“ชูวิทย์” เข้าให้ข้อมูลจเรตำรวจ เผยจ่อบุกถามนายกฯ มีญาติเกี่ยวข้อง บ.รถเช่า หรือไม่

กรุงเทพฯ 9 ม.ค. – นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เข้าให้ข้อมูลกับคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง จเรตำรวจ อ้างคณะกรรมการที่ตรวจสอบโดยตำรวจด้วยกันไม่เป็นประโยชน์ พร้อมเตรียมบุกถามนายกรัฐมนตรีที่เตรียมเปิดตัวร่วมพรรคการเมืองว่าหลานของนายกรัฐมนตรีเกี่ยวข้องกับบริษัทรถเช่าหรือไม่


พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยคณะกรรมการฯ ที่ประกอบไปด้วย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และพนักงานสอบสวนกองปราบปราม เชิญนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ มาให้ข้อมูลกรณีที่ออกมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเกี่ยวกับทุนเครือข่ายธุรกิจจีนสีเทา และคดีสถานบันเทิงจินหลิง ที่มีนายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ ตู้ห่าว เป็นเจ้าของ

นายชูวิทย์ ตั้งข้อสังเกตว่า การตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่มีจเรตำรวจ ซึ่งเป็นตำรวจด้วยกันคงไม่ได้รับความเป็นธรรม ดังนั้นเห็นว่า ควรให้ตัวเองเป็นประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เพราะมีความเป็นกลางมากกว่า ซึ่งการมาให้ข้อมูลในวันนี้ส่วนตัวมองว่า ไม่ได้ประโยชน์และเป็นการแสดงละครเท่านั้น ขณะที่ส่วนตัวยืนยันว่ามีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการตัดต่อทำลายพยานหลักฐานกล้องวงจรปิด การทำงานสืบสวนสอบสวนคดีล่าช้าของผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รวมไปถึงการแจ้งความดำเนินคดีฐานฟอกเงินกับนายตู้ห่าว


นายชูวิทย์ ยังตั้งคำถามให้ผู้บังคับบัญชาในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ชี้แจงว่านายตำรวจยศ “พ.ต.ท.” ที่ชื่อ คมไพร และบุคคลที่ชื่อ รองหมา เป็นลูกน้องของใคร และมีนายตำรวจคนใด ดูแลอยู่ตั้งแต่เป็นตำรวจชั้นผู้น้อย พร้อมยังยืนยันว่าไม่มีนายตำรวจคอยให้ข้อมูล แม้ว่าผู้บัญชาการตำรวจนครบาล จะมีการสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงนายตำรวจคนหนึ่ง

นายชูวิทย์ ยังบอกอีกว่าช่วงเย็นวันนี้ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จะไปสอบถาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่มีกำหนดการไปเปิดตัวร่วมพรรครวมไทยสร้างชาติ ว่า หลานของ พล.อ.ประยุทธ์ มาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ได้อย่างไร เนื่องจากพบว่า หลานของ พล.อ.ประยุทธ์​ มีรายชื่อเป็นกรรมการบริษัทที่เกี่ยวกับการใช้เช่ายานยนต์ และยังตั้งคำถามเพื่อให้นายกรัฐมนตรีตอบว่าเครือญาติของนายกรัฐมนตรีมีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายธุรกิจของนายตู้ห่าวหรือไม่

สำหรับกรณีนี้ที่ผ่านมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง โดยมอบหมายให้จเรตำรวจ ตรวจสอบประเด็นที่นายชูวิทย์ นำข้อมูลหลักฐานคดีของนายตู้ห่าว ออกมาเผยแพร่และวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของคณะพนักงานสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล นอกจากนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีที่มีการพาดพิงว่า ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องช่วยเหลือในการออกหนังสือเดินทางผิดประเภทให้กับผู้ต้องหาคนจีน บางส่วนในคดีนี้ รวมถึงคณะกรรมการชุดนี้ที่มี พล.ต.ท.จิรภพ ยังมีอำนาจในการสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีที่นายชูวิทย์ ออกมาเผยแพร่โดยอ้างว่ามีการลักลอบเล่นพนันในบริเวณจินหลิง


