fbpx

ผบช.น.แจงประเด็นข้อสงสัยคดีผับจินหลิง

กรุงเทพฯ 15 ธ.ค. – ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แถลงความคืบหน้าคดีผับจินหลิง พร้อมชี้แจงข้อสงสัยต่างๆ ที่ถูกตั้งคำถามถึง ยืนยันตั้งใจทำคดีนี้ให้สมบูรณ์ ไม่เป็นมวยล้มต้มคนดู


พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) แถลงข่าวความคืบหน้าคดีผับจินหลิง โดยได้อธิบายถึงกระบวนการทำงานของเจ้าหน้าที่ ตั้งแต่วันที่เข้าตรวจค้นสถานที่ดังกล่าว เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2565 ซึ่งมีข้อมูลว่ามีการลักลอบเล่นการพนัน เสพยาเสพติด ลักลอบเปิดเป็นสถานบันเทิง ซึ่งจากการตรวจค้นได้พบบุคคลหลายสัญชาติ ส่วนใหญ่เป็นชาวจีน และพบสิ่งผิดกฎหมาย เป็นยาเสพติดหลายประเภท จึงได้ตรวจยึดไว้ และให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเก็บหลักฐานจากกล้องวงจรปิดภายในสถานที่ดังกล่าว ซึ่งได้ข้อมูลที่สำคัญในการเชื่อมโยงถึงผู้ที่เกี่ยวข้อง

นอกจากนี้ ยังตรวจพบรถหรูอีกจำนวน 35 คัน ซึ่งยืนยันว่าได้มีการตรวจค้นรถตั้งแต่วันจับกุม มีภาพถ่ายและคลิปวิดีโอในการตรวจค้นทั้งหมด แต่มองว่าหลักฐานเหล่านี้ควรถูกนำมาใช้ในชั้นศาลมากกว่านำออกมาเปิดเผย ส่วนรถยนต์ที่ตรวจยึดไว้ได้ดำเนินการสั่งการให้เจ้าหน้าที่สืบสวนตรวจสอบติดตามเจ้าของรถ ซึ่งการที่มีการปล่อยรถคืนไปนั้น จะมีเจ้าหน้าที่ที่ไม่ได้ทำตามคำสั่งการหรือไม่ ซึ่งมีพยานหลักฐานที่อาจเชื่อได้ว่ามีการทุจริต ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาลได้ตั้งกรรมการสอบสวนแล้ว อยู่ระหว่างการสอบสวนของคณะกรรมการ


ส่วนบุคคลที่พบในสถานที่เกิดเหตุ จากการตรวจหาสารเสพติดด้วยชุดตรวจเบื้องต้น พบสารเสพติด 104 ราย และส่งไปตรวจโดยละเอียดที่โรงพยาบาล ซึ่งพบบุคคลที่มีสารเสพติดที่สามารถระบุได้ชัดเจน จำนวน 77 ราย จึงนำไปดำเนินคดีฐานเสพยาเสพติด ทั้งนี้ ยอมรับว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 นาย ที่ไม่ใช่ผู้รับมอบหมายให้เป็นผู้รับผิดชอบคดี นำผู้ต้องหา 1 ราย แยกออกไปฟ้องเอง โดยได้รับการติดต่อจากบุคคลภายนอก ซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลทางการเงิน ใช้เงินในการจ้างวานเจ้าหน้าที่ให้กระทำผิด ซึ่งขณะนี้ได้มีการดำเนินคดีอาญา และส่งเรื่องให้ ป.ป.ช. ดำเนินการแล้ว โดยยืนยันว่าเป็นการกระทำเฉพาะบุคคล ส่วนบุคคลที่เป็นผู้จ้างวาน ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการติดตาม โดยการสอบสวนได้อยู่ในอำนาจของ ป.ป.ช.

ส่วนผู้เสพที่เหลือ 76 ราย หลังส่งฟ้องได้ดำเนินการส่งกลับไปยังห้องกักของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และยืนยันว่าได้มีการสอบปากคำทั้งหมดไว้เป็นพยานในคดีแล้ว โดยมีการสอบถามรายละเอียดถึงที่มาที่ไปในการเข้ามาที่สถานที่ดังกล่าว รวมทั้งตรวจสอบร่องรอยการสื่อสาร เส้นทางการเงิน การซื้อยาเสพติดทั้งหมด ซึ่งผู้เสพก็ให้การที่เป็นประโยชน์ โดยบอกว่ามีรถไปรับและพามาเสพ

สำหรับความคืบหน้าในคดี ตำรวจได้ดำเนินคดีกับบุคคลชาวจีน 2 คน ที่ตรวจพบในห้องเก็บยา ในข้อหามีเคตามีนไว้ในครอบครอง และได้สืบสวนเส้นทางการเงินและการติดต่อสื่อสาร พบความเกี่ยวข้องกับบุคคลอื่นๆ อีก 10 ราย ทั้งที่อยู่และไม่อยู่ในที่เกิดเหตุ จนสามารถออกหมายจับได้ ตอนนี้สามารถจับกุมได้แล้ว 7 ราย ทำหน้าที่แตกต่างกัน และยังได้มีการเสนอไปให้อัยการสูงสุดพิจารณาว่าทั้ง 10 รายนี้ เกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติหรือไม่ เพราะบุคคลที่เกี่ยวข้องมาจากหลายประเทศ หลายสัญชาติ แต่มีความเชื่อมโยงกัน จึงพิจารณาแล้วเห็นว่าเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ เลยได้เสนอไปยังอัยการสูงสุด จนนำไปสู่การตั้งคณะทำงานฯ ตามที่ปรากฏเป็นข่าว


