ดีเอสไอรับ “คดีตู้ห่าว” เป็นคดีพิเศษ “ฐานฟอกเงิน”

กรุงเทพฯ 15 ธ.ค. – ดีเอสไอรับคดี “ตู้ห่าว” เป็นคดีพิเศษ เข้าเงื่อนไขฟอกเงิน ยึดทรัพย์แล้ว 4,401 ล้านบาท ขณะ “ชูวิทย์” ตั้ง 5 คำถามถึง ผบช.น. คดีผับจินหลิง


นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยว่าที่ร้อยตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการ รมว.ยุติธรรม แถลงข่าวรับคดี “นายตู้ห่าว” หนึ่งในกลุ่มธุรกิจจีนสีเทา เป็นคดีพิเศษ เนื่องจากคดีนี้มีความซับซ้อน มีนอมินีและชาวต่างชาติเข้ามาเกี่ยวข้อง และทุนทรัพย์เกิน 3,000 ล้านบาท

โดยทางดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษเมื่อวานนี้ (14 ธ.ค.) เลขที่ 314/2565 ซึ่งเป็นการรับเป็นคดีพิเศษโดยอาศัยประกาศตามบัญชีท้าย โดยไม่ต้องเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการ เบื้องต้นจะรับเป็นคดีพิเศษเฉพาะคดีฟอกเงินก่อน เพราะเป็นความผิดที่บัญญัติไว้บัญชีท้ายของ พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ ส่วนจะรับคดีอาญาอื่นๆ มาดำเนินการด้วยหรือไม่ ยังเป็นเรื่องของอนาคต ซึ่งต้องเข้าสู่การพิจารณาของบอร์ดดีเอสไอก่อน


สำหรับทรัพย์สินที่ ป.ป.ส. และดีเอสไอ ยึดอายัดจากกลุ่มทุนจีนสีเทามาได้แล้วตอนนี้มีทั้งหมด 4,401,140,000 บาท โดยกรณีของนายตู้ห่าว ตอนนี้ดีเอสไอตรวจสอบพบว่ามีกลุ่มนายทุนต่างชาติ 4-5 กลุ่ม อยู่เบื้องหลัง ถือพาสปอร์ตต่างประเทศ น่าจะเป็นคนส่งทุนเข้ามาให้ โดยดีเอสไอมีเลขพาสปอร์ตของคนกลุ่มนี้แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบเตรียมดำเนินคดีนอมินีต่อไป

ขณะเดียวกันยังเร่งตรวจสอบเส้นทางการเงิน และสอบสวนขยายผลไปยังนิติบุคคล กรรมการบริษัท และพยานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะติดตามตัวมาสอบปากคำให้แล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์ และจะสรุปตั้งข้อกล่าวหาให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือน

ขณะเดียวกัน ป.ป.ส. เตรียมออกคำสั่งยึดอายัดทรัพย์กลุ่มทุนจีนสีเทาเพิ่มเติมอีกกว่า 1,200 ล้านบาท และเตรียมขยายผลเพิ่มเติม คาดจะยึดอายัดทรัพย์ได้อีกจำนวนมาก


ด้านนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เดินทางมาส่งมอบหลักฐานเพิ่มเติมให้กับกระทรวงยุติธรรม พร้อมทั้งมอบกระเช้าดอกไม้ให้นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม เพื่อแสดงความขอบคุณและเป็นกำลังใจให้อธิบดีและเจ้าหน้าที่ทุกท่านที่รับคดีนี้เป็นคดีพิเศษ เพราะเป็นที่พึ่งสุดท้ายแล้ว ถ้ายังไม่มีอะไรคืบหน้าอีกตนคงต้องไปกระโดดน้ำสะพานพุทธแล้ว

