รวบ “นัท สามโคก” โพสต์หลอกขายอะไหล่รถ-เคยถูกจับ แต่ตัดกำไล EM หนี

กรุงเทพฯ 25 ม.ค.- สืบสวนนครบาลรวบ “นัท สามโคก” โพสต์หลอกขายอะไหล่รถยนต์ในเฟซบุ๊ก พบประวัติเคยถูกจับแล้วในคดีฉ้อโกงประชาชน แต่ตัดกำไล EM หลบหนีช่วงประกันตัว มาก่อเหตุซ้ำอีกเพียบ


ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ให้ปราบปรามกลุ่มองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบที่สร้างความเดือนร้อนให้ประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก ชุดลาดตระเวนออนไลน์ บก.สส.บช.น. สืบสวนจับกุมนายกิจติชัย หรือนัท สามโคก บุคคลมีพฤติการณ์สร้างเฟซบุ๊กเข้าไปโพสต์หลอกขายสินค้าจำพวกอะไหล่รถยนต์ในกลุ่มเฟซบุ๊กต่างๆ สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนอย่างมากเ ช่นเดียวกับนายนิว สามโคกพี่ชาย (ถูก บก.สส.บช.น.จับกุมเมื่อเดือนมกราคม 2566)

โดยจากการตรวจสอบประวัติคดีของนายนัท ในฐานข้อมูลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวนออนไลน์พบว่าเป็นบุคคลที่หากปล่อยให้อยู่ในสังคมต่อไป เชื่อว่าจะเป็นอันตรายต่อประชาชนเนื่องจากนายนัท เคยถูกจับกุมในคดีความผิดเกี่ยวกับฉ้อโกงประชาชน ท้องที่ สภ.ศรีเทพ ภ.จว.เพชรบูรณ์ แต่ได้รับการประกันตัวในชั้นศาลและติดกำไล EM แต่ได้ทำการตัดสายกำไล EM เพื่อหลบหนีช่วงประกันตัว โดยย้ายที่อยู่และยังไม่เลิกพฤติกรรม กลับไปก่อเหตุสร้างเฟซบุ๊กเข้าไปหลอกขายอะไหล่รถยนต์มือสอง สร้างความเดือดร้อนให้แก่พี่น้องประชาชน เป็นบุคคลที่มีพฤติการณ์กระทำความผิดซ้ำซาก ไม่เข็ดหลาบ ถือเป็นภัยบนโลกออนไลน์ต่อสังคมและประชาชนรายสำคัญ


เมื่อวันที่ 24 มกราคม พ.ศ.2565 เวลาประมาณ 16.00 น. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 5 กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. สืบสวนติดตามจับกุมตัวนัท สามโคก ได้ตามหมายจับศาลจังหวัดลพบุรี ที่ 52/2565 ลงวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ.2565 ในข้อกล่าวหา “โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมหรือไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน , ฉ้อโกงและเป็นการฉ้อโกงประชาชน” โดยจับกุมได้บริเวณหน้าหอพักในซอยสุขี 1/13 ตำบลบางพูน อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี

ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตามข้อกล่าวหาตามหมายจับ พร้อมให้ข้อมูลว่าเดิมทีตนเคยทำงานเป็นพนักงานขายอะไหล่รถยนต์ของร้านจำหน่ายอะไหล่รถยนต์แห่งหนึ่งภายในตลาดพูนทรัพย์ย่านปทุมธานี ซึ่งทางร้านมีการโพสต์จำหน่ายสินค้าให้แก่ลูกค้าผ่านทางออนไลน์ ตนจึงเรียนรู้วิธีการขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ต่อมาช่วงประมาณปี 2562 ตนเองเริ่มติดเล่นเสียพนันออนไลน์ จึงคิดที่จะหาเงินทางลัด จึงเริ่มสร้างเฟซบุ๊กเข้าไปโพสต์หลอกขายอะไหล่รถยนต์ในกลุ่มเฟซบุ๊กต่างๆ จนกระทั่งกลุ่มผู้เสียหายมีการตั้งไลน์กลุ่มขึ้นมาเพื่อตามล่าตัวผู้ก่อเหตุ ซึ่งในครั้งนั้นพบว่ามีผู้เสียหายจำนวนมากถึง 49 คน และมีการแจ้งความร้องทุกข์ไว้ตามท้องที่ต่างๆ ทั้งในเขตนครบาล และต่างจังหวัดเกือบทุกภาค

