กรุงเทพฯ 29 ธ.ค. – ศาลอาญาพระโขนงสั่งจำคุกลูกสาวอาม่าฮวย 20 ปี ไม่รอลงอาญา แอบถอนเงินแม่ขณะนอนป่วยกว่า 250 ล้านบาท จนเกลี้ยงบัญชี แถมชดใช้เงินคืน 123 ล้านบาท ให้อาม่า พนักงานแบงก์ 1 คนโดนด้วย 2 ปี แต่ให้รอลงอาญา ส่วนพนักงานแบงก์อีก 3 คน ยกฟ้อง
เมื่อเวลา 09.30 น. วันนี้ (29 ธ.ค.) ที่ศาลอาญาพระโขนง ถ.สรรพาวุธ-บางนา ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดียักยอกทรัพย์อาม่าฮวย หมายเลขดำ อ. 3228/2562 ที่พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญาพระโขนง 3 และอาม่าฮวย อายุ 85 ปี ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ลูกสาวคนที่ 2 อายุ 56 ปี และเจ้าหน้าที่ธนาคารอีก 4 คน ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานร่วมกันปลอมแปลงเอกสาร ลักทรัพย์ ยักยอกทรัพย์ กรณีลูกสาวคนที่สอง และเจ้าหน้าที่ธนาคาร ร่วมกันยักยอกทรัพย์ของนางฮวย ขณะล้มป่วยไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ โดยการพิมพ์ลายนิ้วมือจากเดิมที่เป็นลายเซ็น จึงเป็นเปลี่ยนแปลงสิทธิ์การเบิกถอนเงินในบัญชีโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ธนาคารหลายร้อยครั้งจนหมดบัญชีมูลค่าความเสียหายกว่า 257 ล้านบาท ไปโดยทุจริต ขณะจำเลยให้การปฏิเสธ วันนี้ลูกสาวคนที่สองเดินทางมาศาลพร้อมกับนายกฤษฎา อินทามระ ทนายความ และจำเลยอื่น ๆ
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายที่นำสืบหักล้างแล้วเห็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารปลอม และลักทรัพย์ ทั้ง 2 ข้อหารวม 84 กระทง คงจำคุกรวม 20 ปี และใช้เงินคืนแก่นางฮวย โจทก์ร่วม จำนวน 123 ล้านบาทด้วย ส่วนจำเลยที่ 4 มีความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารปลอม จำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา และให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2,3,5
ด้านทนายความในฐานะตัวแทนของนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความคดีนี้ กล่าวว่า คดีนี้พนักงานอัยการ และนางฮวย เป็นโจทก์ร่วมยื่นฟ้องจำเลย ซึ่งมีสถานะเป็นลูกของนางฮวย และเจ้าหน้าที่ธนาคารที่มีการร่วมกันเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการเบิกจ่ายเงินของอาม่าฮวย ก็คือ อยู่ในความผิดฐานลักทรัพย์ กับร่วมกันปลอมเอกสาร ประเด็นในเรื่องนี้คือ นางฮวย เป็นเจ้าของบัญชีธนาคาร ในขณะที่นางฮวยมีสติสัมปชัญญะ เงื่อนไขการเบิกเงินคือลงลายมือชื่อธรรมดา พอนางฮวย เจ็บป่วย ลูกสาวซึ่งเป็นจำเลย กับเจ้าหน้าที่ธนาคาร ได้ร่วมกันเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขของการจ่ายเงิน จากเดิมลงลายมือชื่อ เปลี่ยนเป็นการปั๊มลายพิมพ์นิ้วมือ หลังจากเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการเบิกจ่ายเงิน ก็มีการนำเงินของอาม่าฮวยออกจากบัญชีไป ซึ่งในลักษณะนี้เข้าข่ายความผิดฐานลักทรัพย์ และร่วมกันปลอมแปลงเอกสาร คดีนี้ทางสำนักอัยการ รวมถึงทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความนางฮวย ซึ่งได้ร่วมกันต่อสู้คดีมาจนถึงวันนี้
นอกจากนี้ ยังมีคดีพ่วงในส่วนคดีแพ่งด้วย โดยมีการฟ้องจำเลยในคดีนี้ รวมถึงทางธนาคารซึ่งเป็นต้นสังกัดของบัญชีนางฮวย ที่ได้มีการปล่อยปละให้มีการกระทำในลักษณะดังกล่าว ซึ่งมันอาจจะเป็นบรรทัดฐานต่อไปว่า ไม่ว่าจะเป็นบุคคลใดก็ตาม ที่ได้รับฝากทรัพย์ของบุคคลเหล่านั้น ควรจะมีความระมัดระวังในขณะที่ตัวบุคคลเจ้าของบัญชี อยู่ในอาการที่ไม่พึงประสงค์ไม่สามารถรับรู้เรื่องราวต่างๆ ได้ ในส่วนค่าเสียหายของคดีแพ่งนั้นได้เรียกตามในคดีอาญา รวมกว่า 200 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับคดีเกี่ยวพันกันในส่วนเเพ่ง นางฮวย ยังได้ยื่นฟ้องธนาคารแห่งหนึ่ง เจ้าหน้าที่ก 4 คน รวมถึงลูกสาว ด้วยเรียกเงินคืนจำนวน 350,357,168.92 บาท ที่ศาลแพ่งพระโขนง เป็นคดีหมายเลขดำที่ ผบ.7421/2562ฯ คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล
ล่าสุดเมื่อวันที่ 1 พ.ย.65 ที่ผ่านมา ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำคุก 12 ปี ลูกสาวซึ่งเป็นจำเลยที่ 1 โดยไม่รอลงอาญา ฐานลักทรัพย์อาม่าฮวย โดยก่อเหตุทยอยถอนเงินในบัญชี จำนวน 24,757,400 บาท เมื่อปี 2560. -สำนักข่าวไทย