6 ก.พ. – ศาลอาญา นัดไต่สวนมูลฟ้องในคคี “ชูวิทย์” ยื่นฟ้อง “สันธนะ” ข้อหา “หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา” พร้อมทั้งเรียกค่าเสียหาย 100 ล้านบาท “ชูวิทย์” ขอพึ่งความยุติธรรมจากทนายความและศาลพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ด้าน “สันธนะ” มาพร้อมเอกสาร 111 แผ่น ลั่นไม่มีหลักฐานไม่พูด พร้อมสู้คดี
เมื่อเวลาประมาณ 13.00 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เดินทางมายังศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พร้อมด้วยนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ เพื่อฟังการพิจารณาไต่สวนมูลฟ้อง กรณีที่บริษัท ต้นตระกูล จำกัด โดยนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เป็นผู้รับมอบอำนาจ ยื่นฟ้องนายสันธนะ ประยูรรัตน์ ในข้อหาแจ้งความเท็จเกี่ยวกับความผิดทางอาญาฯ หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และละเมิด
ทนายอนันต์ชัย กล่าวว่า วันนี้ศาลอาญานัดไต่สวนมูลฟ้องจากกรณีที่นายสันธนะ ประยูรรัตน์ ได้ไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ กล่าวหาว่ามีคลิปวิดิโอในห้องน้ำของโรงแรมเดวิด และกล่าวอ้างว่า มีคนเข้าไปมั่วสุมยาเสพติด อีกทั้งยังปรากฏว่า นายสันธนะ ได้ให้สัมภาษณ์และนำเสนอข่าวกล่าวหาว่าร้ายโรงแรมเดวิดของนายชูวิทย์ ว่าเป็นแหล่งมั่วสุมยาเสพติด ทำให้เกิดความเสียหายแก่โรงแรมของนายชูวิทย์อย่างมาก ทั้งที่เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานลงตรวจสอบโรงแรมก็ไม่พบยาเสพติดและได้เรียกคนในคลิปมาตรวจปัสสาวะแล้วก็ไม่พบว่ามีสีม่วงแต่อย่างใด
วันนี้จึงเป็นการนัดไต่สวนมูลฟ้องก่อน ซึ่งมั่นใจในพยานหลักฐานที่มีอย่างครบถ้วนว่าจะเพียงพอทำให้ศาลประทับรับฟ้องได้ โดยคดีที่ฟ้องนั้นเป็นคดีหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาพ่วงกับคดีละเมิด ซึ่งถือว่าเป็นคดีอาญาที่มีความเกี่ยวเนื่องกับคดีแพ่ง โดยถ้าหากศาลประทับรับฟ้องคดีอาญา ก็จะพ่วงมากับการเรียกร้องค่าเสียหายตามคดีแพ่งในมูลฐานละเมิดต่อไปตามกระบวนการ จึงยังตอบไม่ได้ว่าคิดมูลค่าความเสียหายเท่าไหร่ ต้องรอศาลไต่สวนประทับรับฟ้องอาญาเสียก่อน
ด้านนายชูวิทย์ กล่าวว่า วันนี้ตนไม่มีอะไรจะกล่าวมาก ขออาศัยพึ่งพิงความยุติธรรมจากทนายความและศาล หวังว่าจะบังเกิดความยุติธรรมแก่ตนและจะช่วยสังคมพิสูจน์ว่า นายสันธนะเป็นใคร มีสถานะอะไรถึงมาร้องให้ตรวจสอบและกลั่นแกล้งคนอื่นได้ ตำรวจก็ไม่ใช่ ถ้าตนไม่ทำเช่นนี้ คนอื่นก็อาจจะถูกกลั่นแกล้งด้วยกระบวนการเช่นนี้อีก
เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่า วันนี้จะต้องเผชิญหน้ากับนายสันธนะ รู้สึกยังไง นายชูวิทย์ กล่าวว่า มือไม้มันสั่นไปหมด ขาก็สั่นด้วย ขนาดอยู่ในศาลแล้วนะ พร้อมกล่าวทิ้งท้ายว่า บุญคุณต้องทดแทน แค้นต้องชำระ ก่อนจะเดินขึ้นศาลไป
ต่อมา ห่างกันเพียงไม่นาน นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตรองผู้กำกับการสันติบาล ได้เดินทางมาถึงศาลอาญารัชดา และเปิดเผยว่าคดีนี้ตัวเองจำเป็นต้องเข้ามาร่วมฟัง ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ยื่นพยานหลักฐานไปแล้วจำนวน 35 แผ่น ซึ่งตัวเองมองว่าไม่เพียงพอ จึงดำเนินการนำเอกสารมาเพิ่มเติมอีกจำนวน 111 แผ่น เพื่อจะประกอบการสืบพยานในครั้งนี้ นอกจากนนี้ยังมีภาพ คลิปหลักฐานที่ตัวเองนำมาเพื่อเป็นหลักฐานเพิ่มเติม เชื่อว่าจะสามารถใช้ในกระบวนการยุติธรรมได้ ซึ่งตัวเองมองว่ากลุ่มคนเหล่านี้ใช้สื่อในการโจมตีตัวเอง รวมถึงใช้ช่องโหว่ของกฎหมายเพื่อดิสเครดิตบุคคลอื่น และวันนี้ตัวเองก็จะขออนุญาตศาลชี้แจงในเรื่องราวที่โดนกล่าวหาทั้งหมด รวมถึงอธิบายพยานหลักฐานที่ได้มาให้ชัดเจน รวมถึงที่ตนถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มทุนจีนสีเทา ซึ่งวันนี้ตนก็จะพูดให้หมด พร้อมทั้งบอกว่าตนทำงานอาชีพตำรวจมา 22 ปี ออกมาทำธุรกิจส่วนตัวอีกกว่า 20 ปี รู้ที่มาที่ไปของแหล่งข่าวของนายชูวิทย์ ที่จริงก็มาจากเจ้าหน้าที่รัฐทั้งสิ้น ส่วนที่นายชูวิทย์ แจ้งความตนทั้ง 2 คดีนั้น นายสันธนะ กล่าวว่า หากไม่มีพยานหลักฐานจะนำมาเสนอทำไม หากชูวิทย์มั่นใจก็ให้ตอบและอธิบายสิ่งที่ตนเสนอไปให้ได้
นายสันธนะ บอกด้วยว่า เมื่อกี้นี้เห็นว่านายชูวิทย์มาเจอมือสั่นเท้าสั่นตะคริวกินขา ก็เพราะมีตนนี้แหละเป็นคนตำหนิติเตือนไป เห็นมาวันนี้ก็มือเท้าสั่น อยากจะรู้ว่าลงมาจากศาลวันนี้จะสั่นอีกไหม ยืนยันว่าไม่กลัวใครทั้งนั้นนอกจากลูกปืน
นายสันธนะ ยังกล่าวอีกว่า ชูวิทย์ที่อยู่ได้ถึงทุกวันนี้เพราะมีลูกพี่ดี และยืนยันอีกครั้งว่าคดีนี้ตนไม่ได้กลั่นแกล้งใคร ยิ่งเรื่องนายชูวิทย์ หากไม่ผิดตนจะไปกลั่นแกล้งทำไม ถึงแม้จะมีอคติในตัวก็ตามแต่ก็แยกแยะออกหมด
อย่างไรก็ตาม หลังจากนนี้นายสันธนะวางแผนว่าจะเข้าสู่เส้นทางการเมืองเพราะที่ผ่านมาตนเห็นอะไรหลายๆ อย่างที่แก้ไขไม่ได้ จึงพร้อมจะลงไปช่วยผู้สมัคร ส.ส.พรรคหนึ่งเป็นพรรคที่อยู่ในใจเพื่อให้ชนะการเลือกตั้ง เพื่อสามารถตั้งรัฐบาล เมื่อถึงวันนั้นตนจะขอเข้ามากำกับดูแลกระบวนการยุติธรรมจะเป็นในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือกระทรวงยุติธรรมตัวเองมั่นใจในความสามารถและประสบการณ์ในการทำงานว่าจะสามารถช่วยเหลือได้. -สำนักข่าวไทย