นายชูวิทย์ กล่าวว่า ตนเองมั่นใจว่า รมว.ยุติธรรม และดีเอสไอ มีความสามารถในการดำเนินคดีนี้ หลังที่ผ่านมาเคยไปร้องเรียนกับตำรวจแต่เกิดปัญหาล่าช้า ไม่ได้มีการแจ้งข้อหาฟอกเงินกับนายตู้ห่าว ทั้งๆ ที่ตนเองนำหลักฐานทั้งหมดมอบให้ตำรวจแล้ว

การออกมาเปิดเผยหลักฐานในคดีตู้ห่าว จนสู่ขั้นตอนการดำเนินคดีในฐานความผิดหลายข้อหา ตนเองยืนยันว่าไม่ได้รู้จักกับนายตู้ห่าว หรือใครเป็นส่วนตัว และไม่มีใครอยู่เบื้องหลังให้ออกมากลั่นแกล้งใคร แต่ตนเองออกมาในฐานะพลเมืองหรือประชาชนคนหนึ่งที่ต้องการเรียกร้องความยุติธรรมเท่านั้น ไม่ได้ต้องการรับผลประโยชน์ใดๆ ตอบแทน หากได้รับส่วนแบ่งในคดีนี้เป็นทรัพย์สิน 5% ตนเองจะนำไปบริจาคให้กับโรงพยาบาล โดยวันพรุ่งนี้ (16 ธ.ค.) เวลา 11.30 น. จะเดินทางไปพบ ผบ.ตร. ที่โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อมอบหลักฐานเพิ่มเติมในการดำเนินคดีอาญาที่ยังอยู่ในการดูแลกับตำรวจ พร้อมทั้งบริจาครถให้กับโรงพยาบาล

“ชูวิทย์” ฝาก 5 คำถามถึง ผบช.น. คดีผับจินหลิง
นายชูวิทย์ยังได้ฝากคำถาม 5 ข้อ ถึง พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. และคณะ ที่แถลงข่าวความคืบหน้าคดีผับจินหลิงในวันนี้ ประกอบด้วย 1.ทำไมถึงตั้งข้อกล่าวหาสมคบฟอกเงินกับคดียาเสพติด แต่ไม่ตั้งข้อหาสมคบฟอกเงิน 2.ทำไมไม่ตรวจสอบพยานบุคคลจากการเช่าสถานที่ของนายตู้ห่าว 3.ทำไมไม่ตรวจสอบพยานบุคคลและนักท่องเที่ยวที่เข้าไปใช้บริการ แต่กลับปล่อยกลับบ้าน 4.ใครพาเดวิส ฮอล์ และหลานตู้ห่าว หลบหนีไป ซึ่งนายชูวิทย์มองว่าเป็นการปล่อยตัวโดยมิชอบ โดยไม่มีการสอบปากคำ และ 5.มีพยานในคดีผับจินหลิงหรือไม่ และสอบปากคำพยานจีนแล้วหรือไม่

ผบช.น.แจงข้อสงสัยคดีผับจินหลิง
ด้าน พล.ต.ท.โทธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แจงข้อสงสัยต่างๆ ที่ถูกตั้งคำถามถึง โดยอธิบายถึงกระบวนการทำงานของเจ้าหน้าที่ตั้งแต่วันที่เข้าตรวจค้นผับจินหลิง คือวันที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา หลังมีข้อมูลว่ามีการลักลอบเล่นการพนัน เสพยาเสพติด ลักลอบเปิดเป็นสถานบันเทิง ซึ่งพบบุคคลหลายสัญชาติ ส่วนใหญ่เป็นชาวจีน และพบยาเสพติดหลายประเภท นอกจากนี้ยังพบรถหรูอีก 35 คัน โดยได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ติดตามหาเจ้าของรถ ส่วนที่มีการปล่อยรถคืนไปนั้น มีพยานหลักฐานที่เชื่อได้ว่ามีการทุจริต ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาลได้ตั้งกรรมการสอบสวนแล้ว

