ดีเอสไอรับ “คดีตู้ห่าว” เป็นคดีพิเศษ “ฐานฟอกเงิน”

กรุงเทพฯ 15 ธ.ค. – ดีเอสไอรับคดี “ตู้ห่าว” เป็นคดีพิเศษ เข้าเงื่อนไขฟอกเงิน ยึดทรัพย์แล้ว 4,401 ล้านบาท ขณะ “ชูวิทย์” ตั้ง 5 คำถามถึง ผบช.น. คดีผับจินหลิง


นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยว่าที่ร้อยตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการ รมว.ยุติธรรม แถลงข่าวรับคดี “นายตู้ห่าว” หนึ่งในกลุ่มธุรกิจจีนสีเทา เป็นคดีพิเศษ เนื่องจากคดีนี้มีความซับซ้อน มีนอมินีและชาวต่างชาติเข้ามาเกี่ยวข้อง และทุนทรัพย์เกิน 3,000 ล้านบาท

โดยทางดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษเมื่อวานนี้ (14 ธ.ค.) เลขที่ 314/2565 ซึ่งเป็นการรับเป็นคดีพิเศษโดยอาศัยประกาศตามบัญชีท้าย โดยไม่ต้องเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการ เบื้องต้นจะรับเป็นคดีพิเศษเฉพาะคดีฟอกเงินก่อน เพราะเป็นความผิดที่บัญญัติไว้บัญชีท้ายของ พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ ส่วนจะรับคดีอาญาอื่นๆ มาดำเนินการด้วยหรือไม่ ยังเป็นเรื่องของอนาคต ซึ่งต้องเข้าสู่การพิจารณาของบอร์ดดีเอสไอก่อน


สำหรับทรัพย์สินที่ ป.ป.ส. และดีเอสไอ ยึดอายัดจากกลุ่มทุนจีนสีเทามาได้แล้วตอนนี้มีทั้งหมด 4,401,140,000 บาท โดยกรณีของนายตู้ห่าว ตอนนี้ดีเอสไอตรวจสอบพบว่ามีกลุ่มนายทุนต่างชาติ 4-5 กลุ่ม อยู่เบื้องหลัง ถือพาสปอร์ตต่างประเทศ น่าจะเป็นคนส่งทุนเข้ามาให้ โดยดีเอสไอมีเลขพาสปอร์ตของคนกลุ่มนี้แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบเตรียมดำเนินคดีนอมินีต่อไป

ขณะเดียวกันยังเร่งตรวจสอบเส้นทางการเงิน และสอบสวนขยายผลไปยังนิติบุคคล กรรมการบริษัท และพยานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะติดตามตัวมาสอบปากคำให้แล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์ และจะสรุปตั้งข้อกล่าวหาให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือน

ขณะเดียวกัน ป.ป.ส. เตรียมออกคำสั่งยึดอายัดทรัพย์กลุ่มทุนจีนสีเทาเพิ่มเติมอีกกว่า 1,200 ล้านบาท และเตรียมขยายผลเพิ่มเติม คาดจะยึดอายัดทรัพย์ได้อีกจำนวนมาก


ด้านนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เดินทางมาส่งมอบหลักฐานเพิ่มเติมให้กับกระทรวงยุติธรรม พร้อมทั้งมอบกระเช้าดอกไม้ให้นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม เพื่อแสดงความขอบคุณและเป็นกำลังใจให้อธิบดีและเจ้าหน้าที่ทุกท่านที่รับคดีนี้เป็นคดีพิเศษ เพราะเป็นที่พึ่งสุดท้ายแล้ว ถ้ายังไม่มีอะไรคืบหน้าอีกตนคงต้องไปกระโดดน้ำสะพานพุทธแล้ว

นายชูวิทย์ กล่าวว่า ตนเองมั่นใจว่า รมว.ยุติธรรม และดีเอสไอ มีความสามารถในการดำเนินคดีนี้ หลังที่ผ่านมาเคยไปร้องเรียนกับตำรวจแต่เกิดปัญหาล่าช้า ไม่ได้มีการแจ้งข้อหาฟอกเงินกับนายตู้ห่าว ทั้งๆ ที่ตนเองนำหลักฐานทั้งหมดมอบให้ตำรวจแล้ว

