ผบ.ตร. สั่งจเรตำรวจ ตรวจสอบการดำเนินการคดีเครือข่าย “ทุนมินลัต”

11 มี.ค. – ผบ.ตร. สั่งจเรตำรวจแห่งชาติ ตรวจสอบการดำเนินการคดีเครือข่าย “ทุนมินลัต” หากพบบกพร่อง ช่วยเหลือใคร ดำเนินการเด็ดขาดทันที พร้อมแจงเป็นคดีนอกราชอาณาจักร อยู่ระหว่างพิจารณาของอัยการและตำรวจที่ทำคดี ตำรวจพร้อมสนับสนุน ขยายผลดำเนินการทุกราย ลั่นไม่มีการช่วยเหลือ มวยล้มต้มคนดู สั่ง ผบช.น.ตรวจสอบข้อเท็จจริงเอกสารหลุด ส่วนการย้ายตำรวจทำคดีเป็นสารวัตรสืบพญาไท ไม่ใช่การลดเกรด เป็นความเหมาะสมตามหน่วยเสนอ


วันนี้ (11 มี.ค.66 ) พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร. เปิดเผยว่า “จากกรณี พ.ต.ท.มานะพงษ์ วงศ์พิวัฒน์ สว.สส.สน.พญาไท ชี้แจงขั้นตอนการดำเนินคดีกับเครือข่าย “ทุนมินลัต” จนปรากฎเป็นข่าวที่เกิดขึ้นนั้น พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้รับทราบข้อมูลแล้ว ไม่ได้นิ่งนอนใจ สั่งการให้จเรตำรวจแห่งชาติลงตรวจสอบข้อเท็จจริง การทำสำนวนคดี ความล่าช้า ความบกพร่อง ว่ามีหรือไม่อย่างไร หากพบให้ดำเนินการตามหน้าที่อย่างเด็ดขาด ทั้งอาญา วินัย และปกครอง และในส่วนที่มีเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการทำคดีดังกล่าวหลุดมา ได้สั่งการให้ ผบช.น. ตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้วว่าเป็นเอกสารจริงหรือไม่ รายละเอียดที่ปรากฎในเอกสาร เป็นข้อเท็จจริงตามที่กล่าวอ้างหรือไม่ เนื่องจากเนื้อหาในการกล่าวอ้าง เป็นการเปิดเผยขั้นตอนกระบวนการสืบสวนสอบสวนคดีที่ยังดำเนินการไม่เสร็จสิ้น และที่ผ่านมาไม่เคยได้รับรายงานจาก ผบช.น. ว่ามีเหตุการณ์เช่นที่บรรยายในหนังสือดังกล่าวเกิดขึ้น

ส่วนประเด็นการดำเนินคดีกับเครือข่าย “ทุนมินลัต” คดีนี้เริ่มจาก พ.ต.ท.มานะพงษ์ วงศ์พิวัฒน์ สว.สส.สน.พญาไท เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง สว.กก.2 บก.สส.บช.น. หลังสืบสวนพบว่าบุคคลเข้ามาเกี่ยวข้องน่าจะมีส่วนกับการทำผิด ได้ยื่นขอหมายจับและศาลเพิกถอนหมายจับ ต่อมาจึงเข้าร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน บก.ปส.3 เมื่อวันที่ 4 ต.ค. 2565 และ บช.ปส. เห็นว่าเป็นเป็นคดีนอกราชอาณาจักร จึงได้เสนออัยการสูงสุดรับผิดชอบ เมื่อวันที่ 15 พ.ย. 65 ต่อมาอัยการสูงสุดเห็นว่าเป็นคดีนอกราชอาณาจักร ได้มอบหมายให้ ผบก.ปส.3 เป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบแทน อสส. โดยมอบหมายให้พนักงานอัยการเข้าร่วมสอบสวนด้วยเมื่อวันที่ 21 พ.ย.65


