เร่งขยายผล “ม.ร.ว.-พวก” จ้างกัมพูชาถอนเงิน 176 ล้าน

5 เม.ย. – ตำรวจเตรียมดำเนินคดีนายทะเบียนเขตบางรัก และออกหมายจับเพิ่ม 2 คน คดีหม่อมราชวงศ์กับพวก ปั้นตัวละครเท็จแจ้งขอเบิก-ถอนเงินต้องสงสัย 176 ล้านบาท จากธนาคารในไทย


หม่อมราชวงศ์คนหนึ่ง และผู้ต้องหารวม 4 คน เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อหาตามหมายจับศาล ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงและร่วมกันลักทรัพย์ จากการจ้างชาวกัมพูชาถอนเงินต้องสงสัย 176 ล้านบาท จากธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทย

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องหาให้การรับสารภาพและให้ข้อมูลทั้งหมดว่าเงิน 176 ล้านบาท ที่ต้องการถอนจากธนาคารเป็นเงินของชาวจีนคนหนึ่ง คาดว่าเสียชีวิตไปแล้ว และกำลังขยายผลว่าเป็นเงินจากการค้ายาเสพติดหรือไม่ โดยกลุ่มผู้ต้องหาได้ว่าจ้างชาวกัมพูชาให้ปลอมตัวเป็นคนจีนเจ้าของเงิน ไปยื่นขอเบิกเงินกับธนาคารหลายครั้ง แต่ไม่ผ่านการอนุมัติ เนื่องจากมีข้อมูลหลายอย่างดูไม่น่าเชื่อถือ โดยเฉพาะใบหน้าของชาวกัมพูชาที่จ้างมาไม่ตรงกับเจ้าของบัญชี หรือไม่ตรงปก กลุ่มผู้ต้องหาพยายามอ้างว่ามีการไปทำศัลยกรรมใบหน้ามา แต่ทางธนาคารยังไม่เชื่อ โดยต้องการเอกสารประกอบการเบิกถอนเงินเพิ่มเติม


ทั้งนี้ ได้ขยายผลตรวจพื้นที่เป้าหมายย่านถนนสีลม เขตบางรัก พบว่าชาวกัมพูชาที่ถูกว่าจ้างให้ไปถอนเงินใช้พาสปอร์ตปลอมและมีตราประทับ โดยพบบัตรต่างด้าวสีชมพูที่ออกโดยนายทะเบียนเขตบางรัก จึงเชื่อว่าเรื่องนี้น่าจะมีการทุจริตของเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อย่างไรก็ตาม สั่งการให้เร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอศาลออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องเพิ่มอีก 2 คน รวมทั้งเร่งรัดดำเนินคดีกับนายทะเบียนเขตบางรักที่พบหลักฐานเกี่ยวข้องเชื่อมโยงด้วย

พบต่างด้าวซุกตึกสีลม คาดใช้พักแม่อุ้มบุญคนไทย
จากการไล่ข้อมูลปรากฏว่ายังพบความเชื่อมโยงกับขบวนการอุ้มบุญชาวจีน เนื่องจากจุดที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นในพื้นที่เขตบางรัก ลักษณะเป็นอาคาร 5 ชั้น ภายในพบบุคคลสัญชาติเมียนมา 3 ราย สัญชาติจีนและไต้หวันจำนวน 4 ราย ภายในแบ่งซอยย่อยเป็นห้องจำนวนมาก พบเตียงและยาบำรุง คาดว่าเป็นสถานที่ที่เตรียมไว้สำหรับหญิงไทยที่จะทำหน้าที่อุ้มบุญให้กับลูกค้าชาวจีน โดยจะพักอาศัยอยู่ในช่วงตั้งท้องจนคลอดบุตร เบื้องต้นได้ดำเนินคดีกับบุคคลต่างด้าวทั้ง 7 ราย ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ และจับกุมผู้ดูแลชาวไทย 1 ราย ในความผิดเกี่ยวกับการให้ที่พักพิงบุคคลต่างด้าวฯ

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า สถานที่ดังกล่าวที่เจ้าหน้าที่สืบสวนได้เข้าตรวจค้น สืบเนื่องมาจากการขยายผลกรณีชาวจีนที่ถูกอุ้มเรียกค่าไถ่ในพื้นที่ สภ.หนองปรือ จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา สามารถออกหมายจับชาวจีนที่ก่อเหตุ 4 ราย และประสานทางการจีนเพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหาที่ก่อเหตุดังกล่าว