ด้าน พล.ต.อ.วิสนุ เปิดเผยว่า ข้อมูลที่นายชูวิทย์ให้มาถือว่าเป็นประโยชน์และจะทำให้คณะทำงานดังกล่าวสามารถทำงานตรวจสอบได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น ซึ่งข้อมูลที่ให้มามีจำนวนมากจึงต้องใช้ระยะเวลาในการตรวจสอบสักระยะหนึ่ง แต่เชื่อว่าจะทันตามกำหนดที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกำหนดไว้ให้การตรวจสอบเสร็จสิ้นภายใน 15 วัน หลังจากนี้จะมีการวางกรอบให้ตำรวจที่เกี่ยวข้องในคดีดังกล่าวเข้ามาให้ข้อมูล โดยหนึ่งในนั้นคือผู้บัญชาการตำรวจนครบาลซึ่งจะต้องเข้ามาให้ข้อมูลว่าคดีดังกล่าวได้ทำการสืบสวนสอบสวนทำสำนวนไปถึงไหนอย่างไรบ้าง ล่าช้าหรือมีอะไรผิดปกติเกินกว่าในระเบียบปฏิบัติหรือไม่ รวมถึงจะต้องให้คณะทำงานในคดีดังกล่าวเข้ามาให้ข้อมูลทั้งหมดแต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะมีตำรวจที่ต้องเข้ามาให้ข้อมูลจำนวนเท่าใด โดยจะเริ่มทยอยเรียกให้เข้ามาพบภายในต้นสัปดาห์หน้า ส่วนบุคคลอื่นๆ ทั้งพยาน หรือผู้เกี่ยวข้องบางคนจะมีใครต้องเข้ามาให้ปากคำก็อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะที่ประชุม

ครั้งนี้ยืนยันว่าคณะทำงานดังกล่าวจะดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องทุกนายไม่ละเว้น แม้ว่านายชูวิทย์ จะปรามาสว่าเสือย่อมไม่กินเสือด้วยกัน แต่หากกระทำความผิดก็ต้องดำเนินการทุกนาย

ด้าน พล.ต.ท.จิรภพ หนึ่งในคณะทำงานตรวจสอบการทำงานของตำรวจในคดีดังกล่าวและตรวจสอบเรื่องการเปิดให้มีบ่อนการพนันในผับจินหลิงและลีลา เปิดเผยว่า จากพยานหลักฐานที่นายชูวิทย์มอบให้และมีการเปิดเผยในโลกโซเชียลอยู่ พิจารณาในเบื้องต้นแล้วเห็นได้ชัดว่าคือบ่อนการพนันแต่สิ่งสำคัญคือต้องตรวจสอบให้ได้ว่าบ่อนการพนันดังกล่าวจัดตั้งอยู่ที่ใดและภาพในกล้องวงจรปิดเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ยังอยู่ในอายุความของการดำเนินคดีเกี่ยวกับบ่อนการพนันหรือไม่ ซึ่งตามกฎหมายคดีดังกล่าวมีอายุความ 10 ปี แต่จากการตรวจสอบในเบื้องต้นเชื่อว่าไม่น่าจะเกินอายุความและหากได้ข้อสรุปที่ชัดเจนจะมีการเปิดคดีใหม่และแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับกลุ่มผู้ต้องหาทุกคนที่เกี่ยวข้อง เชื่อว่าการตรวจสอบจะดำเนินการเสร็จพร้อมกันกับคณะทำงานของจเรตำรวจแห่งชาติ

