รวบ “ตั้ม เทียนทะเล” แก๊งคอลเซ็นเตอร์ลวงให้รัก แล้วหลอกร่วมลงทุน

กรุงเทพฯ 15 ก.พ.- ผบ.ตร.สั่งสืบนครบาลรวบ “ตั้ม เทียนทะเล” แก๊งคอลเซ็นเตอร์ลวงให้รัก แล้วหลอกร่วมลงทุน Forex ผ่านแอปฯ หาคู่ ผู้เสียหายหลายราย มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 3 ล้านบาท


ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ให้ปราบปรามกลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบซึ่งสร้างความเดือนร้อนให้ประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก โดยชุดลาดตระเวนออนไลน์ บก.สส.บช.น. สืบสวนทราบว่าเมื่อเดือนมกราคม 2565 ชุดปฏิบัติการ PCT 5 ช่วยเหลือผู้เสียหายซึ่งถูกหลอกไปทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เมืองสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา ต้องหาเงินไถ่ตัวกลับบ้านเป็นเงินจำนวน 100,000 บาท จึงขอความช่วยเหลือจาก พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ หน.ชุดปฏิบัติการ PCT ที่ 5 เข้าช่วยออกมาได้ และสืบสวนขยายผลจนทราบว่านายตั้ม เทียนทะเล หนึ่งในสมาชิกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทำหน้าที่ลวงให้รัก แล้วหลอกร่วมลงทุน Forex ผ่านแอปพลิเคชัน Tinder ผบ.ตร.จึงเร่งรัดสืบสวนจับกุมคนร้ายรายนี้ทั้งในและต่างประเทศ

เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2566 เวลาประมาณ 13.30 น. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง พร้อมกำลังตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 5 กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. ร่วมกันจับกุมตัวนายวิทวัฒน์ อายุ 35 ปี อยู่บ้านในซอยเทียนทะเล 7 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสระแก้ว ที่ จ.87/2565 ลงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันเป็นอั้งยี่, มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ” โดยจับกุมตัวได้ที่บริเวณกลางซอยรามคำแหง 54 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร


กล่าวคือช่วงเดือนมกราคม 2565 ชุดปฏิบัติการ PCT 5 ได้รับการประสานและช่วยเหลือผู้เสียหาย (ขอสงวนนาม) ว่าถูกหลอกไปทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เมืองสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา โดยได้รับการติดต่อให้ไปทำงานเป็นพนักงานบ่อนกาสิโน ในประเทศกัมพูชา จะได้รับเงินเดือน เดือนละ 20,000 บาท เข้าประเทศกัมพูชาผ่านช่องทางธรรมชาติ จากนั้นจะมีรถมารับ แต่เมื่อไปถึงแล้วกลับไม่เป็นไปตามข้อตกลง มิหนำซ้ำให้ไปทำงานร่วมขบวนการหลอกลวงคอลเซ็นเตอร์ โดยมีคนจีนเป็นหัวหน้าขบวนการ โดยให้ตนใช้แอปพลิเคชันทินเดอร์และลาซาด้า แสดงตนเป็นผู้หญิงเพื่อหลอกลวงคนไทยด้วยกัน จากนั้นเมื่อติดต่อกับเหยื่อที่เป็นคนไทยได้สักพัก ก็จะแนะนำให้ร่วมลงทุน โดยที่ตนไม่สมัครใจ และไม่อยากทำ และตนเองต้องการจะกลับบ้านที่ประเทศไทย แต่ไม่สามารถกลับได้ เนื่องจากหัวหน้าที่เป็นคนไทยชื่อนายปอ หนวดงาม หรือนายสุคนธนารักษ์ บอกว่าถ้าจะกลับประเทศไทยได้ต้องหาเงินมาไถ่ตัวจำนวน 100,000 บาท ผู้เสียหายไม่มีเงิน จึงติดต่อขอความช่วยเหลือจาก พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ หน.ชุดปฏิบัติการ PCT ที่ 5 กับพวก จึงรายงานให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ทราบพร้อมประสานทางการประเทศกัมพูชา ช่วยเหลือผู้เสียหายออกมาจากสถานที่ดังกล่าวได้

