กรุงเทพฯ 20 ธ.ค.- ผบ.ตร.เข้าร่วมประชุมคณะทำงานสอบสวนคดี “ตู้ห่าว” เป็นอาชญากรรมข้ามชาติ ร่วมกับคณะทำงานอัยการ ระบุทำคดีให้ไปในทิศทางเดียวกัน ด้านดีเอสไอออกหมายเรียกพยาน รวมทั้ง “พัชรินทร์” มาสอบปากคำ ก่อนพิจารณาแจ้งข้อหาฟอกเงินภายใน 30 วัน
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมายังสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อเข้าประชุมเป็นครั้งแรก หลังอัยการสูงสุดตั้งคณะทำงานพิจารณาคดี “ตู้ห่าว” เป็นอาชญากรรมข้ามชาติ โดยมีนางสาวนารี ตัณฑเสถียร อัยการสูงสุด เป็นที่ปรึกษาคณะทำงาน ร่วมกับนายสมเกียรติ คุณวัฒนานนท์ รองอัยการสูงสุด เป็นหัวหน้าคณะทำงาน
การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นที่สำนักงานอัยการสูงสุด ชั้น 9 ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าบันทึกภาพ และงดแถลงข่าวหลังประชุม โดยมีรายงานว่าสำนักงานอัยการสูงสุดจะทำข่าวแจกสื่อมวลชนภายหลัง หลังมีการพิจารณาร่วมกันในที่ประชุมเรียบร้อยแล้ว
สำหรับการประชุมครั้งนี้สืบเนื่องจาก พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล มีหนังสือมาถึงสำนักงานอัยการสูงสุดว่า คดีดังกล่าวเข้าเงื่อนไขความผิดตามกฎหมายที่ได้กระทำนอกราชอาณาจักรไทยตามมาตรา 20 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
หลังประชุมนานกว่า 1 ชั่วโมง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางกลับทันที หลังเสร็จสิ้นการประชุม โดยเปิดเผยกับสื่อมวลชนสั้น ๆ ว่าวันนี้เป็นการประชุมครั้งแรกหลังรับเป็นคดีนอกราชอาณาจักร โดยมีนางสาวนารี ตัณฑเสถียร อัยการสูงสุด เป็นที่ปรึกษา เพื่อวางกรอบแนวทาง โดยคดีมีความคืบหน้าไปมาก แต่เปิดเผยอะไรมากไม่ได้ เพราะทนายฝั่งนายตู้ห่าวก็ฟังอยู่ อาจนำไปต่อสู้คดีได้ ดังนั้น ขอให้โฆษกอัยการสูงสุดเป็นผู้แถลงความคืบหน้าแต่เพียงผู้เดียว เพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
ด้าน ร.ต.ธนกฤต จิตอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ออกหมายเรียกนางสาวพัชรินทร์ คนใกล้ชิดตู้ห่าว และนิติบุคคลอีก 21 บริษัท เป็นจำนวน 10 คน เพื่อมาสอบปากคำในฐานะพยาน ก่อนรวบรวมพยานหลักฐานพิจารณาแจ้งข้อหาฟอกเงินภายใน 30 วัน สำหรับข้อหาอาชญากรรมข้ามชาติ ดีเอสไอต้องประมวลส่งให้สำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณา หากพบว่าเข้าองค์ประกอบ อัยการสูงสุดจะเป็นผู้สั่งคดีให้พนักงานสอบสวนดำเนินการ แต่หากไม่เข้าองค์ประกอบ ดีเอสไอก็จะสอบสวนในส่วนของคดีฟอกเงิน การตั้งนอมินี และการถือหุ้นต่างๆ ส่วนตำรวจก็จะดำเนินคดีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดตามเดิม.-สำนักข่าวไทย