โดยสืบทราบว่าอาคารดังกล่าวมีลักษณะเป็นสถานที่ที่มีไว้เพื่อเป็นที่พักสำหรับหญิงชาวไทยที่จะมาทำหน้าที่อุ้มบุญให้กับชาวจีน จากนี้ได้สั่งการให้ขยายผลจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องกับการอำนวยความสะดวกและจัดให้มีการอุ้มบุญให้ครบทั้งขบวนการ เพื่อนำมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเด็ดขาด พร้อมระบุอีกว่าหากปล่อยให้ขบวนการอุ้มบุญชาวจีนขยายตัวเชื่อว่าระยะยาวจะกลืนชาติไทย เพราะเด็กที่เกิดจากแม่อุ้มบุญชาวไทยจะได้สัญชาติไทย และได้สิทธิอยู่ในประเทศไทย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Taiwanese actress Barbie Hsu, who died of influenza at 48 sepia

“ซันไช่” นางเอกจาก F4 ซีรีส์ดังไต้หวันเสียชีวิตแล้ว

ไทเป 3 ก.พ.- ต้าเอส หรือที่ผู้ชมรู้จักในบทบาท “ซันไช่” นางเอกจากเรื่องรักใสใส หัวใจสี่ดวง (Meteor Garden) ซีรีส์ดังของไต้หวันในช่วงปี 2544 เสียชีวิตในวัย 48 ปี เพราะอาการแทรกซ้อนจากไข้หวัดใหญ่ ต้าเอสหรือบาร์บี สวี มีชื่อจริงว่า สวี ซีหยวน เป็นที่รู้จักไปทั่วเอเชียจากซีรีส์ดังที่คนมักเรียกกันสั้น ๆ เอฟ 4 (F4) มีข่าวลือแพร่สะพัดในโลกออนไลน์เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ว่า เธอเสียชีวิตแล้ว และยิ่งเป็นกระแสหนักขึ้นไปอีกเมื่อนายหวัง เสี่ยวเฟย อดีตสามีที่เป็นนักธุรกิจได้เปลี่ยนรูปโพรไฟล์ในสื่อสังคมออนไลน์เป็นสีดำ และในเช้าวันนี้น้องสาวของเธอ สวี ซีตี้ ที่รู้จักในวงการบันเทิงว่า เสี่ยวเอส ยืนยันด้วยการส่งถ้อยแถลงถึงสถานีโทรทัศน์ทีวีบีเอส นิวส์ (TVBS News) ว่าพี่สาวของเธอถึงแก่กรรมเพราะปอดอักเสบที่เป็นอาการแทรกซ้อนจากไข้หวัดใหญ่ ต้าเอสเกิดเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2519 เริ่มเข้าวงการในฐานะศิลปินคู่กับเสี่ยวเอสในชื่อวง เอสโอเอส  “S.O.S” เมื่อปี 2537 เธอมีลูก 2 คนกับอดีตสามี […]

“เต้ มงคลกิตติ์” หอบกล้องวงจรปิด 34 จุดคดี “แตงโม” มอบดีเอสไอ

นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เข้าพบ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนข้อเท็จจริงคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม เพื่อมอบหลักฐานและให้ข้อมูลดีเอสไอ หลังรับเป็นเลขสืบสวนที่ 20/2568

“อนุทิน” ยังไม่รู้ ปม “โจ้มหาเฮง” แจ้งความเอาผิดคุณนายผู้ว่าฯ เบี้ยวค่าสลาก

“อนุทิน” บอกยังไม่รู้ ปม “โจ้มหาเฮง” แจ้งความเอาผิดคุณนายผู้ว่าฯ เบี้ยวเงินค่าสลาก ชี้หากจริง ผู้ว่าฯ เหนื่อยแน่

ข่าวแนะนำ

ตัดไฟแก๊งคอลเซ็นเตอร์

PEA ตัดไฟแก๊งคอลเซ็นเตอร์บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา 5 จุด

เริ่มแล้ว การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) รับนโยบาย สมช.สั่งตัดไฟฟ้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในฝั่งเมียนมา 5 จุด เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้

สมช.เคาะพรุ่งนี้ 9 โมง! ตัดไฟฟ้า-อินเทอร์เน็ต-น้ำมัน 5 จุด

สมช.เคาะตัดไฟฟ้า-อินเทอร์เน็ต-น้ำมัน 5 จุดในเมียนมา โยงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พรุ่งนี้ 09.00 น. เชื่อ เข้าใจหลังมีการหารือแจ้งให้เตรียมความพร้อมแล้ว ย้ำ ไม่แทรกแซงเรื่องภายใน

ผบช.ภ.2 สั่งย้าย ผกก.สภ.องครักษ์ เซ่นปม จนท.บุกทลายบ่อน

รมว.มหาดไทย ชื่นชมชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง บุกทลายบ่อนนครนายก ขณะที่ ผบช.ภ.2 สั่งย้ายผู้กำกับการ สภ.องครักษ์ เซ่นปมบ่อน พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง ใครบกพร่อง-รับผลประโยชน์ ยืนยันเอาผิดไม่มีละเว้น