กรมสอบสวนคดีพิเศษ 7 มี.ค.- “ปราปต์ปฎล” แฉเจ้าหน้าที่ดีเอสไอมีขบวนการตบทรัพย์ อ้างถูกเรียกเก็บเงิน “ค่าความยุติธรรม” ยังยืนยันความบริสุทธิ์ตนเอง เชื่อถูกกลั่นแกล้งทางคดีเพราะไม่จ่าย
นายปราปต์ปฎล สุวรรณบาง ดารานักแสดง เดินทางมายื่นหนังสือทวงถามความคืบหน้าทางคดี หลังถูกกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI ตั้งข้อกล่าวหาฟอกเงิน สืบเนื่องจากคดีมูลฐาน Forex-3D และได้ไปพบเจ้าหน้าที่ตามหมายเรียกครั้งที่ 2 เมื่อ 5 ต.ค.65 ที่ผ่านมา และมีการส่งเอกสารชี้แจงตามกำหนดของดีเอสไอไปแล้ว และเคยแถลงยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด จนถึงวันนี้ 5 เดือนกว่าแล้ว คดีส่วนของตนยังไม่มีความคืบหน้าใด และได้รับผลกระทบกับหน้าที่การงาน โดยมี ผอ.ส่วนพิจารณาสำนวนร้องทุกข์ ดีเอสไอ รับหนังสือ
นายปราปต์ปฎล กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้นำหนังสือชี้แจงข้อกล่าวหาส่งให้ดีเอสไอแล้ว ที่ถูกดำเนินคดีในข้อหาฟอกเงิน ซึ่งจนถึงวันนี้ตนจึงไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงถูกดำเนินคดี ดีเอสไอแจ้งว่า เป็นเพราะตนได้ทำการเคลื่อนย้ายทรัพย์จากจุดหนึ่งไปอีกจุด ซึ่งก็ตนก็ชี้แจงไปแล้ว ว่ารถยนต์แอสตัน มาร์ติน ที่ถูกดีเอสไอยึดทรัพย์ไปก่อนหน้านี้ เป็นรถยนต์ส่วนตัวของ “จิ๊กกี๋” แฟนสาว ตนเองไม่ได้มีความเกี่ยวข้องเลย จะมีก็แค่ช่วงปี 63 ทางจิ๊กกี๋อยากหาที่จอดรถเพื่อหนีน้ำท่วม จึงแนะนำให้ไปจอดที่บ้านเพื่อนที่ จ.ราชบุรี กับอีกครั้งที่จิ๊กกี๋ป่วย มีเพื่อนโทรศัพท์มาหาบอกว่า ได้พาเจ้าหน้าที่ดีเอสไปยึดทรัพย์ของในคอนโดฯ โดยอ้างว่าเป็นหนึ่งในผู้เสียหายที่จาก Forex-3D จึงจะมาเอาทรัพย์ในคอนโดฯ ไปทั้งหมด ซึ่งในคอนโดฯ มีกุญแจรถดังกล่าวอยู่ด้วย จิ๊กกี๋จึงวานตนให้ตนไปนำรถดังกล่าวออกไปก่อน ซึ่งตนก็ขับไปฝากไว้ที่บ้านเพื่อนหลังเดิม และเป็นบ้านที่ดีเอาไอไปยึดอายัดรถ และตอนนั้น จิ๊กกี๋ ยังไม่ได้ถูกดำเนินคดีใดๆ