พล.ต.ต.เจนกมล คำนวน หนึ่งในคณะกรรมการตรวจสอบกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองยศนายพล 3 นาย เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการปล่อยให้เกิดการทำเอกสารหลักฐานปลอมเพื่อแปลงสัญชาติให้กับชาวจีนในเครือข่ายของนายตู้ห่าว เปิดเผยว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณากรณีที่ได้รับการร้องเรียนมาทั้งหมด 700 เรื่อง มีเอกสารที่ต้องตรวจสอบมากกว่า 100,000 แผ่น จึงต้องใช้เวลาในการตรวจสอบเอกสารทั้งหมด ซึ่งจากการตรวจสอบมาจนถึงขณะนี้พบว่านอกเหนือจากตำรวจชั้นนายพล 3 นาย ยังมีตำรวจนายอื่นๆ ที่อาจเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อีกจำนวนมาก ซึ่งตัวเลขใกล้เคียงกับที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เคยเปิดเผยออกมาก่อนหน้านี้ประมาณ 20 กว่านาย และเมื่อทราบข้อเท็จจริงแล้วจะส่งผลการตรวจสอบดังกล่าวให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไป. -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผู้ว่าฯ สงขลา จัดคิวนายอำเภอรับ-ส่ง “เดชอิศม์” ทุกสัปดาห์

กทม. 18 ส.ค.-ผู้ว่าฯ สงขลา ทำหนังสือด่วน จัดคิวนายอำเภอ เวียนต้อนรับ-ส่ง “เดชอิศม์” สนามบินหาดใหญ่ ทุกสัปดาห์ นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ทำหนังสือด่วนที่สุด ที่ สข 0017.3/17839 เรื่อง ขอความอนุเคราะห์อำนวยความสะดวก นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เรียน นายอำเภอเมืองสงขลา ด้วยจังหวัดสงขลาได้รับแจ้งว่า นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย มีกำหนดเดินทางมาราชการในพื้นที่จังหวัดสงขลา เพื่อตรวจราชการสำคัญตามนโยบายรัฐบาล และมีกำหนดเดินทางกลับไปปฏิบัติราชการ ณ กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 18 สิงหาคม 2568 โดยสายการบินแอร์เอเชีย เที่ยวบินที่ FD 3103 เวลา 08.25-09.50 น. เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย จังหวัดสงขลาจึงขอให้ท่านดำเนินการ ดังนี้ 1. เชิญนายอำเภอเมืองสงขลา ร่วมส่งนายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ณ ห้องรับรอง ท่าอากาศยานหาดใหญ่ […]

ดราม่า “ไข่เจียวปู 4,000” ถึงหูพาณิชย์

กรุงเทพฯ​ 18 ส.ค.​-“จตุพร” สั่งกรมการค้าภายในตรวจสอบประเด็น​ดราม่า​ “ไข่​เจียวปู” ร้าน​ Michelin Guide สูงถึง​จานละ 4,000 บาท​ จาก​ที่​แจ้งราคาในเมนู​ 1,500​ บาท ย้ำ​ไม่ตรงปกไม่ได้ กรณี “พีชชี่” ยูทูบเบอร์ชื่อดัง โพสต์เล่าประสบการณ์สั่งไข่เจียวปูร้านดังราคาเมนู 1,500 บาท แต่ถูกเก็บจริง 4,000 บาท กำลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกออนไลน์ ล่าสุด นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า จะมอบหมายให้กรมการค้าภายใน ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ขณะนี้​ยังไม่ได้รับรายละเอียด​ แต่โดยหลักการแล้ว ราคาที่เรียกเก็บจากผู้บริโภคต้องตรงกับราคาที่ระบุในเมนู หาก “ไม่ตรงปก” จะบั่นทอนความเชื่อมั่นทางการค้า “การค้าขายจะยั่งยืนได้ต้องอาศัยความไว้เนื้อเชื่อใจ หากผู้บริโภครู้สึกว่า​ ราคาไม่ตรงกับที่เห็นในเมนู ย่อมเสียความรู้สึก” นายจตุพรกล่าว เรื่องนี้เริ่มจาก “พีชชี่” โพสต์ผ่าน X เมื่อวันที่ 15 ส.ค. ระบุว่าไปทานไข่เจียวปู ซึ่งเป็นร้านอาหารไทยเพียงไม่กี่แห่งที่ได้รับการบรรจุใน Michelin Guide โดยเมนูระบุราคา 1,500 […]

“บิ๊กต่าย” ถกบอร์ดกลั่นกรอง เลื่อน “สำราญ-อิทธิพล” ขึ้นรอง ผบ.ตร.