ต่อมาหลังจากมีประเด็นคดี “ทุนมินลัต” เมื่อครั้งก่อน ผบ.ตร.ได้เรียก ผบช.ปส. และ ผบก.ปส.3 มากำชับให้ควบคุมกำกับดูแลการทำงานของพนักงานสอบสวนที่รับผิดชอบ ซึ่งได้รับมอบหมายจากอัยการสูงสุด ให้ทำการสอบสวนอย่างโปร่งใส ตรงไปตรงมา ตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ ไม่ละเว้นหรือช่วยเหลือผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด รวมทั้งให้สนับสนุนการทำงานของพนักงานสอบสวนในด้านต่างๆ ที่จำเป็นอย่างเต็มที่ อย่าให้เกิดเป็นอุปสรรคในการทำงานได้ และวันนี้ได้สั่งการ ผบก.ปส.3 รายงานความคืบหน้าในทางคดี ในส่วนที่ไม่เสียต่อรูปคดี มาเป็นระยะ เพื่อที่จะไม่ให้สังคมคลางแคลงใจในความโปร่งใสของการทำงานของพนักงานสอบสวน ซึ่ง ผบ.ตร.ได้ยืนยันว่าไม่มีใครมาสั่งการ กดดัน หรือเข้าแทรกแซงการทำสำนวนในคดีดังกล่าวแต่อย่างใด และได้กำชับพนักงานสอบสวนให้ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ตามพยานหลักฐานที่ปรากฏตามข้อเท็จจริงทุกประการ

จะเห็นได้ว่าในคดีนี้ พงส.บช.ปส.3 หลังจากที่รับคำกล่าวโทษประมาณ 1 เดือนกว่า ก็ได้เร่งรวบรวมหลักฐาน ทำสำนวนมาตลอด จนพบว่าเป็นคดีนอกราชอาณาจักร จึงส่งสำนวนให้อัยการสูงสุด โดยไม่ได้มีการประวิงสำนวนเพื่อช่วยเหลือใครแต่อย่างไร และมีการส่งรายงานเพิ่มเติมตามคำร้องขอของอัยการสูงสุดมาอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้ทางคดีมีความคืบหน้าไปมาก แต่ยังไม่แล้วเสร็จ อยู่ระหว่างการพิจารณาทางคดีร่วมกันของอัยการ และตำรวจที่ทำคดี ที่ทำงานในรูปแบบคณะทำงาน ตำรวจไม่ได้ทำคดีฝ่ายเดียว โดยได้มีการหารือร่วมกันกับพนักงานอัยการมาโดยตลอด

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการเน้นย้ำมาตลอดว่าต้องทำความจริงให้ปรากฏตามพยานหลักฐาน เอาคนผิดมาลงโทษ เพื่อเรียกความเชื่อมั่นจากประชาชน ห้ามช่วยเหลือใคร ซึ่ง ผบ.ตร.รับนโยบาย และติดตามความคืบหน้าคดีกับ ผบก.ปส.3 มาตลอด พร้อมจะเข้าช่วยเหลือหากอัยการและคณะพนักงานสอบสวนร้องขอ


ประเด็นต่อมาการโยกย้าย พ.ต.ท.มานะพงษ์ เป็นการแต่งตั้งตามวาระ ไม่ได้มีสาเหตุมาจากคดี เนื่องจากคดีนี้ตำรวจ บก.สส.บช.น. ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับสำนวนแล้ว ตั้งแต่ที่อัยการสูงสุดอนุมัติเป็นคดีนอกราชอาณาจักร อีกทั้งอำนาจการแต่งตั้งระดับ สว.-รอง ผกก เป็นอำนาจของ ผบช. ซึ่งพิจารณาจากหลายปัจจัย ทั้งการทำงาน ความรู้ความสามารถ การทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงานและอาวุโสต่างๆ โดยมีการประเมินตามหลักเกณฑ์ มีผลคะแนนออกมาชัดเจน จนมีการโยกย้ายตามความเหมาะสม เพื่อให้การทำงานของหน่วยมีความต่อเนื่อง การโยกย้าย พ.ต.ท.มานะพงษ์ เป็น สว.สส.สน.พญาไท ถือว่าอยู่ในระดับที่ดี ไม่ได้เป็นการลดเกรด หรือกลั่นแกล้ง เพียงแต่เป็นเรื่องความเหมาะสมของหน่วย ที่ผู้บังคับบัญชาเห็นว่าจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนเพื่อการทำงานในภาพรวมของหน่วยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