ต่อมาเมื่อผู้เสียหายเดินทางกลับมาถึงประเทศไทย ชุดสืบสวนจึงร่วมกันสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานส่งให้พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบจนสามารถเสนอพยานหลักฐานต่อศาลเพื่อพิจารณาออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการได้ทั้งหมด 26 ราย หนึ่งในนั้น คือ นายวิทวัฒน์ โดยการสืบสวนมีพยานหลักฐานที่เชื่อมโยงถึง/พิสูจน์ทราบได้ว่านานยวิทวัฒน์ ทำหน้าที่เป็นพนักงานในขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ คอยทำหน้าที่หลอกเหยื่อ ตลอดจนเมื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินชุดสืบสวนสามารถพิสูจน์ทราบได้ว่านายวิทวัฒน์ ได้รับเงินค่าจ้างการทำงานจากตัวการที่กระทำความผิดในขบวนการ

ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การว่า เดิมทีตนทำงานเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และการ์ดพาร์ทไทม์ตามบริษัท และตามสถานบันเทิงต่างๆ แต่เงินเดือนไม่พอใช้จ่าย ต่อมามีคนรู้จักชื่อบังมัท ชื่อไลน์ว่า “มาดาระ” มีหน้าที่จัดหางานต่างๆ แนะนำให้ทราบว่ามีงานเกี่ยวกับเว็บพนันออนไลน์ในฝั่งประเทศเพื่อนบ้านรายได้ดีให้ทำ หากสนใจจะแนะนำให้รู้จักคนที่จะพาไปทำ โดยบังมัท ให้ผู้ต้องหาแอดไลน์บุคคลชื่อต้าร์ หลังจากผู้ต้องหาติดต่อพูดคุยรายละเอียดเกี่ยวกับงานดังกล่าวกับต้าร์แล้ว ต้าร์แจ้งรายละเอียดว่า ขณะนั้นมีงานเป็นแอดมินเว็บพนันอยู่ที่ฝั่งกัมพูชา ทำหน้าที่คอย ถาม-ตอบ รับฝาก-ถอนเงิน ได้รับค่าจ้างเดือนละประมาณ 24,000 บาท มีที่พักและอาหารให้ฟรี ผู้ต้องหาจึงเกิดความสนใจและตกลงที่จะไปทำงานดังกล่าว โดยชายชื่อต้าร์แนะนำและให้เบอร์โทรศัพท์หญิงชื่อนุช เพื่อนัดวัน/เวลาที่จะเดินทางไปทำงานที่ประเทศกัมพูชา


ต่อมาเมื่อช่วงประมาณวันที่ 11 พฤศจิกายน 2564 หญิงชื่อนุช นัดหมายให้ผู้ต้องหา และคนอื่นๆ ที่จะไปทำงานดังกล่าว รวมทั้งหมด 7 คน เดินทางไปทำงาน โดยนัดหมายที่บริเวณสวนสาธารณะย่านถนนร่มเกล้า โดยมีรถตู้มารับเมื่อเดินทางถึงพื้นที่อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ผู้ต้องหาและกลุ่มพวกที่สนใจไปทำงานด้วยกันไปรอคนที่จะมารับไปทำงานอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่อรัญประเทศ จากนั้นวันเดียวกันมีรถเก๋งมารับและไปส่งยังชายแดน ก่อนที่ทั้ง 7 คนและคนนำทางจะพากันเดินทางเท้าผ่านเส้นทางธรรมชาติเพื่อเข้าไปยังประเทศกัมพูชา เมื่อผู้ต้องหาเดินทางต่อจนไปถึงโรงแรม จิงเฉิง เมืองสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา ผู้ต้องหาได้พบกับนายสุคนธนารักษ์ หรือปอ ซึ่งเป็นหัวหน้าคอยสั่งการ