เบื้องต้นจากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุพบสารเสพติด 104 คน และจากการส่งไปตรวจละเอียดที่โรงพยาบาล พบว่ามีสารเสพติดที่สามารถระบุได้ชัดเจน 77 คน จึงดำเนินคดีเสพยาเสพติด ทั้งนี้ ยอมรับว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 ราย ที่ไม่ใช่ผู้รับมอบหมายให้เป็นผู้รับผิดชอบคดี นำหนึ่งในผู้ต้องหาแยกออกไปฟ้องเอง โดยได้รับการว่าจ้างจากผู้มีอิทธิพลทางการเงิน ขณะนี้ดำเนินคดีอาญาและส่งเรื่องให้ ป.ป.ช. แล้ว ยืนยันว่าเป็นการกระทำเฉพาะบุคคล ส่วนบุคคลที่เป็นผู้จ้างวาน ขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตาม โดยการสอบสวนอยู่ในอำนาจของป.ป.ช.

ส่วนผู้เสพที่เหลือ 76 ราย หลังส่งฟ้องได้ส่งกลับไปยังห้องกักของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ยืนยันว่าสอบปากคำทั้งหมดแล้ว รวมทั้งตรวจสอบเส้นทางการเงิน การซื้อยาเสพติดทั้งหมด ซึ่งผู้เสพรับว่ามีรถไปรับและพามาเสพ

สำหรับความคืบหน้าในคดี ตำรวจได้ดำเนินคดีกับบุคคลชาวจีน 2 คน ที่ตรวจพบในห้องเก็บยา ในข้อหามีเคตามีนไว้ในครอบครอง และจากการสืบสวนเส้นทางการเงินและการติดต่อสื่อสาร พบความเกี่ยวข้องกับบุคคลอื่นๆ อีก 10 คน ทั้งที่อยู่และไม่อยู่ในที่เกิดเหตุ จนนำไปสู่การออกหมายจับ ตอนนี้จับกุมได้แล้ว 7 คน โดยได้เสนอให้อัยการสูงสุดพิจารณาว่าทั้ง 10 รายนี้เกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติหรือไม่

พล.ต.ท.ธิติ ยังกล่าวถึงบุคคลที่เป็นผู้ดูแลสถานที่ ซึ่งมีผู้กล่าวถึงว่าเป็นเพียง รภป.นั้น ยืนยันว่าบุคคลนี้ไม่ใช่ รปภ. ขณะเข้าตรวจค้นก็แสดงตนเป็นผู้รับหมาย และบอกว่าเป็นคนดูแล เมื่อตรวจพบยาเสพติดต้องแจ้งข้อหาตามหลักฐาน

ส่วนกรณีไม่ได้ดำเนินคดีฐานฟอกเงิน พล.ต.ท.ธิติ ระบุว่า เรื่องหลักฐานเส้นทางการเงิน ตำรวจได้ส่ง ปปง. ตรวจสอบ เพื่อดำเนินคดีตามความผิดฐานฟอกเงินถึง 2 ครั้ง ยืนยันตำรวจมีการตั้งมูลฐานที่จะดำเนินคดีในความผิดฐานฟอกเงิน แต่ทุกอย่างต้องมีพยานหลักฐานที่ชัดเจน ซึ่งที่ผ่านมาใช้เวลาในการรวบรวมพยานหลักฐานมาตลอด

ตรวจยึดโรงแรมดีวาลักษณ์ เชื่อมโยง “ตู้ห่าว”
ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วยนายธนากร คัยนันท์ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. นำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบโรงแรมดีวาลักซ์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัท ดีวาลักซ์ รีสอร์ทแอนด์สปา จำกัด หมู่ 3 ต.ศีรษะจรเข้น้อย อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับนายตู้ห่าว โดยเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเอกสารเพิ่มเติม และแจ้งเข้าควบคุมกิจการ โดยเลขาธิการ ป.ป.ส. อาศัยอำนาจตามมาตรา 73 วรรคสอง ประกอบมาตรา 68 วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ.ยาเสพติดฯ มีคำสั่งให้ตรวจสอบทรัพย์สินของนายตู้ห่าว และแจ้งคำสั่งอายัดทรัพย์สินของบริษัท ดีวาลักซ์ รวมทั้งโฉนดที่ดินที่ตั้งของโรงแรมดังกล่าวจำนวน 5 แปลง รวมเนื้อที่ 37 ไร่ มูลค่ากว่า 2,970 ล้านบาท รวมทั้งรายได้อื่นใดที่อาจเกิดขึ้นหลังจากรับทราบคำสั่งนี้ และอายัดบัญชีธนาคารและบัญชีกองทุนในชื่อของนางพัชรินทร์ ในฐานะกรรมการบริษัทดังกล่าว อีกจำนวน 7 บัญชี โดยมีนางพัชรินทร์รับทราบคำสั่ง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนขับแท็กซี่ตายคารถ กว่าจะรู้ผ่านไปหลายชม.