กรุงเทพฯ 17 ส.ค. – ผบ.ตร. นั่งหัวโต๊ะประชุมกลั่นกรองแต่งตั้งนายพลสีกากี เลื่อน “สำราญ-อิทธิพล” ขึ้นรอง ผบ.ตร. ที่ห้องประชุม 2 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานคณะกรรมการพิจารณาการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับ ตร. หรือ “บอร์ดกลั่นกรอง” พิจารณาแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับรอง ผบ.ตร.-ผบก. โดยมี พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.นิรันดร เหลื่อมศรี รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช. และ พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง ผบช.สกพ. และเลขานุการ เข้าร่วมประชุม ทั้งนี้ […]

เสียงเรียกแห่งความอร่อย…ก๋วยเตี๋ยวแต้จิ๋วโบราณเชียงใหม่

เชียงใหม่ 17 ส.ค. – โดดเด่นไม่เหมือนใคร “ก๋วยเตี๋ยวแต้จิ๋วสูตรโบราณ” ของอาแปะตี๋อ้วน ที่แต่งกายแบบล้านนาโบราณ เดินหาบขายตามตลาดและย่านชุมชนใน จ.เชียงใหม่ มานานกว่า 10 ปีแล้ว โดยใช้การตีกังสดาล หรือระฆังวงเดือน เรียกลูกค้า สะดุดตาผู้พบเห็น หลายคนติดใจในรสชาติและราคาที่ย่อมเยา จนมีลูกค้ามากมาย .-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“หลวงพ่ออลงกต” ยืนยันยังไม่ลาออกจากเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ

18 ส.ค. – ปมร้อน “หลวงพ่ออลงกต” ขอลาออกจากเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ เปิดทางให้ตรวจสอบวัด ล่าสุด “หลวงพ่ออลงกต” ยืนยันยังไม่ลาออก ขอเวลาจัดการทุกเรื่อง คาด 1 เดือนชัดเจน วันนี้ (18 ส.ค.) มีกระแสข่าวว่า “พระราชวิสุทธิประชานาถ” หรือ “หลวงพ่ออลงกต” ประกาศลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ เพื่อรับผิดชอบต่อสถานการณ์และเปิดทางให้กระบวนการตรวจสอบดำเนินไปอย่างโปร่งใส ขณะที่ นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เปิดเผยกับทีมข่าวสำนักข่าวไทยว่า สำนักงานพระพุทธศาสนาฯ กำลังติดตามข่าวดังกล่าว แต่ยังไม่ได้รับหนังสือขอลาออกอย่างเป็นทางการ คาดว่าจะเกิดความชัดเจนในวันพรุ่งนี้ (19 ส.ค.) ส่วนเหตุผลที่หลวงพ่ออลงกตลาออก คาดว่าเปิดทางให้กระบวนการตรวจสอบเดินหน้าได้ พศ.แจ้งวัดหักลดหย่อนเงินบริจาคต้องผ่านระบบ e-Donation ผอ.พศ. ยังกล่าวถึงกรณีอธิบดีกรมสรรพากรทำหนังสือแจ้งมายังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เมื่อวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา แจ้งว่ากำหนดให้การบริจาคให้แก่วัด มูลนิธิ สมาคม กองทุน และองค์การต่างๆ ซึ่งผู้บริจาคได้รับสิทธิหักลดหย่อนเงินบริจาค ต้องใช้ระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ของกรมสรรพากรเท่านั้น โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 […]

“ภูมิธรรม” ​เผยเจรจาเขตแดนไม่จบง่าย ลั่นไม่เคยพูดยุบ ศบ.ทก.