ผู้ต้องหาได้รับโทรศัพท์มือถือไว้ทำงานจำนวน 2 เครื่อง เพื่อสร้างบัญชีแอปพลิเคชัน Tinder โดยได้รับการแนะนำให้สร้างโปรไฟล์เป็นผู้หญิงหน้าตาดี มีฐานะ เพื่อล่อผู้ชายคนไทยที่ทักแชทพูดคุยให้หลงรัก โดยในการพูดคุยของผู้ต้องหากับเหยื่อจะมีนายสุคนธนารักษ์ หรือปอ ซึ่งเป็นตัวการใหญ่ จะเป็นคนให้บทสคริปต์การแชทคุยสำหรับให้ผู้ต้องหาไว้ดูเป็นแนวทางในการพูดคุยกับเหยื่อ เมื่อแชทพูดคุยจนผู้ต้องหาเริ่มมีความสนิทสนมกับเหยื่อพอสมควร ผู้ต้องหาจะส่งรูปภาพการได้กำไรจากการลงทุนซื้อขายเงินตราต่างประเทศ ( Forex ) ให้ดู เมื่อเหยื่อหลงกลถามถึงรายละเอียดการลงทุนซื้อขายเงินตราต่างประเทศ (Forex) ตามแผนที่วางไว้ ผู้ต้องหาจะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับผลกำไรที่จะได้ให้ทราบ เพื่อหยั่งเชิงว่าเหยื่อจะมีความสนใจ หรือมีความโลภ มากน้อยแค่ไหน จากนั้น เมื่อเหยื่อสนใจผู้ต้องหาจะแนะนำให้ดาวโหลดแอปพลิเคชัน META TRADER5 เพื่อให้เหยื่อสมัครบัญชีทดลองเล่น โดยผู้ต้องหาจะให้เหยื่อเล่นตามที่ผู้ต้องหาแนะนำ เพื่อแสดงให้เหยื่อเห็นว่าเล่นแล้วสามารถได้กำไรและได้รับเงินจริง จนเหยื่อเกิดความมั่นใจ จึงจะแนะนำให้เหยื่อเปิดบัญชีสำหรับลงทุน พร้อมกับแนะนำให้เหยื่อรู้จักและติดต่อกับนักวิเคราะห์การลงทุนที่มีความเชี่ยวชาญ (ซึ่งเป็นคนร้ายไม้ที่สอง) ถือเป็นอันเสร็จสิ้นหน้าที่ของผู้ต้องหา

ผู้ต้องหาทำหน้าที่ดังกล่าวเป็นเวลาประมาณ 8 เดือน ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน 2564 ถึง กลางกรกฎาคม 2565 หาเหยื่อให้กับขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ลวงให้รักและหลอกให้ร่วมลงทุนดังกล่าวในส่วนของไม้แรกได้ประมาณ 12 ราย ในจำนวน 12 ราย ที่ผู้ต้องหาส่งต่อให้คนร้ายไม้สองเพื่อหลอกเหยื่อต่อ ปรากฏคนร้ายไม้สองสหลอกเหยื่อต่อจนสามารถหลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินสำเร็จ 4 ราย ความเสียหายต่อราย รายละประมาณ 700,000 ความเสียหายรวมกว่า 3,000,000 โดยในบรรดาเหยื่อที่มาตกหลุมรักกลลวงผู้ต้องหาไม้แรกส่วนใหญ่เป็นเจ้าของธุรกิจส่วนตัว พ่อค้า ข้าราชการ ตำรวจจึงได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.ตาพระยา ภ.จว.สระแก้ว เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวแจ้งเตือนภัยไปยังพี่น้องประชาชนว่า ในสังคมปัจจุบันมิจฉาชีพกลโกงมากมายขอให้ประชาชนได้โปรดใช้สติในการใช้ชีวิตในสังคม อย่างหลงเชื่อ อย่าเห็นแต่ผลประโยชน์ที่ไม่มีความแน่นอน หากไม่แน่ใจ หรือสงสัยว่าบุคคลที่เข้ามาเสนอผลประโยชน์ เสนอขาย หรือชักชวนลงทุนในด้านต่างๆ นั้นจะเป็นมิจฉาชีพหรือไม่ ให้แจ้งตำรวจเข้าตรวจสอบ หรือแจ้งเบาะแสการกระทำความผิด มายังเพจ “สืบสวนนครบาล IDMB” ได้ตลอด 24 ชม. แม้จะเป็นคดีที่มีความเสียหายไม่มาก แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนเดือดร้อน เราทำทันที.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สิ้นพระเอกดัง “ไพโรจน์ สังวริบุตร” จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี

3 มิ.ย.- วงการบันเทิงเศร้า… สิ้นพระเอกดัง “เอ๋” ไพโรจน์ สังวริบุตร นักแสดง-ผู้กำกับในตำนาน จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี แฟนคลับร่วมแสดงความอาลัย ข่าวเศร้าช็อกวงการบันเทิง เอ๋-ไพโรจน์ สังวริบุตร เสียชีวิตอย่างสงบ เมื่อเวลา 03.00 น. (3 มิ.ย.68) ที่จังหวัดนครราชสีมา สิริอายุได้ 72 ปี กำหนดสวดพระอภิธรรม ณ วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร สำหรับพิธีรดน้ำศพ จะมีขึ้นในวันที่ 4 มิถุนายน 2568 โดยข้อมูลจากเพจดาราภาพยนตร์ เผยการจากไปของพระเอกรุ่นใหญ่ สร้างความโศกเศร้าให้กับวงการบันเทิงไทยอย่างมาก หากเอ่ยถึงชื่อ “ไพโรจน์ สังวริบุตร” คนไทยหลายรุ่นคงต้องนึกถึงชายหนุ่มร่างโปร่ง ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม และแววตาทะเล้นที่ปรากฏอยู่บนจอเงินในบท “ตั้ม” จากภาพยนตร์ วัยอลวน อันโด่งดังในยุค 2510–2520 เขาคือพระเอกผู้ก้าวข้ามกาลเวลา จากภาพลักษณ์ของวัยรุ่นสุดแนวในวันนั้น สู่ผู้กำกับภาพยนตร์มากฝีมือในวันนี้ และยังคงยืนหยัดเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์วงการภาพยนตร์ไทย “ไพโรจน์ สังวริบุตร” เกิดเมื่อวันที่ 18 […]

Thai drone illegally enters Cambodian airspace, intercepted by Cambodian troops

กัมพูชาอ้างสกัดโดรนที่ส่งจากฝั่งไทย

พนมเปญ 3 มิ.ย.- สื่อกัมพูชารายงานว่า ทหารกัมพูชาสกัดอากาศยานไร้คนขับหรือโดรนที่อ้างว่าส่งจากฝั่งไทยเข้าไปสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์รายงานวันนี้ว่า กองทัพไทยยังคงละเมิดดินแดนของกัมพูชา โดยล่าสุดได้ส่งโดรนไปบินเหนือพื้นที่แนวหน้าโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา และถูกกำลังพลกัมพูชาสกัดไว้ได้ แขมร์ไทมส์อ้างรายงานจากชายแดนว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 2 มิถุนายน ทหารกัมพูชาที่ประจำการอยู่บริเวณแนวหน้าในจังหวัดพระวิหารสามารถสกัดโดรนลำหนึ่งที่เข้ามาในน่านฟ้ากัมพูชาเพื่อวัตถุประสงค์ในการสอดแนม ผลการประเมินเบื้องต้นชี้ว่า โดรนลำนี้ถูกส่งโดยกองทัพไทย เพื่อเก็บข้อมูลข่าวกรองเรื่องการประจำการและการเคลื่อนย้ายกำลังพลของกองทัพกัมพูชา.-814.-สำนักข่าวไทย

ล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้ากลางเมืองขอนแก่น ถอยหนีชนดะ

ขอนแก่น 3 มิ.ย. – ระทึก ผู้ต้องหาถอยรถหนี ชนจยย.สายตำรวจ ขณะล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้ากลางเมืองขอนแก่น ก่อนจนมุมรถไถลข้ามเลนพลิกตะแคง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพรถยนต์สีขาวจอดคุยกับชายคนหนึ่งที่ยืนริมถนนกสิกรทุ่งสร้าง หน้าตลาดจอมพล เขตเทศบาลนครขอนแก่น ทันใดนั้น รถคันดังกล่าวก็ถอยหลังอย่างรวดเร็ว พุ่งชนรถจักรยานยนต์ที่ขี่อยู่ด้านหลังล้ม 2 คัน และพยายามเร่งเครื่องหลบหนีจนไปชนกับรถคันอื่นอย่างแรง แล้วไถลข้ามเลนพลิกตะแคงอยู่ข้างทาง เมื่อเวลา 22.45 น. วานนี้ (2 มิ.ย.) คนขับปีนออกจากหน้าต่าง มีท่าทีขัดขืน แต่สุดท้ายก็ยอมออกมาจากรถ หลังจากนั้นตำรวจพาเดินข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม และมีชายอีกคนออกมาจากหน้าเป็นรายที่สอง ตำรวจจึงควบคุมตัวที่ข้างทาง ต่อมา รถกู้ชีพมาถึงที่เกิดเหตุและทำการปฐมพยาบาลทั้งชายสองคนและสายลับที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว เป็นเหตุขณะล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้า ภายในรถมีบุหรี่ไฟฟ้าวางอยู่ ก่อนจะคุมตัวขึ้นรถกระบะไป สภ.เมืองขอนแก่น พ.ต.อ.พรศักดิ์ งานดี ผู้กำกับการตำรวจสืบสวนจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า นายอนุพงษ์ อายุ 35 ปี เป็นคนขายบุหรี่ไฟฟ้า ส่วนนายณัฐพล อายุ 37 ปี เป็นคนขับรถยนต์คันที่เกิดเหตุ มีพฤติกรรมลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า ผ่านเฟซบุ๊กให้กับลูกค้าทั่วไปที่สั่งซื้อ จึงวางแผนล่อซื้อ […]