จนต่อมาช่วงเดือนมิถุนายน 2563 จึงถูกจับกุมในท้องที่ สภ.สามโคก นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ศรีเทพ ภ.จว.เพชรบูรณ์ และได้รับการประกันตัวในชั้นศาล โดยศาลให้ติดกำไล EM ขณะประกันตัว แต่เนื่องจากตัวนายกิจติชัย กลัวการติดคุก และมั่นใจว่าจะสามารถหลบหนีตำรวจได้ จึงตัดสายกำไล EM เพื่อหลบหนี รวมทั้งย้ายที่อยู่ และกลับไปก่อเหตุโพสต์เฟซบุ๊กหลอกขายอะไหล่รถยนต์มือสองในกลุ่มเฟซบุ๊กต่างๆ รวมกว่า 50 กลุ่ม อย่างต่อเนื่องอีกเช่นเคย


ผู้ต้องหารับว่า ณ ปัจจุบันใช้บัญชีเฟซบุ๊กในการก่อเหตุ 3 บัญชี คือ (1) ชื่อบัญชี “อารีฤทธิ์ ฤทธิ์วิวัฒนาคุณ” (2) ชื่อบัญชี “ พรเทพ แซ่ลิ้ม ” (3) ชื่อบัญชี “ Tammasaksit Sitti Arnugun” โดยรับว่าใช้บัญชีธนาคารสำหรับรองรับเงินที่หลอกได้จากผู้เสียหายประกอบด้วย 1) QR code พร้อมเพย์ จากแอปพลิเคชั่นเป๋าตังเพย์ หมายเลข 006 66000039 4976 ชื่อบัญชีกิจติชัย เข็มทอง ผูกกับเบอร์โทรศัพท์หมายเลข 0809068044 2) บัญชีธนาคารเกียรตินาคินภัทร เลขที่ 2008153926 ชื่อบัญชีณัฐพงศ์ ทิพย์เจริญ 3) บัญชีธนาคารกสิกรไทย เลขที่ 1361228770 ชื่อบัญชีจารุเดช เดชป้อง 4) บัญชีธนาคารกสิกรไทย เลขที่ 1181420827 ชื่อบัญชีจารุเดช เดชป้อง

จากการก่อเหตุตั้งแต่ปี 2562 ถึงปัจจุบัน ผู้ต้องหารับว่าได้เงินจากการก่อเหตุมากกว่า 2,500,000 บาท เงินที่ได้ส่วนใหญ่นำไปใช่เล่นพนันออนไลน์ เที่ยวเตร่ ตลอดจนเช่าที่พักเพื่อหลบหนีจากถูกจับกุมจากตำรวจและเจ้าหน้าที่ตำรวจศาล

เมื่อตรวจสอบประวัติการกระทำความผิดของผู้ต้องหาในฐานข้อมูลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่าผู้ต้องหาเคยถูกดำเนินคดีรวมทั้งหมด ทั้งที่เคยถูกจับกุมได้ และยังต้องการตัวเพื่อดำเนินคดี รวม 8 คดี ประกอบด้วย

