กรุงเทพฯ 18 มี.ค. – หญิงสาวผู้เสียหายแห่ร้อง ปคบ. ถูกคลินิกเสริมความงามชื่อดังเท อ้างปิดปรับปรุง แต่เชื่อว่าปิดดำเนินการโดยไม่แจ้งลูกค้าล่วงหน้า คาดมูลค่าความเสียหายกว่า 5.3 ล้านบาท
ที่ศูนย์รับแจ้งความตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน จตุจักร กทม. หญิงสาวผู้เสียหายกว่า 10 คน เดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.ทศพล มั่นศักดิ์ สว.(สอบสวน) กก.4 บก.บก.ปคบ. แจ้งความกรณีคลินิกชื่อดังซึ่งมี 2 สาขา ที่ทองหล่อ และสยามสเคป ประกาศปิดปรับปรุงโดยไม่มีกำหนด จนลูกค้าสงสัยว่าน่าจะปิดกิจการถาวร เพราะไม่สามารถติดต่อทั้งเจ้าของ พนักงาน หมอ ในทุกช่องทางการสื่อสารได้เลย
โดยสาขาสยามสเคป ชั้น 8 ปิดปรับปรุงชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 20 ก.พ. 66 จนถึงเวลานี้ ส่วนสาขาทองหล่อประกาศปิดปรับปรุงมาตั้งแต่กลางเดือน ธ.ค.ปีที่ผ่านมา วันนี้จึงรวมตัวกันมาร้องต่อตำรวจ ปคบ. เพื่อติดตามเจ้าของคลินิกให้ออกมาชี้แจงและรับผิดชอบความเสียหาย
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนสอบปากคำผู้เสียหายบางส่วนไว้ดำเนินการตรวจสอบพฤติการณ์คลินิกแห่งนี้ พร้อมแนะนำให้ผู้เสียหายรายอื่นแจ้งความ thaipoliceonline.com อีกทางหนึ่ง เพื่อความสะดวกในการดำเนินคดีกับคลินิกแห่งนี้ตามกฎหมาย
ก่อนหน้านี้ต้นเดือน มี.ค. หญิงสาวกลุ่มผู้เสียหายรวมตัวเข้าแจ้งความ พงส.สน.ปทุมวัน และ สน.ทองหล่อ แล้วส่วนหนึ่ง ระบุว่าคลินิกดังกล่าวโปรโมทคอร์สเสริมความงามและเติมวงเงินช่วงปี 2563-2565 คลินิกสาขาทองหล่อ ติดประกาศปิดปรับปรุงพื้นที่ให้บริการชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 14 ธ.ค. 65 โดยพนักงานของคลินิกแจ้งให้ลูกค้าเข้าใช้บริการได้ที่สาขาสยามสเคป ชั้น 8
หลังจากนั้นในช่วงเดือน ม.ค. 66 ติดต่อคลินิกผ่านช่องทาง Facebook, Line และเบอร์โทรของทางคลินิกไม่ได้ กระทั่งวันที่ 20 ก.พ. 66 ทางสาขาสยามสเคป ชั้น 8 ได้ติดประกาศที่คลินิกว่าขอแจ้งปิดให้บริการชั่วคราวตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เพื่อปิดปรับปรุงระบบ หลังจากนั้นไม่สามารถติดต่อกับทางร้านหรือพนักงานของคลินิกได้อีกเลย กลุ่มผู้เสียหายจึงเชื่อว่าถูกหลอกลวงให้ซื้อคอร์สเสริมความงาม ทำให้ได้รับความเสียหายโดยประมาณ 600,000 บาท
น.ส.เปิ้ล (นามสมมติ) หนึ่งในผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตนซื้อคอร์สกับคลินิกแห่งนี้ 2 ครั้ง ครั้งแรกใช้ไปบางส่วน ก่อนพนักงานจะแนะนำให้ซื้อเพิ่มเติม ตนหวังจะไปใช้บริการเสริมความงามต่างๆ ช่วงเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ทางคลินิกไม่รับจองคิว แต่ให้ walk in มารับคิวหน้าร้าน แต่เมื่อคลินิกปิดแบบนี้ทำให้ขาดโอกาสที่จะไปใช้บริการ แต่ยังต้องจ่ายผ่านบัตรเครดิตต่อจนหมดอีกหมื่นกว่าบาท
สำหรับกรณีคลินิกเสริมความงามแห่งนี้ปิดบริการ ทางสภาผู้บริโภค ได้ให้ความช่วยเหลือมาตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา นายโสภณ หนูรัตน์ หัวหน้าฝ่ายคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิผู้บริโภค สภาองค์กรของผู้บริโภค (สภาผู้บริโภค) ทำหนังสือถึงกรรมการผู้จัดการบริษัทของคลินิกดังกล่าว เพื่อให้ชี้แจงแนวทางการแก้ไขปัญหา รวมถึงการเยียวยาความเสียหายให้ผู้บริโภคจำนวนมากที่ไม่สามารถใช้บริการกับคลินิกได้ โดยมูลค่าความเสียหายกว่า 5.3 ล้านบาท เนื่องจากคลินิก ประกาศปิดปรับปรุงชั่วคราว โดยผู้ประกอบธุรกิจไม่แจ้งล่วงหน้า และยังไม่ชี้แจงข้อมูลใดๆ ให้กับผู้ใช้บริการทราบ
ล่าสุดวานนี้ (17 มี.ค.) สภาผู้บริโภคได้ทำหนังสือถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นหลักฐานในการฟ้องคดีผู้บริโภคให้กับผู้เสียหายทุกราย ซึ่งมีระยะเวลาขั้นตอนในการเสนอฟ้องดี โดยจะดำเนินคดี 2 แบบ คือ คดีแพ่ง และคดีอาญา
1.กรณีที่เคยใช้บริการคอร์สมานานใช้ไปแล้ว จะฟ้องเป็นดคีแพ่ง
2.กรณีที่เพิ่งซื้อคอร์สก่อนปิดไม่กี่วันหรือเดือนที่กำลังจะปิด ซึ่งต้องสอบข้อเท็จจริงว่าจะเข้าข่ายฉ้อโกงหรือไม่ และต้องดูที่เจตนา เช่น ผู้ประกอบการรู้ว่าจะปิดกิจการแต่ยังเสนอขายคอร์ส ซึ่งต้องให้เจ้าพนักงานคดี (ตำรวจ) สอบข้อเท็จจริงอีกครั้ง จึงจะสรุปได้ว่าเป็นคดีอาญาได้หรือไม่ ดังนั้น หากมีความคืบหน้าจะแจ้งให้ทางผู้ร้องเรียนได้ทราบเป็นระยะ.-สำนักข่าวไทย