การออกมาเปิดเผยหลักฐานในคดีตู้ห่าว จนสู่ขั้นตอนการดำเนินคดีในฐานความผิดหลายข้อหา ตนเองยืนยันว่าไม่ได้รู้จักกับนายตู้ห่าว หรือใครเป็นส่วนตัว และไม่มีใครอยู่เบื้องหลังให้ออกมากลั่นแกล้งใคร แต่ตนเองออกมาในฐานะพลเมืองหรือประชาชนคนหนึ่งที่ต้องการเรียกร้องความยุติธรรมเท่านั้น ไม่ได้ต้องการรับผลประโยชน์ใดๆ ตอบแทน หากได้รับส่วนแบ่งในคดีนี้เป็นทรัพย์สิน 5% ตนเองจะนำไปบริจาคให้กับโรงพยาบาล โดยวันพรุ่งนี้ (16 ธ.ค.) เวลา 11.30 น. จะเดินทางไปพบ ผบ.ตร. ที่โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อมอบหลักฐานเพิ่มเติมในการดำเนินคดีอาญาที่ยังอยู่ในการดูแลกับตำรวจ พร้อมทั้งบริจาครถให้กับโรงพยาบาล

“ชูวิทย์” ฝาก 5 คำถามถึง ผบช.น. คดีผับจินหลิง
นายชูวิทย์ยังได้ฝากคำถาม 5 ข้อ ถึง พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. และคณะ ที่แถลงข่าวความคืบหน้าคดีผับจินหลิงในวันนี้ ประกอบด้วย 1.ทำไมถึงตั้งข้อกล่าวหาสมคบฟอกเงินกับคดียาเสพติด แต่ไม่ตั้งข้อหาสมคบฟอกเงิน 2.ทำไมไม่ตรวจสอบพยานบุคคลจากการเช่าสถานที่ของนายตู้ห่าว 3.ทำไมไม่ตรวจสอบพยานบุคคลและนักท่องเที่ยวที่เข้าไปใช้บริการ แต่กลับปล่อยกลับบ้าน 4.ใครพาเดวิส ฮอล์ และหลานตู้ห่าว หลบหนีไป ซึ่งนายชูวิทย์มองว่าเป็นการปล่อยตัวโดยมิชอบ โดยไม่มีการสอบปากคำ และ 5.มีพยานในคดีผับจินหลิงหรือไม่ และสอบปากคำพยานจีนแล้วหรือไม่

ผบช.น.แจงข้อสงสัยคดีผับจินหลิง
ด้าน พล.ต.ท.โทธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แจงข้อสงสัยต่างๆ ที่ถูกตั้งคำถามถึง โดยอธิบายถึงกระบวนการทำงานของเจ้าหน้าที่ตั้งแต่วันที่เข้าตรวจค้นผับจินหลิง คือวันที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา หลังมีข้อมูลว่ามีการลักลอบเล่นการพนัน เสพยาเสพติด ลักลอบเปิดเป็นสถานบันเทิง ซึ่งพบบุคคลหลายสัญชาติ ส่วนใหญ่เป็นชาวจีน และพบยาเสพติดหลายประเภท นอกจากนี้ยังพบรถหรูอีก 35 คัน โดยได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ติดตามหาเจ้าของรถ ส่วนที่มีการปล่อยรถคืนไปนั้น มีพยานหลักฐานที่เชื่อได้ว่ามีการทุจริต ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาลได้ตั้งกรรมการสอบสวนแล้ว

เบื้องต้นจากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุพบสารเสพติด 104 คน และจากการส่งไปตรวจละเอียดที่โรงพยาบาล พบว่ามีสารเสพติดที่สามารถระบุได้ชัดเจน 77 คน จึงดำเนินคดีเสพยาเสพติด ทั้งนี้ ยอมรับว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 ราย ที่ไม่ใช่ผู้รับมอบหมายให้เป็นผู้รับผิดชอบคดี นำหนึ่งในผู้ต้องหาแยกออกไปฟ้องเอง โดยได้รับการว่าจ้างจากผู้มีอิทธิพลทางการเงิน ขณะนี้ดำเนินคดีอาญาและส่งเรื่องให้ ป.ป.ช. แล้ว ยืนยันว่าเป็นการกระทำเฉพาะบุคคล ส่วนบุคคลที่เป็นผู้จ้างวาน ขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตาม โดยการสอบสวนอยู่ในอำนาจของป.ป.ช.