  • คดีที่ 1 ปี 2562 ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ตัวการในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ” ท้องที่ สภ.สามโคก สถานะแจ้งข้อกล่าวหา/ไม่ควบคุมตัว
  • คดีที่ 2 ปี 2563 ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกง” ท้องที่ สภ.เมืองกาญจนบุรี สถานะควบคุมตัว/ถอนหมายจับ
  • คดีที่ 3 ปี 2563 ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ตัวการในข้อหาฉ้อโกง,ตัวการในข้อหา นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมฯ” ท้องที่ สภ.สามโคก สถานะควบคุมตัว/ถอนหมายจับ
  • คดีที่ 4 ปี 2564 ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ ฉ้อโกง ” ท้องที่ สภ.รัตนาธิเบศร์ สถานะควบคุมตัว/ถอนหมายจับ
  • คดีที่ 5 ปี 2564 ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ ตัวการในข้อหาผู้ใดกระทำความผิดโดยการ นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูล คอมพิวเตอร์ปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนฯ” ท้องที่ สภ.เหล่าต่างคำ ภ.จว.หนองคาย สถานะหลบหนี
  • คดีที่ 6 ปี 2564 ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ตัวการในข้อหาฉ้อโกงประชาชน,ตัวการในข้อหาผู้ใดกระทำความผิดโดยการ นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูล คอมพิวเตอร์ปลอมฯ” ท้องที่ สภ.ศรีเทพ ภ.จว.เพชรบูรณ์ สถานะควบคุมตัว/ถอนหมายจับ
  • คดีที่ 7 ปี 2565 ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ตัวการในข้อหาผู้ใดกระทำความผิดโดยการ นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูล คอมพิวเตอร์ปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนฯ ” ท้องที่ สภ.เมืองลพบุรี สถานะหลบหนี
  • คดีที่ 8 ปี 2565 ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ ฉ้อโกง, ผู้ใดกระทำความผิดโดยการ นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูล คอมพิวเตอร์ปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนฯ ” ท้องที่ สภ.เมืองพิษณุโลก สถานะหลบหนี

ตำรวจชุดจับกุมได้ทำหนังสือประสานเพื่อให้พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบแต่ละคดีอายัดตัวผู้ต้องหา เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายให้ครบถ้วนเป็นที่เรียบร้อย จึงนำตัวผู้ต้องหาส่ง สภ.เมือง ลพบุรี จังหวัดลพบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวแจ้งเตือนภัยไปยังพี่น้องประชาชนว่า ในสังคมปัจจุบันมิจฉาชีพมีกลโกงมากมายหลายรูปแบบ ขอให้ประชาชนได้โปรดใช้สติในการใช้ชีวิตในสังคม อย่างหลงเชื่อกลโกง หรือสินค้าที่มีราคาถูกเกินกว่าราคาและคุณภาพที่ควรจะเป็น เนื่องจากมิจฉาชีพมักใช้ความโลภเห็นแก่ผลกำไรมาเป็นจุดล่อใจให้ประชาชนหลงกล ควรมีสติวิเคราะห์ถึงพฤติกรรม กลโกง หากไม่แน่ใจ หรือสงสัยว่าบุคคลที่เข้ามาเสนอผลประโยชน์ เสนอขาย หรือชักชวนลงทุนในด้านต่างๆ นั้นจะเป็นมิจฉาชีพหรือไม่ ให้แจ้งตำรวจเข้าตรวจสอบ หรือแจ้งเบาะแสการกระทำความผิด มายังเพจ “สืบสวนนครบาล IDMB” ได้ตลอด 24 ชม. แม้จะเป็นคดีที่มีความเสียหายไม่มาก แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนเดือดร้อน เราทำทันที.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดปมสามียิงภรรยาดับคารถ ปัญหาเรื่องเงิน

