“ทนายตั้ม” ไม่หวั่นถูกฟ้อง-ท้าสาบานหากรับเงินมาแฉ ขอให้มีอันเป็นไป

กรุงเทพฯ 27 มี.ค.- “ทนายตั้ม” อ้าง 2 อดีตตำรวจและนายบ่อนถือเงินไปมอบให้ “ชูวิทย์” แนะนำเงินไปคืนคนให้ หากไม่มีใครกล้ารับ ส่วนตัวเองท้าสาบาน หากรับเงินใครมาแฉ ขอให้มีอันเป็นไป ไม่หวั่นถูกฟ้องคดีละ 100 ล้านบาท


นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม แถลงปมนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง รับเงินจากเว็บพนันออนไลน์เพิ่มเติมว่า นายชูวิทย์ มีความสนิทสนมกับอดีตตำรวจ 2 นายที่เกษียณราชการไปแล้ว มีนายหนึ่งเคยเป็นผู้บังคับการภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช ส่วนอีกนายเคยดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ซึ่งตัวเองก็รู้จักกันดี และยังมีความสนิทสนมกับสารวัตรซัว ชนิดที่ไปไหนมาไหนกันได้ โดยอดีตตำรวจนายนี้เองเป็นผู้นำเงินสารวัตรซัวมามอบให้นายชูวิทย์ เพื่อปิดปากการแฉเรื่องลาลิซ่าอาบอบนวดด้วยตัวเอง ซึ่งในวันนั้น นอกจากตำรวจสองนาย ยังมีเจ้าของบ่อนการพนันย่านพระราม 3 ที่มีตำรวจถูกยิงเสียชีวิตเมื่อ 2 ปีก่อน เป็นผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วย โดยเรื่องนี้ น่าเชื่อได้ว่าอดีตตำรวจทั้งสองนายนี้ได้รับอนุญาตจากสารวัตรให้นำเงินมามอบกับนายชูวิทย์ โดยรูปถุงเงินดังกล่าวนั้นเป็นการส่งงานให้เจ้าของเงินอีกครั้ง โดยผู้นำมาให้ต้องการแสดงให้เห็นว่าเงินถึงมือแล้ว

นายษิทรา ระบุส่วนตัวยังมองว่า หากนำเรื่องดังกล่าวไปร้องเรียนกับหน่วยงานที่เคยเป็นต้นสังกัดของอดีตตำรวจทั้งสองนาย การตรวจสอบก็คงไม่เกิดขึ้น แต่ขณะนี้กำลังเตรียมทำเรื่องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบในวันพรุ่งนี้ ยืนยันว่าเจตนาที่ออกมาแฉนั้น เพราะต้องการทำให้รองเลขาฯ ปปง.ออกจากราชการให้ได้ และจะให้ตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ตรวจสอบเส้นทางการเงินสกุลดิจิทัลกว่า 50 ล้านบาท ที่โอนเข้าไปให้ลูกชายนายชูวิทย์ ซึ่งตัวเองพร้อมไปให้ข้อมูลด้วยตัวเอง


พร้อมยืนยันว่าตนเองไม่รู้จักหรือเกี่ยวข้องกับสารวัตรซัว ก่อนจะโพสต์ภาพทำบุญและสาปแช่งผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะตัวเองไม่ยุ่งกับคนเหล่านี้ พร้อมสาบานหากตนรับเงินจากฝ่ายใดก็ตามมาโจมตีนายชูวิทย์ ขอให้ตัวเองล่มสลายและมีอันเป็นไป ส่วนพรรคการเมืองที่นายชูวิทย์ โจมตีอยู่นั้นก็ยังฟ้องร้องตัวเองเช่นกัน ยืนยันไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องทางการเมือง แต่สาเหตุที่ตัวเองนำเรื่องราวมาเปิดเผยด้วยวิธีนี้ ไม่ไปพูดคุยกับนายชูวิทย์ก่อน มองว่าหากนำหลักฐานต่างๆ ไปนั่งพูดคุยกันโดยตรง นายชูวิทย์ ก็คงไม่ยอมรับ ตนเพียงแค่อยากให้ยอมรับในสิ่งที่ตัวเองทำเท่านั้น ไม่ได้โกรธเคืองอะไร ขอแนะนำว่า หากไม่มีหน่วยงานใดรับเงินบริจาคสีเทาดังกล่าว ขอให้ไปคืนกับอดีตสองตำรวจที่นำมาให้จะดีที่สุด