ทรงพระเจริญ

ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี ร่วมแปรอักษร แสดงพลังความจงรักภักดี

สงขลา 2 มิ.ย. – จังหวัดสงขลา จัดกิจกรรม “ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี” ประชาชนกว่า 5,000 คน ร่วมแปรอักษร “ทรงพระเจริญ คนสงขลารักพระราชินีฯ” แสดงพลังความจงรักภักดีอย่างยิ่งใหญ่ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2568 วันนี้ 2 มิถุนายน 2568 เวลา 16.30 น. ที่สนามกีฬาติณสูลานนท์ อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมด้วยนางปวีณ์ริศา เกิดสม ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดสงขลา นำคณะรองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ นักเรียน นักศึกษา และประชาชนชาวสงขลากว่า 5,000 คน ร่วมกิจกรรม “ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี” เพื่อแสดงความจงรักภักดีและเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ย้ำรัฐบาลยึดหลักอธิปไตย-ประโยชน์สูงสุดของประเทศ

กรุงเทพฯ 4 มิ.ย. – นายกฯ ย้ำรัฐบาลไม่นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยืนยันหลักอธิปไตยและประโยชน์สูงสุดของประเทศ วันนี้ (4 มิ.ย.68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์เรื่องสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา รัฐบาลยืนยันหลักอธิปไตยและประโยชน์สูงสุดของประเทศ “ดิฉันขอย้ำอีกครั้งว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และได้บูรณาการการทำงานอย่างใกล้ชิดระหว่างกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานความมั่นคง เพื่อประเมินสถานการณ์อย่างรอบด้าน” นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า เรารวบรวมข้อมูลจากทั้งเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ภาพแผนที่จากเทคโนโลยีและการวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ ตลอดจนพิจารณาอย่างเคร่งครัดภายใต้หลักกฎหมายระหว่างประเทศ โดยมีเป้าหมายคือการปกป้องอธิปไตยของชาติและผลประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ หากมีความคืบหน้า รัฐบาลจะมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดเป็นระยะ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและรอบด้านต่อไป.-314-สำนักข่าวไทย

ม็อบรถบัส 2 ชั้น ขู่บุกกรุง ค้านคำสั่งห้ามใช้เส้นทางเขาพับผ้า

ตรัง 4 มิ.ย. – ม็อบรถบัส 2 ชั้น ชุมนุมคัดค้านคำสั่งห้ามใช้เส้นทางเขาพับผ้า อ้างไม่ชอบ กม.-เส้นทางไม่เข้าหลักเกณฑ์กำหนด ขู่เคลื่อนขบวนพันคันบุกกรุง หากไม่ได้รับแก้ไข บริเวณอันดามันเกตเวย์ บนเส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 เขาพับผ้า เครือข่ายผู้ประกอบการรถบัส 2 ชั้น ในนามสมาคมรถโดยสารสองชั้นไทย กว่า 100 คัน พร้อมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว ราว 200 คน ชุมนุมคัดค้านคำสั่ง กรมการขนส่งทางบกที่ห้ามรถบัส 2 ชั้นใช้เส้นทาง 7 แห่งทั่วประเทศ การชุมนุมครั้งนี้ เป็นการรวมตัวของผู้ประกอบการจากทั้งภาคใต้ ภาคกลาง และภาคตะวันออก เพื่อประท้วงคำสั่งที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย.68 สำหรับรถทัวร์ และวันที่ 1 มิ.ย.68 สำหรับรถประจำทาง โดยชูป้ายข้อความต่างๆ รวมถึงการเรียกร้องให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมและอธิบดีกรมการขนส่งทางบกลาออกจากตำแหน่ง นายสุริยะ แกล้วทนงค์ นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารสองชั้นไทย เปิดเผยว่า การสำรวจเส้นทางเขาพับผ้า พบว่าไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่ต้องประกาศห้าม เนื่องจากมีความลาดชัน 8% […]