ทำเนียบ 18 ส.ค.- “ภูมิธรรม” ​เผยเจรจาเขตแดนไม่จบง่าย​ ต้องรอผลประชุม​ RBC​-GBC มอบตำรวจภูธร​ภาค​ 3 รับเรื่องร้องทุกข์​ประชาชน-​ราชการ​ ส่งอัยการสั่งฟ้องแพ่ง​-อาญา​ “กัมพูชา” ส่วนฟ้อง “ฮุนเซน​” หรือ​ “ฮุน​ มาเนต​” ให้เป็นไปตามข้อกฎหมาย​ ไม่ตอบจัดการเครือข่ายนักการเมืองในไทย​ ชี้​หากทำก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องเปิดเผย​ ลั่น​ไม่เคยพูดสักคำ​ ยุบ ศบ.ทก. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยภายหลังการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ว่า ขณะนี้สถานการณ์บริเวณชายแดนไทยกัมพูชายังต้องเฝ้าระวัง จึงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ส่วนเรื่องการเจรจาเขตแดนทั้งหลายยังไม่จบง่ายๆ และยังรอการประชุม ตามกรอบต่างๆ ซึ่งการประชุม RBC จะเกิดขึ้นในช่วงวันที่ 25-27 สิงหาคมนี้ ขณะที่วันที่ 8-10 กันยายนจะเป็นการประชุม GBC ที่เมืองเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา ทั้งนี้ได้สั่งการให้หน่วยราชการติดตามข่าวสาร และประสานงานกันอย่างมีเอกภาพ โดยเฉพาะในเรื่องข่าวสารที่สร้างความสับสนและความเข้าใจผิดให้กับพี่น้องประชาชน พร้อมยอมรับว่าขณะนี้มีกระบวนการไอโอ จึงขอช่วยกัน อย่าตกเป็นเหยื่อของเรื่องนี้ พร้อมย้ำว่ารัฐบาลยึดผลประโยชน์ประเทศชาติอธิปไตยของประเทศทรัพย์สินและชีวิตของพี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง จึงขอความร่วมมือจากทุกฝ่าย ขณะเดียวกันที่ประชุม สมช.ยังมีการพิจารณาเรื่องการดำเนินคดีตามกฎหมาย กรณีกัมพูชาใช้กำลังทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ในการคุกคามอธิปไตยของไทย […]