สำหรับประเด็นที่นายชูวิทย์ จะฟ้องร้องเอาผิดฐานหมิ่นประมาท พร้อมเรียกค่าเสียหายคดีละ 100 ล้านบาทนั้น นายษิทรา ยืนยันพร้อมจะพิสูจน์ตามขั้นตอนกฎหมาย หากแพ้คดีก็ต้องฟ้องร้องให้ตนล้มละลาย เพราะไม่มีเงินขนาดนั้น ส่วนตัวเองก็นับถือทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ในฐานะรุ่นพี่ ไม่มีความกังวลใด เพราะตนไม่เคยแพ้คดีหมิ่นประมาท

ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า ตนเองจับมือกับนายเอกภพ เหลืองประเสิร์ฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เพื่อถล่มพรรคภูมิใจไทยนั้น นายษิทรา ยอมรับว่าเพิ่งรู้จักกับนายเอกภพ ไม่นาน ก่อนนัดหมายไปทานข้าวร่วมกันกับคนมีชื่อเสียง จนมีมีภาพไปปรากฏตามสื่อโซเชียลต่างๆ ยืนยันไม่เคยนำเรื่องดังกล่าวไปพูดคุยกับนายเอกภพ เพราะเกรงจะถูกนำไปเปิดเผยก่อน


นายษิทรา กล่าวถึงกรณีนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ แจ้งความสองอดีตตำรวจดังกล่าวว่า ตัวเองขอชื่นชมที่กล้าออกมาเปิดเผยข้อมูล และขอขอบคุณ ซึ่งอาจเป็นครั้งเดียวหรือครั้งสุดท้าย เพราะที่ผ่านมาไม่เคยยอมรับการทำงานของนายอัจฉริยะ เพราะเคยมีคดีฟ้องร้องกันอยู่

สำหรับกรณีคณะกรรมการจเรตำรวจเรียกไปให้ข้อมูลเรื่องนายพล จ. ซึ่งเกี่ยวข้องกับสารวัตรซัวนั้น มีการนัดหมายวันที่แล้ว แต่พอถึงวันนัด ทางคณะกรรมการขอเลื่อนออกไปก่อน และจนถึงทุกวันนี้ยังไม่ติดต่อให้เข้าไปชี้แจงอีก โดยนายษิทรา ต่อสายโทรศัพท์ถึงหนึ่งในคณะกรรมการขณะให้สัมภาษณ์ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าสิ่งที่ตนเองพูดนั้นเป็นเรื่องจริง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

ยกอำนาจให้ทหารตัดสินใจ เปิดด่าน-สร้างรั้วชายแดน

ศรีสะเกษ 21 ก.ย.- “อนุทิน” ยกอำนาจให้ “ทหาร” ตัดสินใจ ‘เปิดด่าน-สร้างรั้วชายแดน’ ลั่น ขอหนุนทหารปักธงไทยให้คนไทยชื่นใจ ส่วนรัฐบาลขอเดินหน้าการทูต ยันไม่มีใครล็อบบี้ได้ ส่วนการเจรจาจะทำหลังยุติเหตุก่อกวน จ่อคุมเข้มพื้นที่เพิ่มเติม นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องการปิดด่านและการสร้างรั้วตามแนวชายแดนไทย กัมพูชา โดยระบุว่า ได้ทำความเข้าใจกับการทหารแล้ว ว่าเมื่อตนได้เข้ารับตำแหน่งฝ่ายบริหารประเทศเมื่อไหร่ ก็จะให้ทหารได้ตัดสินใจเต็มที่ รัฐบาลที่กำลังเข้ามาจะให้การสนับสนุน เคารพการตัดสินใจของฝ่ายการทหาร ส่วนรัฐบาลจะทำเรื่องการทูต และเงื่อนไขที่ต้องเจรจาต่าง ๆ นายอนุทิน ย้ำว่า ต้องมีความชัดเจนว่าเราไม่ยอมรับเงื่อนไข แต่เขาต้องยอมรับเงื่อนไขเราเท่านั้น จึงจะดำเนินการเรื่องอื่นต่อไปได้ ตนอยากให้มีความชัดเจนในตรงนี้ เพราะที่ผ่านมามีการคาดคะเนหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของผู้นำต่างประเทศโทรมาล็อบบี้ตน “ ผมล็อบบี้ไม่ได้หรอกครับ ผมไม่มีใครมาล็อบบี้ได้ ผมต้องทำให้กับคนคนไทย ประเทศไทยเท่านั้น ไม่มีการต่อรองใด ๆ จนกว่าเขาจะรับเงื่อนไขที่เราตั้งไว้”นายอนถทิน กล่าว ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงการจัดการของรัฐบาล เนื่องจากยังมีอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) บินวนอยู่รอบภูมะเขือ นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องการทหารขอให้ทหารตัดสินใจ อยากปักธงไทยตรงไหน ขอให้ไปปักให้คนไทยได้ชื่นใจ ในที่ที่เป็นของคนไทย […]