หัวโจกปล้นบุหรี่ไฟฟ้า กลับลำ ยันไม่มีคนในชี้เป้า

กทม. 4 มิ.ย. – คุมตัว “แบงค์” หัวโจกปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลางกรมศุลฯ ทำแผน เจ้าตัวกลับลำอ้างลงมือครั้งแรก ไม่มีใครชี้เป้า ปัดเจตนาชน รปภ.ดับ กลางดึกที่ผ่านมาตำรวจ สน.ท่าเรือ พร้อมชุดปฏิบัติการพิเศษ กว่า 20 นาย ควบคุม 5 ผู้ต้องหาแก๊งปล้นบุหรี่ไฟฟ้า ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ บริเวณ ตู้คอนเทนเนอร์ ในโกดังสเตเตียม ถนนท่าเรือ 1 เขตคลองเตย จากนั้นในช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 คนไปฝากขังผัดแรกที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ส่วนนายแบงค์ หัวโจก พนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพอย่างเงียบๆ เพราะเกรงว่านายแบงค์จะถูกญาติ รภป. ผู้เสียชีวิต รุมประชาทัณฑ์ ภายหลังจากทำแผนประกอบคำรับสารภาพเสร็จสิ้นแล้ว พนักงานสอบสวนได้คุมตัวนายแบงค์กลับมา คุมขังที่ สน.ท่าเรือ เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม ผู้สื่อข่าวได้พยายามซักถามว่านายแบงค์ก่อเหตุมาแล้วกี่ครั้ง นายแบงค์ อ้างว่าก่อเหตุขโมยบุหรี่ไฟฟ้ามาเพียงครั้งเดียว ส่วนนำไปขายใครนั้น นายแบงค์ไม่ตอบ และยืนยันว่าการก่อเหตุนี้ ไม่มีคนในมาชี้เป้า เพราะบริเวณนั้นใครก็รู้ว่าเป็นพื้นที่เก็บสินค้าที่ต้องการทำลาย พร้อมยกมือไหว้ขอโทษครอบครัว รปภ.ที่เสียชีวิต และยอมรับว่าตนเองไม่ได้ตั้งใจถอยรถชน […]

“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่ชายแดนติดตามสถานการณ์ไทย-กัมพูชา

อุบลราชธานี 4 มิ.ย. – “ภูมิธรรม” ลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ย้ำกองทัพไม่ขัดแย้งรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ลงพื้นที่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เพื่อติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเกิดกรณีการปะทะกันที่ช่องบก โดยระบุว่า การมาครั้งนี้ตั้งใจมาให้กำลังใจกำลังพลที่อยู่แนวหน้า ซึ่งกำลังเตรียมความพร้อมในการดูแลและป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้น รวมถึงดูพื้นที่จริง ซึ่งเบื้องต้นพบว่า ข่าวทหารกัมพูชาวางกับระเบิดเป็นของเก่า เวลานี้เรากำลังใช้ทางออกที่โลกอยากเห็น และเรายังไม่ได้เสียอธิปไตยตรงไหนไป สิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละจุด เราอยากให้มันค่อยๆ คลายไป เรากำลังใช้มาตรการทางการทูตเชิงรุก เริ่มต้นจากเล็กไปหาใหญ่ และมาตรการต่างๆ ที่จะมีเพิ่มขึ้น เราตกลงกันแล้วว่า จะคุยด้วยกันตลอด ไม่ได้มีปัญหาอะไร มันไม่ได้ถึงขั้นนั้น เพราะยังไม่มีอะไร เราคำนึงถึงชีวิตของพี่น้องประชาชนตามแนวชายแดน เราจะใช้กระบวนการสันติวิธีให้ถึงที่สุด ถ้ามีอะไรเกินเลย ฝ่ายที่อยู่แนวหน้าจะต้องแจ้งเรา ซึ่งจะดำเนินการโดยทันทีทันใด ยืนยันกองทัพกับฝ่ายการเมืองไม่มีปัญหากัน .-สำนักข่าวไทย