กรุงเทพฯ 25 ม.ค.- บ่าวสาวสุดช้ำ ร้องตำรวจไซเบอร์ ตามจับออร์แกไนซ์ชื่อดัง หลอกเชิดเงิดมัดจำ-เทงานแต่งงาน สูญเงินตั้งแต่ 80,000-100,000 บาท แจ้งความท้องที่แล้วไม่มีความคืบหน้า
เมื่อเวลา 14.00 น. ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ พาตัวแทนผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์กับ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผู้บังคับการกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 (ผบก.สอท.1) หรือ ตร.ไซเบอร์ หลังถูกเพจเฟซบุ๊กรับจัดงานแต่งเพจหนึ่ง หลอกให้โอนเงินมัดจำ แล้วเชิดเงินหนี ไม่มีการจัดงานแต่งงานแต่อย่างใด อาจเข้าข่ายความผิดฉ้อโกงประชาชน
ตัวแทนกลุ่มผู้เสียหายเล่าว่า เมื่อกลางปีที่แล้ว วางแผนจัดงานแต่งในพื้นที่สมุทรปราการและนครสววรค์ โดยมีการหาข้อมูลทาง Google และเพจ Facebook เพื่อหาออร์แกไนซ์มาช่วยจัดงาน ดูแลเรื่องอาหารสถานที่ โดยพบเพจดังกล่าวมีการรีวิวการจัดงานในหลายๆ กลุ่มในเฟซบุ๊ก จนดูน่าชื่อถือ จึงแชทติดต่อสอบถามถึงรายละเอียด เห็นว่าราคาไม่ถูกและไม่แพงจนเกินไป มีการพาไปดูสถานที่จัดงาน และให้ทดลองชิมอาหาร จึงหลงเชื่อจ่ายมัดจำค่าจัดงานจำนวน 50% ตั้งแต่ 80,000-100,000 บาท นอกจากนี้ ทางกลุ่มผู้ต้องหายังมีความพยายามเร่งรัดขอเงินมัดจำจัดงานในส่วนอื่นๆ ที่ยังค้างอยู่อย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อตรวจสอบเรื่องสถานที่การจัดงานและวงดนตรี ปรากฏว่าไม่มีการจอง จึงเอะใจ ขอยกเลิกและขอคืนค่ามัดจำ แต่ทางเพจพยายามประวิงเวลา ขอความเห็นใจ เลื่อนการจ่ายมัดจำคืนไปเรื่อยๆ ต่อมามีข่าวออกทางสื่อมีผู้เสียหายชื่อ “เจ๊มิ้งโคตรยำบางบ่อ” หรือ น.ส.พรทิวา ถูกเพจดังกล่าวเทงานเหมือนกัน จากนั้นมีการปิดเพจหนีเมื่อเดือนธันวาคม 65 จึงรวบรวมพยานหลักฐาน รวมทั้งชื่อผู้รับโอนเงิน แจ้งความท้องที่เกิดเหตุ แต่ปรากฏไม่มีความคืบหน้า จึงประสานทนายไพศาล ช่วยเหลือทางคดี เบื้องต้นทราบว่าเพจดังกล่าวมีการหลอกผู้เสียหายจำนวนมาก
ด้านทนายไพศาล บอกว่า กลุ่มมิจฉาชีพที่มีพฤติกรรมหลอกจัดงานแต่งงานมีจำนวนมาก จากไม่กี่คน ขณะนี้มีหลายกลุ่มมิจฉาชีพ ก่อเหตุซ้ำซาก หลอกลวง ฉ้อโกง ในหลายช่องทางออนไลน์ ส่วนตัวเชื่อว่ามีบ่าวสาวไม่ต่ำกว่า 1,000 คู่ ตกเป็นผู้เสียหาย สูญเงินหลายสิบล้านบาท เมื่อมาแจ้งความคดีไม่มีความคืบหน้า ตำรวจไม่เคยจับกุมผู้ต้องหาได้ ทั้งมีพฤติกรรมท้าทายกฎหมาย อำนาจรัฐ จึงมาขอความช่วยเหลือขอให้ตำรวจไซเบอร์เร่งสืบสวนจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดี
ด้าน พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ ได้รับเรื่องไว้ พร้อมจะเร่งประสานข้อมูลกับท้องที่เกิดเหตุ ในการสืบสวนติดตามจับกุมกลุ่มมิจฉาชีพและเครือข่ายมาดำเนินคดี ซึ่งทราบว่ามีคดีในลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นทั่วประเทศจำนวนมาก.-สำนักข่าวไทย