ส่วนผู้เสพที่เหลือ 76 ราย หลังส่งฟ้องได้ส่งกลับไปยังห้องกักของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ยืนยันว่าสอบปากคำทั้งหมดแล้ว รวมทั้งตรวจสอบเส้นทางการเงิน การซื้อยาเสพติดทั้งหมด ซึ่งผู้เสพรับว่ามีรถไปรับและพามาเสพ

สำหรับความคืบหน้าในคดี ตำรวจได้ดำเนินคดีกับบุคคลชาวจีน 2 คน ที่ตรวจพบในห้องเก็บยา ในข้อหามีเคตามีนไว้ในครอบครอง และจากการสืบสวนเส้นทางการเงินและการติดต่อสื่อสาร พบความเกี่ยวข้องกับบุคคลอื่นๆ อีก 10 คน ทั้งที่อยู่และไม่อยู่ในที่เกิดเหตุ จนนำไปสู่การออกหมายจับ ตอนนี้จับกุมได้แล้ว 7 คน โดยได้เสนอให้อัยการสูงสุดพิจารณาว่าทั้ง 10 รายนี้เกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติหรือไม่

พล.ต.ท.ธิติ ยังกล่าวถึงบุคคลที่เป็นผู้ดูแลสถานที่ ซึ่งมีผู้กล่าวถึงว่าเป็นเพียง รภป.นั้น ยืนยันว่าบุคคลนี้ไม่ใช่ รปภ. ขณะเข้าตรวจค้นก็แสดงตนเป็นผู้รับหมาย และบอกว่าเป็นคนดูแล เมื่อตรวจพบยาเสพติดต้องแจ้งข้อหาตามหลักฐาน

ส่วนกรณีไม่ได้ดำเนินคดีฐานฟอกเงิน พล.ต.ท.ธิติ ระบุว่า เรื่องหลักฐานเส้นทางการเงิน ตำรวจได้ส่ง ปปง. ตรวจสอบ เพื่อดำเนินคดีตามความผิดฐานฟอกเงินถึง 2 ครั้ง ยืนยันตำรวจมีการตั้งมูลฐานที่จะดำเนินคดีในความผิดฐานฟอกเงิน แต่ทุกอย่างต้องมีพยานหลักฐานที่ชัดเจน ซึ่งที่ผ่านมาใช้เวลาในการรวบรวมพยานหลักฐานมาตลอด

ตรวจยึดโรงแรมดีวาลักษณ์ เชื่อมโยง “ตู้ห่าว”
ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วยนายธนากร คัยนันท์ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. นำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบโรงแรมดีวาลักซ์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัท ดีวาลักซ์ รีสอร์ทแอนด์สปา จำกัด หมู่ 3 ต.ศีรษะจรเข้น้อย อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับนายตู้ห่าว โดยเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเอกสารเพิ่มเติม และแจ้งเข้าควบคุมกิจการ โดยเลขาธิการ ป.ป.ส. อาศัยอำนาจตามมาตรา 73 วรรคสอง ประกอบมาตรา 68 วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ.ยาเสพติดฯ มีคำสั่งให้ตรวจสอบทรัพย์สินของนายตู้ห่าว และแจ้งคำสั่งอายัดทรัพย์สินของบริษัท ดีวาลักซ์ รวมทั้งโฉนดที่ดินที่ตั้งของโรงแรมดังกล่าวจำนวน 5 แปลง รวมเนื้อที่ 37 ไร่ มูลค่ากว่า 2,970 ล้านบาท รวมทั้งรายได้อื่นใดที่อาจเกิดขึ้นหลังจากรับทราบคำสั่งนี้ และอายัดบัญชีธนาคารและบัญชีกองทุนในชื่อของนางพัชรินทร์ ในฐานะกรรมการบริษัทดังกล่าว อีกจำนวน 7 บัญชี โดยมีนางพัชรินทร์รับทราบคำสั่ง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

