แจ้ง 4 ข้อหา แก๊งอุ้มหญิงจีนรีดทรัพย์-จ่อฝากขังบ่ายนี้

กรุงเทพฯ 20 มี.ค. – ตำรวจ สน.ทองหล่อ แจ้ง 4 ข้อหา แก๊งอุ้มหญิงจีนไปรีดทรัพย์กว่า 3.3 ล้านบาท เตรียมคุมฝากขังบ่ายนี้ พร้อมคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์


จากกรณีมีเหตุคนร้ายชาวจีน 2 คน ใช้กรรไกรจี้นักท่องเที่ยวและนักศึกษาปริญญาโท สาวชาวจีน พร้อมเพื่อนหญิงอีกราย บังคับห้ามส่งเสียง ก่อนจับมัดมือและปิดตา ขึ้นไปรีดทรัพย์บนรถตู้โตโยต้า อัลพาร์ด สีดำ ได้เงินสกุลหยวนและเงินสกุลคริปโทฯ ไปจากผู้เสียหาย กว่า 3.3 ล้านบาท จากร้านอาหารย่านเอกมัย ก่อนนำไปทิ้งไว้ย่านมีนบุรี เมื่อวันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา จากนั้นผู้เสียหายเข้าแจ้งความกับตำรวจ สน.ทองหล่อ และตำรวจได้ตามจับผู้ก่อเหตุรวม 3 คน ในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว ขณะกำลังพยายามหลบหนีออกนอกประเทศ

ด้าน พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผู้บังคับการนครบาล 5 เปิดเผยความคืบหน้าของคดีดังกล่าว ระบุว่าเบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาชาวจีนทั้ง 3 คน ทั้งหมด 4 ข้อหา ได้แก่ ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น, ร่วมกันกรรโชกทรัพย์, ร่วมกันเรียกค่าไถ่ และพกพาอาวุธปืนเข้าไปในที่สาธารณะ ถึงแม้ผู้ต้องหาทั้ง 3 คน จะยังให้การปฏิเสธ แต่ตำรวจมีหลักฐานจากกล้องวงจรปิดชัดเจน และผู้เสียหายสามารถชี้ตัวผู้ต้องหา นอกจากนี้ยังมีการเรียกสอบปากคำน้องสาวของผู้ต้องหาหญิง บอกว่าไม่รู้เรื่องกับการกระทำผิดของพี่สาว


ด้าน พ.ต.อ.พันษา อมราพิทักษ์ ผกก.สน.ทองหล่อ เปิดเผยว่า ความคืบหน้าขณะนี้มีการสอบปากคำผู้ต้องหาไปได้แค่เพียงปากเดียวเท่า ยังเหลืออีก 2 ราย อาจจะมีการล่าช้า เนื่องจากการสื่อสารที่ไม่ตรงไปตรงมา หากสอบปากคำเสร็จสิ้นภายในวันนี้จะนำตัวส่งศาลทันที แต่หากไม่ทันทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีอำนาจในการควบคุมตัวได้ถึงวันพรุ่งนี้ ส่วนเรื่องผู้ต้องหาต้องการที่จะติดต่อสถานทูตนั้น ตามกระบวนการทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องมีการแจ้งต่อสถานทูตอยู่แล้ว แต่หากทางญาติ (น้องสาว) ต้องการที่จะติดต่อเองก็สามารถกระทำการได้เช่นเดียวกัน 

ส่วนเรื่องการขยายผล เมื่อวานเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายค้น เพื่อเข้าค้นที่พักของผู้ต้องหา ภายในซอยสุขุมวิท 39 ยึดทรัพย์สินได้หลายรายการ แต่จะเป็นของผู้สียหายหรือไม่นั้น ต้องให้ผู้เสียหายมาเป็นผู้ยืนยันอีกครั้ง นอกจากนี้หากสอบผู้ต้องหาแล้วพบเบาะแสเพิ่มเติมก็สามารถออกหมายค้นได้เพิ่มเติม ขณะนี้ยังไม่ได้ออกหมายจับใครเพิ่มเติม เนื่องจากยังสอบปากคำไม่แล้วเสร็จ

ขณะที่เรื่องการเข้าขอประกันตัวนั้นยังไม่มีญาติเข้าขอประกันตัว ซึ่งพนักงานสอบสวนมีการคัดค้านการประกันตัวอยู่แล้ว เพราะเป็นบุคคลต่างชาติ ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง และมีพฤติกรรมหลบหนี เบื้องต้นผู้ต้องหายังคงยืนยันให้การปฏิเสธ และไม่ค่อยให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เท่าที่ควร และมีรายงานว่าบ่ายวันนี้ตำรวจจะควบคุมตัวผู้ต้องหาไปขออำนาจศาลอาญากรุงเทพใต้ ฝากขังผัดแรก โดยท้ายคำร้องขอคัดค้านการประกัน เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์ ก่อเหตุไม่เกรงกลัวกฎหมาย หากให้ประกันอาจหลบหนีได้. -สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 10 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