แก๊งค้ายาขนไอซ์ 450 กก. ซิ่งรถชนเกาะกลางถนน จ.อุดรธานี

อุดรธานี 21 ก.ย.-แก๊งยาเสพติดซิ่งรถยนต์ชนเกาะกลางถนน ในพื้นที่ อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี เจ้าหน้าที่ตรวจสอบถึงกับอึ้ง พบไอซ์ 450 กก. ซุกอยู่ในกระสอบหลังรถ ส่วนคนในรถอาศัยจังหวะชุลมุนหลบหนีไปได้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อคืนที่ผ่านมา 22.30 น. เจ้าหน้าที่รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถยนต์เสียหลักชนวงเวียนบ้านเหล่าอุดม ต.บ้านจันทน์ อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี ที่เกิดเหตุพบรถยนต์อเนกประสงค์ สภาพด้านหน้าพังยับเยิน และไม่พบตัวคนขับอยู่ในจุดเกิดเหตุ เบื้องต้น เจ้าหน้าที่จึงเข้าทำการตรวจค้นภายในรถ ที่เบาะนั่งด้านหลัง ถึงกับอึ้ง เพราะพบกระสอบ 9 ใบ อัดแน่นอยู่ด้านหลัง ตรวจสอบภายในกระสอบ มีห่อพลาสติกใสและถุงสีฟ้าลายเสือดาวรวม 448 ห่อ น้ำหนักกว่า 448 กิโลกรัม ภายในห่อมีผลึกขาวใส ลักษณะผลึกคล้าย ไอซ์ นอกจากนี้ ยังพบบัตรประชาชน นายสุทธิโชค อายุ 17 ปี ชาว อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย ตรวจสอบพบ มีประวัติคดียาเสพติด 3 คดี ส่วนทะเบียนรถ […]

อุดพนังกั้นน้ำสำเร็จ น้ำท่วมหล่มสักเริ่มคลี่คลาย

เพชรบูรณ์ 21 ก.ย.-น้ำท่วมตัวอำเภอหล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ รวมทั้งย่านการค้า เริ่มลดลงแล้ว หลังเจ้าหน้าที่อุดพนังกั้นน้ำที่พังลงมาได้สำเร็จ และน้ำในแม่น้ำป่าสักลดลง จุดที่พนังกั้นน้ำริมแม่น้ำป่าสักแตกยาวกว่า 10 เมตร ทำให้น้ำทะลักเข้าท่วมเขตเศรษฐกิจ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ เจ้าหน้าที่สามารถปิดพนังกั้นน้ำที่พังลงมาได้แล้ว แม้จะยังไม่ 100% ทำให้ยังมีน้ำรั่วซึมเข้ามาบ้าง แต่ช่วยลดปริมาณน้ำจากแม่น้ำป่าสักที่ทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนและอาคารร้านค้าหลายร้อยหลังในย่านการค้าของหล่มสักลงได้ ส่งผลให้น้ำที่ท่วมหลายจุดตั้งแต่เมื่อวานลดลง บางจุดเริ่มเห็นผิวถนนแล้ว และคาดว่าจะลดลงต่อเนื่อง หลังระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักที่ไหลผ่านตัวอำเภอหล่มสัก ลดลงเฉลี่ยชั่วโมงละ 10 เซนติเมตร จนต่ำกว่าพนังที่ทางเทศบาลเสริมขึ้นมาแล้ว แต่ยังมีบ้านเรือนตามชุมชนที่อยู่ริมน้ำใกล้จุดพนังแตก ถูกน้ำท่วมขังอยู่บ้าง ขณะที่ชาวบ้านหลายครอบครัวเร่งนำข้าวของเครื่องใช้ที่ถูกน้ำท่วมเสียหายออกมาล้างทำความสะอาด เร่งล้างคราบโคลนภายในบ้านกันบ้างแล้ว หลังต้องเจอน้ำท่วมหนักถึง 2 รอบ ในช่วง 3 สัปดาห์ และกว่าจะอุดพนังกั้นน้ำที่พังลงมาได้สำเร็จไม่ใช่เรื่องง่าย เจ้าหน้าที่ต้องใช้ความพยายามตลอดทั้งคืน ระดมกำลังคนและเครื่องจักรหนักเข้ากู้สถานการณ์ อุดรอยรั่วซ่อมพนังกั้นน้ำ ตรงข้ามสวนดงตาล ที่พังลงมายาวกว่า 10 เมตร โดยใช้แบริเออร์ กระสอบทรายบิ๊กแบ็ก วางอุดรอยรั่วได้สำเร็จ แม้ตอนนี้ยังคงมีน้ำรั่วซึมเข้ามาจากจุดพนังแตกอยู่บ้าง แต่หากระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักลดลงอย่างต่อเนื่องแบบนี้ คาดว่าสถานการณ์น้ำท่วมในเขตเทศบาลเมืองหล่มสักจะลดลงต่อเนื่อง.-สำนักข่าวไทย