โดยวันที่พาจิ๊กกี๋ ออกจากโรงพยาบาล ก็พาไปแจ้งความว่าเจอคนงัดห้อง ซึ่งเพื่อนคนนี้กำลังถูกดำเนินคดีอยู่ที่ สน.สุทธิสาร และซัดทอดว่าของในห้องนั้นอยู่กับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ เพราะคาดว่าทรัพย์สินในห้องนี้ได้มาจากการกระทำความผิดในคดี Forex-3D และจากเหตุการณ์นั้นถึงรู้ว่าการยึดทรัพย์ครั้งนั้นมาโดยไม่ได้มีหมายค้น ไม่ได้แต่งชุดเจ้าหน้าที่ แค่ขอนิติคอนโดฯ ขึ้นไป เป็นที่มาในการแจ้ง ม.157 กับเจ้าหน้าที่คนนั้น
นายปราบต์ปฎล กล่าวต่อว่า ตนเชื่อว่าถูกกลั่นแกล้ง เพราะเรื่องรถเกิดปี 63 ทำไมถึงเพิ่งมาแจ้งข้อหาฟอกเงินกับตนในปี 65 โดยเล่าย้อนไปว่าในช่วง 18 ส.ค.65 วันที่อัยการนัดส่งฟ้องศาล และจิ๊กกี๋ ถูกควบคุมตัวไป ซึ่งวันนั้นตนพยายามยื่นขอประกันตัว แต่ประกันไม่ได้ จากนั้น 2 วันต่อมา มีน้องคนหนึ่งที่เป็นเพื่อนของจิ๊กกี๋ ติดต่อตนมาบอกว่า รู้จักกับคนที่สามารถที่จะช่วยดำเนินการประกันตัว และช่วยเรื่องคดีได้ โดยมีการกล่างอ้างว่าคนคนนี้เป็นที่ปรึกษาเลขารัฐมนตรีกระทรวงหนึ่ง เป็นทนายอักษรย่อ ฮ. ส่วนเลขารัฐมนตรีอักษรย่อ ธ. น้องคนนี้บอกจะประสานให้ช่วยนัดไปเจอ อ้างว่าสามารถช่วยเคลียร์เรื่องคดีให้ ซึ่งมีการนัดเจอกัน 1 ครั้ง ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ในรายละเอียดการพูดคุย มีการเรียกเก็บค่าดำเนินการ ตอนแรกคิดว่าเป็นค่าทนาย แต่ไม่ใช่ และนายปราบต์อ้างว่า มีคำพูดที่ตนติดใจไม่คิดว่าจะมีแบบนี้ เพราะมีการใช้คำว่า เรียกเก็บเงิน “ค่าความยุติธรรม” โดยตนมีหลักฐานทั้งหมดเป็นข้อความแชทระหว่างผู้หญิงคนดังกล่าวกับชายที่อ้างเป็นที่ปรึกษาเลขารัฐมนตรี ที่มีการระบุจำนวนเงินที่เรียกเก็บด้วย แต่ขอไม่เปิดว่าจำนวนเท่าใด แต่บอกได้ว่าทำงาน 30 ปี ก็ไม่มีปัญญาจ่ายให้ เป็นหลักสิบล้านบาท ความสนิทสนมที่ทำให้เชื่อ เพราะเห็นจากภาพน้องคนที่ติดต่อมา มีการลงภาพในสังคมออนไลน์ว่า ไปกินข้าวกับที่ปรึกษาเลขารัฐมนตรี และในห้องทำงานส่วนตัว
หลังจากนั้น พอตนไม่จ่าย ช่วง ต.ค.65 ก็โดนขอหาฟอกเงิน รู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ที่ผ่านมาที่เงียบเพราะเกรงใจผู้ใหญ่ที่รู้จัก เกรงใจรัฐมนตรี กลัวว่าจะไปกระทบ เพราะรู้จัก โดยเตะบอลมาด้วยกัน แต่ตอนนี้หลังชนฝา เลือดเข้าตา ชีวิตพัง งานละครถูกยกเลิก ตนมีภาระผ่อนบ้านผ่อนรถ ตนถูกสังคมพิพากษาจากสังคม เชื่อว่ามีข้าราชการ ที่ประพฤติไม่โปร่งใส จึงต้องออกมาปกป้องตนเอง จึงเลือกจะไม่เงียบอีกต่อไป.-สำนักข่าวไทย