Chinese foreign ministry in January 2025

ถอดบทเรียนจากจีน แก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 จริงจัง

ปักกิ่ง 23 ม.ค. – สถานการณ์ฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่และเร่งด่วนในไทยอยู่ในขณะนี้ หลายฝ่ายกำลังหาทางแก้ไขด้วยการมุ่งไปที่ต้นตอที่ทำให้เกิดฝุ่น จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกระบุว่า ในปี พ.ศ. 2542 ประชากรโลกมากถึง 92% ได้รับฝุ่น PM2.5 ในระดับความเข้มข้นสูงกว่าที่องค์การอนามัยโลกกำหนด และถ้ารัฐบาลทุกประเทศไม่เร่งแก้ปัญหาอย่างเอาจริงเอาจัง ภายในอีก 7 ปีข้างหน้า หรือ พ.ศ. 2573 คุณภาพชีวิตคนทั่วโลกจะยิ่งเลวร้ายสุดขีด เพราะปริมาณ PM2.5 จะเพิ่มขึ้นจากเดิม 50% และประเทศที่สามารถพิสูจน์ให้เห็นเป็นตัวอย่างว่า หากรัฐบาลตั้งใจจริงจัง ทุ่มสรรพกำลังความพยายาม จะสามารถกำจัดปัญหาฝุ่นควันพิษได้อย่างแน่นอนนั่นก็คือ จีน   จีนเคยมีคนเสียชีวิตเพราะมลพิษในอากาศปีละหลายล้านคน แต่ทุกวันนี้แม้แต่ธนาคารโลกยังยกย่องจีนว่า เป็นแบบอย่างของความพยายาม สามารถพลิกฟ้าหม่นเพราะฝุ่น PM2.5 ให้กลับเป็นฟ้าใสได้สำเร็จ ความพยายามของเหมา เจ๋อตุง ผู้นำจีนที่มุ่งเปลี่ยนสังคมเกษตรกรรมเป็นสังคมอุตสาหกรรม ทำให้จำนวนโรงงานในจีนเพิ่มขึ้นทวีคูณภายใน พ.ศ. 2502 แน่นอนว่า นโยบายเศรษฐกิจของผู้นำจีนช่วยให้คนจีนหลายล้านหลุดพ้นจากขีดความยากจน แต่ก็ต้องแลกกับชีวิตและสุขภาพ เพราะควันพิษจากโรงงานทำให้ฝุ่น PM2.5 พุ่งในระดับเกินกว่าจะรับไหว กว่ารัฐบาลจะรู้ตัวว่าปัญหามาถึงขั้นวิกฤต […]

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่

ผู้ป่วยเสียชีวิต

รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก-เสียชีวิต จากเหตุชายผิวสีคลุ้มคลั่ง

ผอ.รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก หรือเสียชีวิต จากเหตุต่างชาติผิวสีคลุ้มคลั่ง มีเพียงเจ้าหน้าที่ รพ.บาดเจ็บจากการถูกต่อยเล็กน้อย

ข่าวแนะนำ

ตร.ทางหลวงไล่ล่ากระบะขนแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าไทย

ระทึก! ตำรวจทางหลวงขับรถไล่ล่ากระบะขนแรงงานต่างด้าว 2 คัน สุดท้ายไม่รอด จนมุมบริเวณ ต.หาดท่าเสา อ.เมือง จ.ชัยนาท ตรวจสอบพบแรงงานต่างด้าวจำนวนมาก จึงนำตัวทั้งหมด พร้อมกับคนขับรถทั้ง 2 คัน ส่งดำเนินคดีที่ สภ.เมืองชัยนาท

คุมพ่อชาวรัสเซียฝากขัง จับลูกชายวัย 13 โยนลงทะเลเสียชีวิต

ตำรวจคุมตัว “หนุ่มรัสเซีย” ฝากขัง หลังก่อเหตุโยนลูกวัย 13 ปี ออกจากเรือ บริเวณหมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา จนถูกใบพัดเรือบาดเจ็บสาหัส ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา อ้างเสียความทรงจำ ไม่รู้ทำอะไรลงไป

ดีเอสไอจ่อล่องเรือใช้เลเซอร์สแกนจำลอง 3 มิติ สืบคดี “แตงโม”

ดีเอสไอ นำผู้เชี่ยวชาญหลายด้านเปิดประชุมนัดแรก ลุยสืบสวน “คดีแตงโม” จ่อล่องเรือใช้เลเซอร์สแกนจำลอง 3 มิติ หาพยานหลักฐานใหม่ และบินเก็บข้อมูลระบบ Cloud ในมือถือทุกคนบนเรือ-นอกเรือ