กทม. 11 มิ.ย. – เปิดปมเหตุสามียิงภรรยาดับคารถ พี่ชายกับเพื่อนรุ่นน้องเผยว่าผู้ก่อเหตุมีปัญหาเรื่องเงิน พบช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมา พฤติกรรมเริ่มเปลี่ยนไป จากกรณีนายมีนาพัฒน์ อายุ 40 ปี ก่อเหตุยิงนางสาวนันทิชา อายุ 36 ปี ภรรยาของตัวเอง แล้วทิ้งศพไว้ในรถ ในซอยเพชรเกษม 67 แยก 8 เขตบางแค และหลังก่อเหตุปิดล็อกประตูเงียบอยู่ในบ้านพัก เจ้าหน้าที่ล้อมจับนาน 4 ชั่วโมง จนยอมมอบตัวเมื่อคืนวานนี้ (10 มิ.ย.) ต่อมาพี่ชายของนายมีนาพัฒน์ มาเยี่ยมผู้ก่อเหตุที่ สน.เพชรเกษม เปิดใจยอมรับว่าสาเหตุส่วนใหญ่มาจากปัญหาเรื่องเงิน เมื่อช่วงเดือนเมษายน น้องสะใภ้ (ผู้ตาย) บอกว่า น้องชายนำบ้านที่แม่ยกให้เป็นมรดกไปเข้าธนาคาร 2 ล้านกว่าบาท ซึ่งผิดจากปกติที่น้องไม่เคยมีปัญหาเรื่องเงินมาก่อน เพราะแม่ยกสมบัติให้เยอะมาก ครั้งสุดท้ายที่คุยกับน้องชายคือเมื่อวานนี้ช่วง 19.30 น. น่าหลังจากก่อเหตุฆ่าภรรยาแล้ว คุยกันประมาณครึ่งชั่วโมงสังเกตได้ว่าน้องชายมีอาการสับสน พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่มีบางประโยคที่น้องชายพูดออกมาแล้วรู้สึกหงุดหงิดใจ เรื่องบ้านที่แม่ยกให้เป็นมรดก บอกว่า “บ้านหลังนี้ครอบครัวเราจะต้องได้อยู่” […]

ตำรวจภาค 8 รวบ 3 ราย ขบวนการส่งยาขนมากับรถทัวร์

กระบี่ 11 มิ.ย. – รวบขบวนการค้ายาบ้า ขนมากับรถทัวร์ สายเชียงใหม่-ภูเก็ต 3 แสนเม็ด แวะลงกระบี่ ส่งให้เอเย่นต์สาขาสุราษฎร์ฯ ตำรวจรวบทีเดียวทั้งคนส่งและคนรับ นายอังกูร ศีลาเทวากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น รอง ผบช.ภ.8 รักษาการ ผบ.ภ.จ.กระบี่ แถลงผลการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด ได้ผู้ต้องหา 3 คน พร้อมของกลางยาบ้า 300,000 เม็ด ประกอบด้วย นายสัมพันธ์ อายุ 54 ปี นายสุรพล อายุ 30 ปี และนางสาวสุนารี อายุ 27 ปี พร้อมยึดรถเก๋ง 1 คัน และแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน การจับกุมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่รับแจ้งจากสายลับว่า จะมีการส่งมอบยาบ้ากันบริเวณสามแยกเขาต่อ อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ เมื่อถึงเวลาก็มีรถทัวร์สายเชียงใหม่-ภูเก็ต […]

‘ฮุน มาเนต’ ย้ำทหารกัมพูชาไม่ได้ถอยออกจากพื้นที่

ปารีส 10 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ส่งสารจากฝรั่งเศสถึงชาวกัมพูชา ยืนยันจุดยืนกองทัพไม่ได้ถอนออกจากพื้นที่ภายใต้อธิปไตย พร้อมร่วมมือกับไทยปักปันเขตแดน ตามกลไกเจบีซี ยกเว้น 4 จุดที่จะส่งศาลโลกตัดสิน ฮุน มาเนต ซึ่งอยู่ระหว่างเข้าร่วมการประชุมว่าด้วยมหาสมุทรของสหประชาชาติ ครั้งที่ 3 ที่เมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Hun Manet ส่งสารถึงชาวกัมพูชา มีใจความดังนี้ กองทัพกัมพูชาสนับสนุนความพยายามในการหาทางแก้ไขปัญหานี้โดยสันติ แต่พร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนจากการพยายามรุกรานใดๆ กองทัพกัมพูชาพร้อมที่จะเข้าร่วมสนับสนุนกลไกการเจรจาชายแดนกับไทยที่มีคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม เพื่อดำเนินงานรังวัดและปักปันเขตแดนที่เหลือระหว่าง 2 ประเทศต่อไป ยกเว้นประเด็นที่กัมพูชาจะส่งให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ไอซีเจ (ICJ) พิจารณา

นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย

ทำเนียบ 10 มิ.ย.-นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย มอบ รมว.อุตสาหกรรม แก้ปัญหาราคา ก่อนประชุม ครม. ไม่ตอบคำถามสื่อปมเอกสาร รทสช.ขอปรับรัฐมนตรี จับตา ครม. ถกข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ก่อนประชุม JBC 14 มิ.ย.นี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ โดยก่อนการประชุม ประธานสมาพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย และคณะ เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงความขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้การสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อย โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐมนตรีติดตามการแก้ไขปัญหาของเกษตรกรมาโดยตลอด และมารายงานเรื่องนี้อย่างละเอียดอยู่ตลอด ตนทราบปัญหา ทางเกษตรกรจึงเน้นย้ำว่า ปัญหาจะแก้ไขได้ก็ต้องเป็นไปภายใต้การสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรี “อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร” นายกรัฐมนตรี จึงไหว้รับขอบคุณ พร้อมกับกล่าวต่อว่า อะไรที่เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ก็พร้อมที่จะแก้ไขในทุกเรื่องอยู่แล้ว จึงอยากให้จัดระบบให้ดี เพื่อให้เกิดประโยชน์กับคนทุกกลุ่ม ขณะเดียวกันเกษตรกรยังฝากรัฐบาลให้ไปดูแลในการรับซื้อใบอ้อย เนื่องจากเกษตรกรให้ความร่วมมือในการตัดอ้อยสด ทำให้นายกรัฐมนตรีถึงกับกล่าวแซว โห นี่จริงๆ ทำไมไม่ไปเป็นนักการเมือง ในสภาน่าจะเก่งเรื่องนี้ ทำให้เกษตรกรคนดังกล่าวกล่าวว่าลูกชายของตนเป็นนายก 6 สมัยรวด ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะกล่าวขอบคุณ และขอให้ทุกคน”รวยๆ […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ดูบังเกอร์หลบภัย ถามผู้ว่าฯ สุรินทร์ ทำไมไม่ของบ มท.

11 มิ.ย.- นายกฯ ดูชาวบ้านทำบังเกอร์ ร้องโถ่ ก่อนถามผู้ว่าฯ สุรินทร์ ทำไมไม่ของบ ก.มหาดไทย หลังรายงานขอรับบริจาคมาใช้แทนยางรถยนต์ วันนี้ (11 มิ.ย. 68) เวลา 13.40 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ ลงพื้นที่ต่อมายังหมู่บ้านสกลพัฒนา ตำบลตะเคียน อำเภอกาบเชิง เพื่อพบปะชาวบ้าน มอบสิ่งของ และตรวจดูการทำบังเกอร์หลบภัย โดยทันทีที่นายกรัฐมนตรีเดินทางมาถึง ได้มีชาวบ้านนำผ้าขาวม้ามามอบให้ ซึ่งนายกฯ รับมาก่อนจะหันไปหานายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่า “ผูกกันเป็นทีม” ก่อนจะมอบสิ่งของอุปโภค – บริโภค เพื่อให้กำลังใจชาวบ้านในพื้นที่ จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมการสร้างบังเกอร์ โดยมีนายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ และผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านสกลพัฒนา รายงาน โดยนายกรัฐมนตรี ถามผู้ว่าฯ ว่า ขอเข้าไปดูได้หรือไม่ และถามชาวบ้านบ้านว่า “ทำมานานหรือยัง” โดยชาวบ้านบอกว่า […]

คุมตัว “หมอแอร์” ฝากขังศาลอาญา-ค้านประกันตัว

กรุงเทพฯ 11 มิ.ย. – คุมตัว “หมอแอร์” ฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ ตำรวจคัดค้านการประกันตัว ส่วนผู้ต้องหาอีก 6 คน ที่ถูกจับในขบวนการเดียวกัน พนักงานสอบสวนจะนำตัวฝากขังพรุ่งนี้ (12 มิ.ย.) พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามยาเสพติด 1 ควบคุมตัวหมอแอร์ ไปฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ พร้อมคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากการกระทำความผิดมีอัตราโทษสูง เกรงว่าจะมีการหลบหนีและยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ในระหว่างควบคุมตัว หมอแอร์สวมหมวก แว่นตาดำ และแมสก์ปิดบังใบหน้า พยายามแอบอยู่หลังเจ้าหน้าที่ โดยไม่ตอบคำถามของสื่อมวลชนแต่อย่างใด สำหรับผู้ต้องหาอีก 6 คน ที่ถูกจับในขบวนการเดียวกัน พนักงานสอบสวนจะนำตัวไปฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ วันพรุ่งนี้ (12 มิ.ย.) .-สำนักข่าวไทย