รถแท็กซี่จอดอยู่ป้ายรถเมล์ตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น มีผู้โดยสารขึ้นรถ แล้วก็ลงมา แถมถูกบีบแตรไล่ จนพ่อค้าขายข้าวโพดต้มเข้าไปเรียกพบคนขับนอนคอพับเสียชีวิต

ถอนตัวWHO

“ทรัมป์” ลงนามในคำสั่งให้สหรัฐถอนตัวจากการเป็นสมาชิกอนามัยโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววานนี้ว่า สหรัฐจะออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก โดยเขาระบุว่า องค์การอนามัยโลกดำเนินการผิดพลาดในการรับมือกับโรคโควิด-19

พิตบูลขย้ำหัวพระ

“อเมริกันบูลลี่” ขย้ำหัวพระ-กัดข้อมือหาย มรณภาพคากุฏิ

สลด! หลวงพี่ เลขาเจ้าอาวาสวัด เลี้ยงอเมริกันบูลลี่ไว้ตั้งแต่เป็นลูกสุนัข ผ่านไปปีกว่า ถูกขย้ำหัวมรณภาพคากุฏิ ข้อมือขาดหายไป ยังหาไม่พบ

ข่าวแนะนำ

นายกฯ สวมกระโปรงผ้าปาเต๊ะ ร่วมประชุม WEF อวดผ้าไทยสู่สายตาโลก

นายกฯ สวมกระโปรงผ้าปาเต๊ะ จากภาคใต้ ร่วมประชุม WEF อวดผ้าไทยสู่สายตาโลก หารือผู้นำและภาคเอกชนชั้นนำของโลก

กทม.จำกัดพื้นที่ชั้นใน ห้ามรถบรรทุกวิ่ง เริ่มคืนนี้!

ผู้ว่าฯ กทม. ติดตามสถานการณ์ฝุ่น กทม. คาดสุดสัปดาห์ระบายอากาศดีขึ้น พร้อมจำกัดพื้นที่ชั้นใน ห้ามวิ่งรถบรรทุก เริ่มคืนนี้! ย้ำประชาชนช่วยสอดส่องการลอบเผา ต้นเหตุฝุ่น PM 2.5

จำคุกทนายเดชา

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” ปมไลฟ์หมิ่น “อ.อ๊อด”

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” คดีหมิ่น “อ.อ๊อด” ปรับ 1 แสนบาท ปมไลฟ์ด่าเสียหาย ให้รอลงอาญา โจทก์เตรียมอุทธรณ์ต่อ ขอให้ติดคุกจริง

ตรวจสอบสิทธิ์เงินหมื่น

ตรวจสอบสิทธิ์เงินหมื่นคนอายุ 60+ ผ่านแอป “ทางรัฐ” ได้แล้ว

“จิรายุ” ย้ำเงินหมื่นเฟส 2 มอบคนอายุ 60+ รัฐบาลพร้อมโอนไม่มีเปลี่ยนแปลงแล้ว วันจันทร์ที่ 27 ม.ค.นี้ แน่นอน สามารถตรวจสอบสิทธิ์ผ่านแอป “ทางรัฐ” ได้แล้ววันนี้ ส่วนคนไม่มีสมาร์ทโฟน ฝากลูกหลานช่วยด้วย