โฆษก ตร. กล่าวอีกว่า ประเด็นที่กำลังเกิดขึ้นในสังคมขณะนี้กระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนต่อกระบวนการยุติธรรม ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการกำชับมาตลอดให้ ทำคดีอย่างตรงไปตรงมา พยานหลักฐานไปถึงใคร ให้ดำเนินการอย่างเด็ดขาด ซึ่ง ผบ.ตร.รับนโยบาย มีการติดตามคดีมาต่อเนื่อง พร้อมจะสนับสนุนทุกการทำงานตามที่อัยการและคณะพนักงานสอบสวนคดีนี้ร้องขอมา เพื่อให้พี่น้องประชาชนเกิดความมั่นใจ ตำรวจพร้อมจะทำทุกทาง เพื่อเอาผิดคนเกี่ยวข้อง ไม่มีมวยล้มต้มคนดูแน่นอน. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เจรจาล่ม ตัวแทนจีนไม่พอใจลุกกลางวงเจรจา ยันไม่ติดเงินใคร

เจรจาล่ม ตัวแทนจีนไม่พอใจ ลุกกลางวงเจรจา ยันไม่ติดเงินใคร ด้านบริษัท 9PK นำเอกสารชี้แจง พร้อมขอให้บริษัทจีนช่วยอนุมัติเงินมาจ่ายให้กลุ่มผู้รับเหมาก่อน

จับแล้วโจรบุกเดี่ยวชิงทองกลางเมืองหาดใหญ่

จับแล้วโจรมาเลย์บุกเดี่ยวชิงทองกลางเมืองหาดใหญ่ จนมุมสถานีขนส่งสายใต้ใหม่ เผยมาหาลูกชายที่ จ.นนทบุรี แต่ลูกไม่ให้เข้าบ้าน

ปิดล้อมจับชายวัย 43 ยิงเพื่อนบ้าน-ตร.เจ็บ 4

ตำรวจปิดล้อมนานถึง 11 ชั่วโมง จับชายวัย 43 ปี ใช้ปืนยิงเพื่อนบ้านและตำรวจที่เข้าระงับเหตุ บาดเจ็บรวม 4 ราย หลังโมโหเพื่อนบ้านติดกล้องวงจรปิดหันส่องไปทางบ้านผู้ก่อเหตุ ยิงแก๊สน้ำตา-ญาติเกลี้ยกล่อม ยังไม่เป็นผล

แผ่นดินไหวขนาด 5.8 ในไต้หวัน-ไม่มีรายงานความเสียหาย

สำนักงานอุตุนิยมวิทยาไต้หวันรายงานวันนี้ว่า เกิดแผ่นดินไหวขนาดด 5.8 ที่เทศมณฑลอี้หลาน (Yilan) ซึ่งเป็นพื้นที่ชนบทห่างไกลทางตจะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ปล่อยแถวเจ้าหน้า​ที่​รักษาความสงบเรียบร้อยช่วงสงกรานต์

นายกฯ ปล่อยแถวเจ้าหน้า​ที่​ป้องกันอาชญากรรม รักษาความสงบเรียบร้อยช่วงสงกรานต์​ ขอบคุณเสียสละช่วงวันหยุดดูแลประชาชน​ ฝากอย่าให้เกิดสิ่งผิดกฎหมาย​ สร้างความเชื่อมั่นให้ประเทศ​ หลังมีข่าวลือเยอะ​

ปชช.ทยอยกลับภูมิลำเนา จราจรมุ่งหน้าเหนือ-อีสาน เริ่มหนาแน่น

ประชาชนทยอยเดินทางกลับภูมิลำเนาในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปริมาณรถมุ่งหน้าสู่ภาคเหนือและอีสาน เริ่มหนาแน่น แต่ยังเคลื่อนตัวตามกันได้ ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ดูแลและอำนวยความสะดวกการเดินทาง

นายกฯ ระดมทีมสร้างความเชื่อมั่น ดึงนักท่องเที่ยวเข้าไทย

“นายกฯ แพทองธาร” ระดมทีมท่องเที่ยว ทำความเข้าใจ สร้างภาพลักษณ์ไทยไม่อันตราย หลังแผ่นดินไหว ตั้งเป้าเพิ่มนักท่องเที่ยวแทนยอดที่หาย ดึงชาติอื่นแทนจีน