ทบ.แจงบ้านหนองจานอยู่ในเขตไทย เดิมเป็นที่ลี้ภัยชาวเขมร

กองทัพบก 18 ส.ค.- ทบ. แจงพื้นที่บ้านหนองจาน อยู่ในเขตประเทศไทย เดิมเคยเป็นที่ช่วยเหลือชาวกัมพูชาลี้ภัยจากการสู้รบชั่วคราว ภายหลังพบมีการขยายชุมชน ละเมิด MOU43 แม้ฝ่ายไทยมีการประท้วงอย่างต่อเนื่อง จากกรณีที่มีชาวกัมพูชาได้ออกมาร้องเรียนเรื่องการวางรั้วลวดหนามของทหารไทยบริเวณบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว โดยกล่าวอ้างว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นดินแดนของตนนั้น พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่าแท้จริงแล้วพื้นที่ดังกล่าวเป็นอาณาเขตของประเทศไทย ซึ่งอยู่บริเวณบ.หนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว รอยต่อแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ระหว่างหลักเขตแดนที่ 46 และ 47 นอกจากนี้ยังพบว่าฝ่ายกัมพูชาละเมิดข้อตกลงในพื้นที่อ้างสิทธิ์ โดยการสนับสนุนให้ราษฎรมาสร้างถิ่นฐานอย่างถาวร ทั้งในบริเวณพื้นที่อ้างสิทธิ์ และนอกบริเวณพื้นที่อ้างสิทธิ์ในฝั่งประเทศไทย ซึ่งกองทัพบก โดยกองกำลังบูรพา ได้ดำเนินการประท้วงร้องเรียนฝ่ายกัมพูชาในเวทีต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง ทั้งระดับหน่วยทหารในพื้นที่ และผ่านกระทรวงการต่างประเทศ ตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปัจจุบัน แต่ฝ่ายกัมพูชากลับนิ่งเฉย ไม่มีการชี้แจงในรายละเอียด หรือแก้ไขใดๆ จึงยืนยันได้ว่าฝ่ายไทยได้ใช้การแก้ปัญหาโดยสันติวิธีมาตลอด โฆษกกองทัพบก กล่าวต่อว่าสำหรับปัญหา ณ ปัจจุบัน ฝ่ายกัมพูชา มีเจตนาอันไม่บริสุทธิ์ พยายามจะใช้ประชาชนให้เป็นผู้ออกหน้าในการรุกล้ำพื้นที่อธิปไตยประเทศไทยในบริเวณดังกล่าว ทั้งนี้ อาจเพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับฝ่ายทหารโดยตรง ทำให้เข้าใจได้ว่า […]

ผู้ว่าฯ สงขลา ยืนยันไม่ได้ออกคำสั่งรับ มท.3

สงขลา 18 ส.ค.-ผู้ว่าฯ สงขลา ยืนยันไม่ได้ออกคำสั่งให้นายอำเภอจัดเวรต้อนรับ-ส่ง “เดชอิศม์” ส่วนมีใครคิดจะปลอมแปลงขึ้นมาก็ต้องตรวจสอบกันต่อไป นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ออกมากล่าวถึงเรื่องที่มีหนังสือคำสั่งทางราชการให้นายอำเภอของจังหวัดสงขลาทั้ง 16 อำเภอจัดเวรต้อนรับ-ส่ง และจัดห้อง VIP พร้อมอาหารว่าง ต้อนรับ รัฐมนตรีช่วยกระทรวงมหาดไทย นายเดชอิศม์ ขาวทอง ซึ่งรายละเอียดในหนังสือกล่าวว่าให้นายอำเภอเมืองสงขลาปฏิบัติหน้าที่ในวันที่ 18 สิงหาคม 2568 คือในวันนี้ ว่าไม่เป็นความจริง ตนไม่ได้ออกหนังสือฉบับนี้ เพราะหนังสือที่ตนลงนามฉบับสุดท้ายในวันนั้นคืองานประชุม ส่วนความจริงตอนนี้มอบหมายให้รองผู้ว่าราชการที่เกี่ยวข้องตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว แต่ให้ข้อคิดว่าหนังสือที่จะขอใช้พื้นที่หน่วยงานจากท่าอากาศยาน ก็ต้องเป็นลายเซ็นของผู้ว่าราชการเท่านั้น ส่วนมีใครคิดจะปลอมแปลงหรือทางหนังสือปลอมขึ้นมาก็ต้องตรวจสอบกันต่อไป แต่จะให้ได้ความจริงให้เร็วที่สุด เมื่อมีการสอบถามเรื่องความขัดแย้งของจังหวัดสงขลาราชการจังหวัดสงขลากล่าวว่าท่านไม่น่าจะมีความขัดแย้งกับใคร เพราะไม่เคยทำงานในพื้นที่มาก่อน เพิ่งมารับตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาในครั้งแรก ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ยังกล่าวอีกว่า วันและเวลาดังกล่าวที่มีการออกหนังสือ ตนก็ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ ไปธุระส่วนตัวงานแต่งงานของญาติที่จังหวัดนครศรีธรรมราช แต่จะให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องหาความจริงเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดเพราะถือว่าเป็นการทำผิดอย่างมาก.-สำนักข่าวไทย