เปิดภาพสายลับเขมรปลอมเป็นพระ ร่วมป่วนชายแดนสระแก้ว

สระแก้ว 18 ก.ย. – เปิดภาพสายลับกัมพูชาปลอมเป็นพระสงฆ์ ปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม ร่วมก่อความวุ่นวายชายแดนบ้านหนองหญ้าแก้ว จนท.ฝ่ายไทยเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มข้น เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยตรวจพบความเคลื่อนไหวสำคัญ โดยมีกลุ่มทหารกัมพูชา พร้อมด้วยกำนันลี บุคคลสำคัญในพื้นที่ฝั่งกัมพูชา ได้เกณฑ์ชาวบ้านจากหลายหมู่บ้านใกล้ชายแดนเข้ามาในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว คาดหมายว่า การรวมกลุ่มครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมเข้ารื้อถอนรั้วลวดหนาม ที่ฝ่ายไทยเพิ่งติดตั้งเสริมความมั่นคงตลอดแนวชายแดน ขณะเดียวกันฝ่ายความมั่นคงไทยได้ส่งโดรนบินตรวจการณ์เหนือพื้นที่ พบว่าฝั่งกัมพูชามีการเคลื่อนไหวผิดปกติ ชาวบ้านเริ่มรวมตัวกันหนาแน่นมากขึ้น และมีสัญญาณว่ามีการจัดตั้งอย่างเป็นระบบ โดยไม่ใช่การรวมตัวตามธรรมชาติของชาวบ้านทั่วไป สายลับกัมพูชาปลอมเป็นพระ ร่วมชุมนุมที่น่ากังวลไปกว่านั้นเจ้าหน้าที่ไทยสามารถยืนยันได้ว่ามีทหารสายลับของกัมพูชาปลอมตัวเป็นพระสงฆ์ปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม โดยใช้ผ้าเหลืองบังหน้าเพื่อไม่ให้ถูกสงสัย ถือเป็นยุทธวิธีในการแทรกซึมและสอดแนมการทำงานของฝ่ายไทย ทั้งยังเสี่ยงต่อการสร้างสถานการณ์ บิดเบือนหากเกิดการเผชิญหน้า ด้านกองกำลังบูรพาและหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มข้น เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน และชุดควบคุมฝูงชน ยังคงตรึงกำลังตลอดแนวชายแดน เพื่อป้องกันการรุกล้ำพื้นที่ โดยพฤติกรรมของฝั่งกัมพูชาในระยะนี้สะท้อนให้เห็นถึงการจัดตั้งที่มี “ผู้ชี้นำเบื้องหลัง” คอยปลุกระดมและผลักดันชาวบ้านให้เข้ามาเคลื่อนไหว อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเข้ารื้อรั้วลวดหนาม หรือการปะทะกับเจ้าหน้าที่ไทย ขณะที่ฝ่ายไทยยังคงยืนยันการปฏิบัติในกรอบสากล ไม่ตอบโต้ด้วยความรุนแรง ยกเว้นในกรณีที่ถูกบุกรุกหรือคุกคามความมั่นคงโดยตรง ด้านเพจ army military force ได้โพสภาพพร้อมข้อความวัยรุ่นเขมรโพสต์รูปพร้อมแคปชั่นท้าทาย “ไม่กลัวแก๊สนํ้าตาของพวกเสียม ถ้าแน่จริงก็ใช้มันเลย วันนี้ผมใส่หน้ากากครอบทั้งหน้า ไม่หวั่นกลัวสิ่งใดๆ ขอเพียงใช้แค่แก๊สนํ้าตาพอ กระสุนยางไม่ต้อง […]

รอง ผบ.ตร. ลั่นรุกล้ำเขตแดนไทย จับกุมทันที

สระแก้ว 18 ก.ย. – รอง ผบ.ตร. ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ชายแดนบ้านหนองหญ้าแก้ว ปรับแผนเตรียมรับมือ ป้องกันเหตุบานปลาย จ่อใช้กฎหมายดำเนินคดี ลั่นรุกล้ำเขตแดนไทย จับกุมทันที หลังจากเมื่อวานนี้ (17 ก.ย.) ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 4 นาย ช่วงบ่ายวันนี้ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ พร้อมกับติดตามสถานการณ์ร่วมกับนายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว และกรมป่าไม้ ณ ที่ว่าการอำเภอโคกสูง เพื่อปรับแผนเตรียมรับมือหากเกิดความไม่สงบขึ้น หลังจากการประชุม เวลา 16.30 น. พล.ต.อ.ไกรบุญ เปิดเผยว่า การเดินทางลงพื้นที่ อ.โคกสูง จ.สระแก้ว เพื่อหาวิธีไม่ให้เหตุการณ์บานปลายไปมากกว่านี้ แนวทางการปฏิบัติคือจะใช้กฎหมายจับกุมดำเนินคดีตามมาตรการจากเบาไปหาหนัก ขอให้มั่นใจว่าจะบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยจะใช้พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง เป็นกฎหมายนำในการดำเนินคดี เมื่อมีการรุกล้ำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยจะจับกุมทันที และยังคงเน้นย้ำให้กำลังพลอดทนอดกลั้น รวมถึงอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานเพื่อระบุตัวตนและดำเนินคดีกับผู้ที่ก่อความวุ่นวาย ด้านชาวบ้านในพื้นที่ เล่าว่า ตั้งแต่อยู่ที่นี่มาตลอดชีวิตหนนี้เป็นหนที่ 3 ที่เกิดความวุ่นวายขึ้น ก่อนหน้านี้มีชาวกัมพูชาอพยพมาอาศัยอยู่หมู่บ้านจำนวนมาก […]