ทบ.ชี้แจงปมกัมพูชาประท้วงไทย ย้ำพื้นที่อยู่ในเขตไทย

กทม. 21 ก.ย.-กองทัพบก ชี้แจงปมกัมพูชาประท้วงไทย ย้ำพื้นที่อยู่ในเขตไทย ไม่ใช่พื้นที่พิพาท กรณีกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา ออกแถลงการณ์เมื่อ 20 ก.ย.68 ระบุว่า “กัมพูชาได้ยื่นหนังสือประท้วงและคัดค้านอย่างเป็นทางการต่อรัฐบาลไทย เกี่ยวกับเจตนาที่จะใช้กฎหมายภายในประเทศของไทยกับพลเมืองกัมพูชาในหมู่บ้านโจกเจย และหมู่บ้านไปรจัน ตำบลโอเบยเจือน อำเภอโอโจรว จังหวัดบันเตียเมียนเจย โดยมีรายละเอียดกล่าวหาฝ่ายไทยว่า ฝ่ายไทยอ้างสิทธิ์ใช้กฎหมายภายในประเทศกับพลเมืองกัมพูชาในพื้นที่พิพาท โดยการอ้างสิทธิ์ดังกล่าวของไทยละเมิดพันธกรณีตามกฎบัตรสหประชาชาติ (มาตรา 2(3) และ 2(4)) เป็นการละเมิดบันทึกความเข้าใจ MOU 2000 ว่าด้วยการสำรวจและปักปันเขตแดนทางบก ขัดต่ออำนาจหน้าที่ของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม ขอเรียกร้องให้ไทยยุติกิจกรรมที่บ่อนทำลายความพยายามลดความตึงเครียด ตามข้อตกลงหยุดยิง พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ชี้แจงต่อกรณีนี้ว่า ฝ่ายไทยมีสิทธิและหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมายภายในประเทศกับบุคคลที่อยู่ในเขตดินแดนของไทย ซึ่งเป็นหลักการสากลที่ทุกประเทศยอมรับ และขอยืนยันว่า พื้นที่ที่ฝ่ายไทยอาจจำเป็นต้องดำเนินการก่อนนั้น ไม่ได้อยู่ในเขตของพื้นที่ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ อย่างที่ฝ่ายกัมพูชาพยายามบิดเบือน แต่อยู่ในเขตอธิปไตยของประเทศไทยอย่างชัดเจน ซึ่งทำให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปอย่างถูกต้องตามหลักอธิปไตยของรัฐ ส่วนเรื่องพันธกรณีตามกฎบัตรสหประชาชาติ ในมาตรา 2(3) ที่ได้ระบุไว้ว่า “รัฐสมาชิกต้องระงับข้อพิพาทระหว่างประเทศด้วยวิธีสันติ เพื่อไม่ให้สันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศตกอยู่ในอันตราย” นั้น ในความเป็นจริงกลับพบว่า ฝ่ายกัมพูชามักจะเป็นผู้ละเมิด อย่างกรณีการปลุกปั่น จัดฉาก […]