กรุงเทพฯ 14 ก.พ.- DSI สรุปสำนวนคดีสหกรณ์ออมทรัพย์จุฬาฯ สั่งฟ้องผู้ต้องหาเป็นอดีตผู้บริหารสหกรณ์ฯ 1 ราย ฐานยักยอกทรัพย์ ส่งอัยการคดีพิเศษ หลังอัยการยื่นฟ้องผู้บริหารสหกรณ์ฯ อีกชุดหนึ่ง พร้อมพวก ไปแล้วเมื่อ ส.ค.65
กรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินทางอาญา ส่งสำนวนมีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาในคดีพิเศษที่ 40/2564 กรณีทุจริตในสหกรณ์ออมทรัพย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จำกัด จำนวน 1 ราย ในความผิดฐานยักยอกทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352, 353 และ 354
โดยจากการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานพบว่า ผู้ต้องหาซึ่งเป็นอดีตผู้บริหารสหกรณ์ออมทรัพย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จำกัด ชุดที่ 53 อนุมัตินำเงินไปฝาก/ให้กู้แก่ 3 สหกรณ์ ได้แก่ สหกรณ์เครดิตยูเนียนมงคลเศรษฐี จำกัด, สหกรณ์เคหสถานนพเก้ารวมใจ จำกัด และสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น จำกัด ซึ่งผู้ต้องหาได้กระทำโดยอาศัยที่ตนมีอำนาจหน้าที่ โดยการครอบครองทรัพย์ซึ่งเป็นของผู้อื่น หรือซึ่งผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยเบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือบุคคลที่สามโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352 และยักยอกทรัพย์สินที่ได้รับมอบหมายให้จัดการทรัพย์สินของผู้อื่น หรือทรัพย์สินซึ่งผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย กระทำผิดหน้าที่ของตนด้วยประการใดๆ โดยทุจริต จนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินของผู้นั้น ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 353 และได้กระทำในฐานเป็นผู้มีอาชีพหรือธุรกิจอันย่อมเป็นที่ไว้วางใจของประชาชน จึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 354 อีกด้วย มูลค่าความเสียหายกว่า 1,400 ล้านบาท ทางคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ส่งสำนวนคดีพิเศษพร้อมตัวผู้ต้องหาไปยังพนักงานอัยการ เมื่อวันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา เพื่อพิจารณาตามกฎหมายต่อไป
พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า ในคดีพิเศษที่ 40/2564 นี้ เป็นคดีที่มีความเกี่ยวเนื่องเกี่ยวพันกันกับคดีพิเศษที่ 25/2564 ซึ่งทางสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 ยื่นฟ้องอดีตผู้บริหารสหกรณ์ออมทรัพย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จำกัด ชุดที่ 52 กับพวกไปแล้ว เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2565 โดยศาลอาญาได้รับเป็นคดีหมายเลขดำที่ อ.2176/2565 เฉพาะที่นำเงินไปฝากที่สหกรณ์เคหสถานนพเก้ารวมใจ เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2555 จำนวน 100 ล้านบาท จำนวน 7 กรรม ในความผิดฐานยักยอกทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352, 353 และ 354 โดยอนุมัติให้ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินทางอาญาดำเนินการในคดีเกี่ยวเนื่องเกี่ยวพันในความผิดฐานฟอกเงิน ซึ่งคาดว่าจะมีผู้กระทำความผิดและมูลค่าความเสียหายจำนวน.-สำนักข่าวไทย