เปิดขบวนการ “หมอแอร์” สวมชื่อคนตายซื้อยาเสียสาว

11 มิ.ย. – ผู้ช่วย ผบ.ตร. นำแถลงกรณี “หมอแอร์” พร้อมพวกรวม 7 คน แอบอ้างชื่อคลินิก 12 แห่ง สั่งซื้อยายาเสียสาว นำมาขายต่อ นาน 3 ปี และยังสวมชื่อคนตาย 370 คน รับยา ขณะที่ รพ.ตำรวจ มีคำสั่งให้ “หมอแอร์” ออกจากราชการไว้ก่อน หลังเมื่อวานนี้ (10 มิ.ย.68) เจ้าหน้าที่บุกจับ “หมอแอร์” คุณหมอชื่อดัง สังกัดโรงพยาบาลตำรวจ พร้อมพวก แอบอ้าง 12 คลินิก สั่งซื้อยาควบคุม (ยาเสียสาว) นำมาขายต่อ นาน 3 ปี วันนี้ (11 มิ.ย.68) มีการแถลงข่าวเรื่องนี้ นำโดย พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย […]

เปิดภาพความจริง! อดีต-ปัจจุบันชายแดนช่องบก

11 มิ.ย. – ‘กองทัพไทย’ เปิดภาพถ่ายแผนที่ทางอากาศ ชายแดนช่องบก อุบลราชธานี เปรียบเทียบอดีต-ปัจจุบัน พบการทำกิจกรรมทางทหาร-ขุดคูเลต-ทำถนนส่งกำลังบำรุง ก่อนเหตุปะทะช่องบก 28 พ.ค.2568 ทีมโฆษกกองทัพไทย เปิดข้อมูลแผนที่ทางอากาศ จัดทำโดยกองบัญชาการกองทัพไทย จากกรณีไทย และกัมพูชา มีข้อสังเกตหลายประเด็นที่ปรากฏในภาพถ่ายทางอากาศตรงจุดปะทะ โดยภาพถ่ายทางอากาศ เริ่มตั้งแต่ปี 2497 ช่วงแรกถ่ายไว้จนถึงปี 2520, 2527 และมีการถ่ายภาพทางอากาศอย่างต่อเนื่อง ส่วนกรณีที่อ้างถึงการยึดครอง และใช้ชีวิตในพื้นที่ที่มีปัญหานานมากแล้วนั้น หากมองตามภาพถ่ายทางอากาศ จะยืนยันได้ว่า ไม่มีการเข้าไปใช้พื้นที่อย่างที่อ้าง ข้อมูลของกองทัพไทย ยังได้เปรียบเทียบเส้นสีแดงในแผนที่ เป็นเส้นแนวที่ไทยยึดถือ ใช้แบ่งแนวเขตระหว่างไทย กัมพูชา และลาว ส่วนจุดปะทะที่เกิดขึ้นนั้น เป็นพื้นที่ที่เข้ามาทางฝั่งไทย ทั้งนี้ กองทัพไทยยังมีการถ่ายทางอากาศต่อเนื่องยาวมาถึงปี 2539, 2546, 2553 และ 2561 เป็นที่สังเกตได้ว่า ช่วง 70 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2497 ไม่มีใครเข้ามาถือครอง และใช้ชีวิตในพื้นที่นั้น หากมองถึงกิจกรรมของประเทศเพื่อนบ้านที่ประเด็นในปัจจุบันนั้น เห็นได้อย่างชัดเจนตามภาพถ่ายทางอากาศว่า มีการเคลื่อนไหวทางการทหารที่แตกต่าง […]