กรุงเทพฯ 4 ก.พ. – ตำรวจ ปอศ. รวบผู้ช่วยผู้จัดการธนาคาร อาศัยความสนิทสนมและความไว้ใจของลูกค้า แอบถอนเงินยายวัย 80 ปี จำนวน 2 ล้านบาท
ตำรวจกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ร่วมกันจับกุมนายพรชัย อายุ 52 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรี ที่ 104/2566 ลงวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2566 ในความผิดฐาน “ลักทรัพย์ที่เป็นของนายจ้างหรือที่อยู่ในความครอบครองของนายจ้าง และเป็นพนักงานของสถาบันการเงิน กระทำการหรือไม่กระทำการเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย เพื่อตนเองหรือผู้อื่น อันเป็นการเสียหายแก่สถาบันการเงิน” พร้อมตรวจสอบทรัพย์สินอีกหลายรายการ ได้แก่ รถยนต์ BMW 2 คัน, เอกสารข้อตกลง, สุมดบัญชีธนาคาร 2 ธนาคาร รวม 8 เล่ม, เอกสารต่างๆ และโทรศัพท์มือถือ
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2566 มีตัวแทนของทางธนาคารแห่งหนึ่งเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. กรณีนางกมล อายุ 80 ปี ซึ่งเป็นลูกค้าของธนาคาร ตรวจพบว่าเงินในบัญชีหายไป 2 ล้านบาท
จากการสืบสวนทราบว่าเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2565 นางกมลได้เดินทางไปที่ธนาคารย่านถนนประชาอุทิศ เพื่อเปิดบัญชีออมทรัพย์ พร้อมทั้งสมัครบัตรเดบิต และถอนเงินจากบัญชีเดิม เพื่อโอนเข้าบัญชีที่เปิดใหม่ และโอนไปบัญชีของลูกชาย โดยขณะทำธุรกรรม นายพรชัย ผู้ต้องหา ซึ่งเป็นพนักงานธนาคาร ทำหน้าที่ผู้ช่วยผู้จัดการ คอยให้บริการลูกค้า ได้เข้ามาดูแลและช่วยทำธุรกรรมให้นางกมล โดยนำเอกสารมาให้นางกมลเซ็นชื่อ 2 ฉบับ ซึ่งผู้ต้องหาแอบสอดแทรกใบคำขอถอนเงินเขียนยอดเงินจำนวน 2 ล้านบาท มาให้นางกมลเซ็นชื่อด้วย จากนั้นได้ถอนเงิน 2 ล้านบาท ออกจากบัญชีของนางกมล ก่อนจะนำสมุดบัญชี พร้อมบัตรเดบิต มามอบให้นางกมล
ต่อมานางกมลตรวจพบว่าเงินในบัญชีของตนหายไป 2 ล้านบาท จึงร้องเรียนกับทางธนาคารว่าตนไม่เคยถอนเงินสดยอดดังกล่าว พนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. ได้รวบรวมพยานขออนุมัติหมายจับนายพรชัย ในความผิดฐานดังกล่าว อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 (11) และพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน มาตรา 147 ประกอบมาตรา 145
กระทั่งวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566 ตำรวจจึงนำหมายค้นเข้าตรวจค้นและจับกุมนายพรชัย ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย จากการสอบถามนายพรชัย ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
พ.ต.อ.เมฆพิศาล ศรีภิรมย์ ผกก.5 บก.ปอศ. กล่าวว่า คดีนี้ผู้ก่อเหตุมีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้จัดการธนาคาร อาศัยความสนิทสนมและความไว้ใจของลูกค้าฉวยโอกาสก่อเหตุ แม้ว่าในชั้นจับกุมผู้ต้องหาจะให้การปฏิเสธ แต่จากการสืบสวนสอบสวนพบว่ามีพยานหลักฐานชัดเจน ประกอบกับคดีนี้เป็นความผิดที่มีอัตราโทษสูง และเป็นความผิดมูลฐานฟอกเงิน จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบทรัพย์สินต้องสงสัยจำนวนหลายรายการ น่าเชื่อว่าผู้ต้องหาอาจจะเคยก่อเหตุในลักษณะนี้มาก่อนหลายครั้ง ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนขยายผลดำเนินคดีให้ถึงที่สุด.-สำนักข่าวไทย