่เสียชีวิต และยอมรับว่าตนเองไม่ได้ตั้งใจถอยรถชน […]

“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่ชายแดนติดตามสถานการณ์ไทย-กัมพูชา

อุบลราชธานี 4 มิ.ย. – “ภูมิธรรม” ลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ย้ำกองทัพไม่ขัดแย้งรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ลงพื้นที่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เพื่อติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเกิดกรณีการปะทะกันที่ช่องบก โดยระบุว่า การมาครั้งนี้ตั้งใจมาให้กำลังใจกำลังพลที่อยู่แนวหน้า ซึ่งกำลังเตรียมความพร้อมในการดูแลและป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้น รวมถึงดูพื้นที่จริง ซึ่งเบื้องต้นพบว่า ข่าวทหารกัมพูชาวางกับระเบิดเป็นของเก่า เวลานี้เรากำลังใช้ทางออกที่โลกอยากเห็น และเรายังไม่ได้เสียอธิปไตยตรงไหนไป สิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละจุด เราอยากให้มันค่อยๆ คลายไป เรากำลังใช้มาตรการทางการทูตเชิงรุก เริ่มต้นจากเล็กไปหาใหญ่ และมาตรการต่างๆ ที่จะมีเพิ่มขึ้น เราตกลงกันแล้วว่า จะคุยด้วยกันตลอด ไม่ได้มีปัญหาอะไร มันไม่ได้ถึงขั้นนั้น เพราะยังไม่มีอะไร เราคำนึงถึงชีวิตของพี่น้องประชาชนตามแนวชายแดน เราจะใช้กระบวนการสันติวิธีให้ถึงที่สุด ถ้ามีอะไรเกินเลย ฝ่ายที่อยู่แนวหน้าจะต้องแจ้งเรา ซึ่งจะดำเนินการโดยทันทีทันใด ยืนยันกองทัพกับฝ่ายการเมืองไม่มีปัญหากัน .-สำนักข่าวไทย