เร่งล่าโจรบุกเดี่ยวชิงทอง ใช้มีดจี้ลูกค้าเป็นตัวประกัน

สระบุรี 18 ก.ย. – ตำรวจเร่งล่าตัวคนร้ายบุกเดี่ยวชิงทอง ใช้มีดจี้ลูกค้าเป็นตัวประกัน บังคับเจ้าของร้านหยิบทองใส่ถุงผ้า มูลค่ากว่า 2 แสนบาท ก่อนออกจากร้านซิ่งรถจักรยานยนต์หลบหนีไป วงจรปิดร้านทองภายในตลาดใหม่ท่าลาน ริมถนนสายท่าลาน-ห้วยบง ต.บ้านครัว อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี จับภาพคนร้ายเป็นชายสวมหมวกกันน็อกสีแดง สวมเสื้อคลุมแขนยาวสีครีม กางเกงยีน รองเท้าเตะ ใช้อาวุธมีดปลายแหลมจี้ลูกค้าในร้านเป็นตัวประกัน เพื่อบังคับให้เจ้าของร้านซึ่งเป็นหญิงสูงอายุ ส่งเงินและทองให้ ตอนแรกเจ้าของร้านพยายามเจรจาต่อรอง แต่คนร้ายต้องการเงินและข่มขู่จะฆ่าตัวประกันหากไม่ส่งทองให้ สุดท้ายเจ้าของร้านต้องหยิบทองให้คนร้ายไป เป็นสร้อยข้อมือทองคำเส้นละ 1 สลึง จำนวน 11 เส้น เป็นเงิน 220,000 บาท จากนั้นคนร้ายปล่อยตัวประกัน ก่อนจะออกจากร้านขี่รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า รุ่นเอ็นแม็กซ์ สีเทาดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน หลบหนีไป ตำรวจ สภ.บ้านหมอ ส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่ สืบสวนหาข้อมูลและกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายจะหลบหนี เชื่อว่าไม่นานจะจับคนร้ายได้.-สำนักข่าวไทย

ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพงเครียด ปฏิเสธโกงเงินวัด ยันไม่มีสัมพันธ์สีกา

กรุงเทพฯ 18 ก.ย. – พระครูปริยัติวัฒนกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง เปิดใจเป็นครั้งแรก หลังถูกเพจดังกล่าวหาทุจริตเงินวัดและมีสัมพันธ์สีกา 3 คน ความเคลื่อนไหวภายในวัดหัวลำโพง พระอารามหลวง กลางกรุงเทพฯ ยังคงถูกจับตามอง หลังเกิดกระแสข่าวลือในสังคมออนไลน์ กล่าวหาผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดว่าอาจมีส่วนพัวพันทั้งเรื่องการบริหารจัดการเงินวัดไม่โปร่งใส และถูกเชื่อมโยงกับความสัมพันธ์สีกาถึง 3 ราย จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ล่าสุด พระธรรมสุธี เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาคที่หนึ่ง ได้โทรศัพท์สอบถามให้พระครูปริยัติวัฒนกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงกับผู้สื่อข่าว ซึ่งสุดท้ายพระครูยอมเปิดใจผ่านโทรศัพท์เป็นครั้งแรก โดยระบุว่า หลังได้เห็นข่าวในโซเชียล ยอมรับว่ารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ในประเด็นแรก เรื่องการทุจริตเงินวัด พระครูฯ ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง โดยปกติหน้าที่เกี่ยวข้องกับเงินของตนเองมีเพียงรับเงินทำบุญจากญาติโยม จากนั้นก็จะส่งต่อให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง ส่วนงานฌาปนกิจศพที่ตนดูแล เมื่อได้รับเงินจากเจ้าภาพก็จะทำการหักค่าแรงของคนงานออก ก่อนออกใบเสร็จยืนยัน ทุกขั้นตอนมีหลักฐานตรวจสอบได้ ส่วนข่าวลือเรื่องมีสัมพันธ์ชู้สาวกับสีกา 3 คน พระครูฯ ปฏิเสธหนักแน่นว่าไม่เป็นความจริงทั้งหมด โดย “นางกระแต” ที่ถูกอ้างว่าเป็นภรรยาคนแรกนั้น แท้จริงเป็นเพียงญาติโยมที่รู้จักกันมานานและจะมาทำบุญถวายสังฆทานเป็นครั้งคราวเท่านั้น ขณะที่ “นางแมว” เป็นอดีตคนงานวัด และ “นางดา” […]