สอท. 10 ม.ค. – ตำรวจไซเบอร์เตรียมออกหมายจับกลุ่มผู้ก่อเหตุ หลอกลวงเด็กชายอายุ 15 ปี ลงทุนซื้อสินค้าหวังทำยอดส่วนแบ่งรายได้ แต่ไม่เป็นไปตามเป้า จนเกิดความเครียดฆ่าตัวตาย ยืนยันมีข้อมูลแผนพฤติกรรมของกลุ่มผู้ก่อเหตุแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้
คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ตำรวจไซเบอร์ เรียกประชุมคณะทำงานชุดใหญ่เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีเด็กชายชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ในจังหวัดนนทบุรี ฆ่าตัวตาย เนื่องจากถูกกลุ่มมิจฉาชีพให้โอนเงินไปทำยอดซื้อสินค้า ต่อมารู้ตัวว่าถูกหลอก โดยครอบครัวพบว่า เด็กชายแอบถอนเงินผ่าน Application จากบัญชีเงินเก็บของพ่อและแม่ไปหลายครั้ง รวมกว่า 15,000 บาท จนเด็กรู้สึกผิด เสียใจและเขียนจดหมายลาตายทิ้งไว้ให้ครอบครัว
มีรายงานว่า เมื่อวานนี้ พี่สาวและแม่ของเด็กชายผู้เสียชีวิต เข้าพบตำรวจไซเบอร์ เพื่อให้ข้อมูลเบื้องต้นที่เป็นประโยชน์กับการสืบสวนสอบสวนคดี แต่ในส่วนของโทรศัพท์มือถือและหลักฐานต่างๆ ยังอยู่ในความรับผิดชอบของพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรปากเกร็ด นนทบุรี เจ้าของคดี
พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รองผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ สอท. เปิดเผยว่า สอท.ประสานขอโทรศัพท์มือถือของผู้เสียหายมาตรวจสอบ และเรื่องสำนวนการสอบสวนคดี แม่ผู้เสียชีวิต แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษให้พนักงานสอบสวน สอท. รับผิดชอบคดีแล้ว
ส่วนกลุ่มผู้ก่อเหตุ ตำรวจเร่งรัดตรวจสอบบัญชีม้า ซึ่งกรณีนี้มีอยู่หลายบัญชีที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ โดยหากมีพยานหลักฐานชัดเจนตำรวจจะออกหมายจับกลุ่มผู้กระทำผิด
สำหรับแนวทางการสืบสวน แบ่งเป็น 2 ชุดทำงาน เพื่อตรวจสอบในเรื่องของอินสตราแกรม และไลน์ ซึ่งตำรวจได้ข้อมูลมาบางส่วนแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดของกลุ่มผู้ก่อเหตุได้ เบื้องต้นจากแผนประทุษกรรมตำรวจพบว่า ผู้ก่อเหตุมีความเชี่ยวชาญด้านการใช้สื่อสังคมออนไลน์ ในการหลอกลวงผู้เสียหาย เพราะหลังจากรับเงินจากผู้เสียหายสามารถโอน หรือยักย้ายถ่ายเทไปเป็นสกุลเงินดิจิตอลได้ทันที เพื่อจงใจหลบหลีกการตรวจสอบของตำรวจ ส่วนสาเหตุการฆ่าตัวตายของเยาวชนคนนี้ มาจากแรงกดดันที่ต้องสูญเสียเงิน และไม่สามารถทวงคืนได้ จนเกิดเป็นความเสียใจทำให้คิดสั้นในที่สุด
สำหรับคดีนี้เด็กผู้เสียหาย หลงเชื่อถูกหลอกให้ทำภารกิจซื้อสินค้าประเภทต่างๆ ตามที่มีการตกลงกัน ซึ่งเด็กผู้เสียหาย ต้องทำยอดการซื้อสินค้า เพื่อนำไปขายต่อให้ได้ตามเป้าจึงจะถือว่าภารกิจสำเร็จและได้ผลรับผลตอบแทนตามที่ตกลง แต่เด็กผู้เสียหายคนนี้ไม่สามารถทำได้ตามเป้า ประกอบกับนำเงินของครอบครัวมาซื้อสินค้า จึงเกิดความเครียดเพราะไม่สามารถทวงเงินคืนได้ ทั้งนี้ เชื่อว่านอกจากเด็กชายอายุ 15 ปีแล้วยังมีผู้เสียหายอีกจำนวนมากที่หลงเชื่อ สามารถเข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวน สอท.ได้ พร้อมกันนี้ยังฝากเตือนผู้ปกครองให้หมั่นดูแลเอาใจใส่สอดส่องพฤติกรรมของบุตรหลาน เพื่อป้องกันไม่ให้ตกเป็นผู้เสียหายในคดีอาญา. -สำนักข่าวไทย