20 ม.ค. – ตำรวจยังหาเงินกว่า 9.5 ล้านบาท ที่ดีเอสไอร่วม 191 รีดทรัพย์แก๊งจีนสีเทาที่เข้าไปทำพาสปอร์ตปลอมในบ้านอดีตบ้านพักกงสุลนาอูรู ว่าอยู่ที่ไหน เตรียมสอบผู้บังคับบัญชาตำรวจที่ก่อเหตุ 2 ระดับชั้น ส่วนคดีตู้ห่าว ยืนยันหากพบภรรยาที่เป็น ตร.หญิง ไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐานหลังศาลให้ประกันตัว คณะทำงานมีอำนาจสั่งเพิกถอนประกันได้
พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีที่เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ และตำรวจ 191 เข้าตรวจค้นภายในบ้านพักอีตกงสุลนาอูรู และเรียกเอาทรัพย์จากผู้ต้องหาชาวต่างชาติจำนวนกว่า 9 ล้านบาท เมื่อวันที่ 22 มกราคมที่ผ่านมา
โดยขณะนี้ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยรายแร้งกับตำรวจ 191 จำนวน 9 นาย นอกจากนั้นยังเตรียมสอบสวนผู้บังคับบัญชาเหนือไป 2 ระดับ รวมทั้งรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และรองผู้บังคับการตำรวจ 191 ซึ่งกำกับการทำงานของนายตำรวจที่กระทำผิด ตามระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่ามีคำสั่งให้ไปปฏิบัติการอย่างไร
สำหรับการประสานงานระหว่างหน่วยที่ปฏิบัติให้ออกตรวจเหตุร่วมกัน ก็จะต้องมีการปรับให้มากขึ้น เพื่อป้องกันข้อผิดพลาด ซึ่งโดยปกติแล้วการทำงานระหว่างหน่วยงานมีการประสานงานในทุกช่องทาง เพื่อประโยชน์ในการดำเนินงาน พร้อมกันนี้หากผลการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่ามีการทำผิดของตำรวจนายใดก็จะดำเนินการอย่างไม่ละเว้น และโปร่งใสตรวจสอบได้
ในส่วนของคดีขณะนี้พนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ ได้เรียกพยานที่อยู่เคียงกับที่พักอดีตกงสุลนาอูรู มาให้ปากคำทั้งหมดแล้ว ส่วนจำนวนเงินที่หายไปและอยู่ในชุดจับกุม ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าอยู่ที่ใด ซึ่งคาดว่าตรวจสอบไม่ยาก และอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นก่อนที่จะแถลงความคืบหน้าให้อีกครั้ง
“พล.ต.ต.อาชยน” โฆษก ตร. ยังกล่าวถึงความคืบหน้าคดีตู้ห่าว ว่าภายหลังที่อัยการสูงสุดส่งสำนวนฟ้องต่อศาลอาญาไปแล้ว โดยหลังจากนี้หากตำรวจยังพบว่ามีพยานหลักฐานเพิ่มเติมก็จะสามารถรวบรวมส่งให้กับคณะทำงานของอัยการสูงสุดพิจารณาว่าจะเพิ่มไปในสำนวนหรือไม่ ขณะเดียวกันหากพบพยานหลักฐานเพิ่มว่าจะสามารถแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาบุคคลใดเพิ่มเติม ก็จะพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาได้ในภายหลัง
ส่วนกรณีที่มีหนึ่งในผู้ต้องหาที่เป็นภรรยาของคู้ห่าว ยศ “พ.ต.อ.”หญิง ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างฝากขังนั้น ก็ถือเป็นดุลพินิจของศาลในการพิจารณา เนื่องจากเห็นว่ามีอาชีพ มีที่อยู่อาศัยชัดเจน และไม่มีพฤติการณ์หลบหนี แต่หากพบว่าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ทางคณะพนักงานสอบสวนก็มีสิทธิ์เพิกถอนประกันได้ รวมทั้งหากประชาชนท่านใดมีหลักฐานชัดเจนว่าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานก็สามารถนำมามอบให้กับพนักงานสอบสวนพิจารณาได้. -สำนักข่าวไทย