พล.ต.ท.ธิติ ยังได้กล่าวถึงบุคคลที่เป็นผู้ดูแลสถานที่ ซึ่งมีผู้กล่าวถึงว่าเป็นเพียงยามนั้น ยืนยันว่า บุคคลนี้ไม่ใช่ยาม แต่ถูกจ้างไว้ดูแลสถานที่ ซึ่งขณะที่เข้าไปตรวจค้น บุคคลนี้ก็ได้แสดงตนเป็นผู้รับหมาย และบอกว่าเป็นคนดูแล เพราะในนั้นมีแต่ชาวต่างชาติ และบุคคลนี้เป็นคนที่สามารถสื่อสารได้ จึงถูกจ้างไว้ดูแล ซึ่งเมื่อตรวจพบยาเสพติดก็ต้องแจ้งข้อหาตามหลักฐานที่ปรากฏ ทั้งนี้ จากการสอบถามเบื้องต้นบุคคลนี้ไม่ได้ให้ข้อมูลที่เป็นจริง แต่หลังจากที่พนักงานสอบสวนได้พูดคุยระยะเวลาหนึ่งจนผู้ต้องหาไว้ใจ จึงให้การที่เป็นประโยชน์ ซึ่งในส่วนของความผิดก็ต้องพิจารณาสั่งคดีไปตามนั้น แต่คำให้การที่เป็นประโยชน์ก็ต้องพิจารณานำเข้าสำนวน โดยมีทั้งภาพและเสียงประกอบการสอบปากคำว่าผู้ให้ถ้อยคำอยู่ในสภาพที่มีสติ ไม่ได้ถูกโน้มน้าวหรือหว่านล้อมชักจูง

พล.ต.ท.ธิติ ยังได้กล่าวถึงกรณีที่ไม่ได้มีการดำเนินคดีฐานฟอกเงิน โดยระบุว่า เรื่องหลักฐานเส้นทางการเงิน ตำรวจได้มีการส่ง ปปง. ตรวจสอบ เพื่อดำเนินคดีตามความผิดฐานฟอกเงินแล้วถึง 2 ครั้ง ซึ่งการพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหา ควรให้เป็นอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญ จึงจะสามารถแจ้งข้อกล่าวหาได้ครอบคลุมมากกว่า ส่วนการอายัดทรัพย์สินต้องเลือกยึดอายัดตามกฎหมายยาเสพติดก่อน เพราะทำได้รวดเร็วมากกว่า และยืนยันว่า ตำรวจมีการตั้งมูลฐานที่จะดำเนินคดีในความผิดฐานฟอกเงิน แต่ทุกอย่างต้องมีพยานหลักฐานที่ชัดเจนและหนักแน่น ก่อนที่จะเปิดเผยอะไรออกไป ซึ่งที่ผ่านมาได้ใช้เวลาในการรวบรวมพยานหลักฐานมาตลอด สำหรับคนที่เฝ้ารอดูอาจรู้สึกว่านาน แต่พยานหลักฐานแต่ละชิ้นนั้น ไม่ได้หามาได้ง่ายๆ เพราะหลักฐานไม่ได้ถูกทิ้งไว้ในที่เกิดเหตุ อย่างไรก็ตาม การที่กรมสอบสวนคดีพิเศษรับคดีนี้ไปดำเนินการในส่วนของความผิดฟอกเงิน พยานหลักฐานทั้งหมดที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลได้ดำเนินการรวบรวมมา ก็จะให้พนักงานสอบสวนทำต่อไป ซึ่งหากพบบุคคลที่เชื่อมโยงกับคดียาเสพติด ก็ต้องดำเนินการเอาผิดเพิ่มทั้งหมด พร้อมยืนยันว่า ตั้งใจจะทำคดีนี้ให้สมบูรณ์ ไม่เป็นมวยล้มต้มคนดู เพราะเป็นคดีที่กระทบโครงสร้างทางเศรษฐกิจมาก เมื่อถามว่า มีอะไรจะพูดถึงบุคคลที่ออกมาตั้งคำถามถึงการทำงานของตนเองหรือไม่ พล.ต.ท.ธิติ ระบุว่า ขอตัวทำงานดีกว่า จะทำให้เต็มที่. -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

บุกเดี่ยวชิงทองห้างดังเชียงใหม่ กวาดทอง 50 บาทหนี

คนร้ายบุกเดี่ยวชิงทองในร้านทองกลางห้างดังที่เชียงใหม่ กวาดทองไปกว่า 50 บาท โดยใช้เวลาแค่ 1 นาที 40 วินาที เจ้าหน้าที่ไล่ล่าคนร้าย

รวบแล้ว ‘บอล ปากแหว่ง’ ก่อเหตุชิงทรัพย์ 3.3 ล้าน

รวบแล้ว “บอล ปากแหว่ง” ก่อเหตุชิงทรัพย์เงินสด 3.3 ล้านบาท บริเวณลานจอดรถห้างดังย่านพัฒนาการ หลังหนีกบดานที่ สปป ลาว กำลังประสานส่งตัวมาดำเนินคดีที่ไทย

เต็นท์รถดิ้นหนีตาย ขายขาดทุนคันเป็นแสน

ท่ามกลางสงครามราคา ทั้งรถไฟฟ้าและรถน้ำมัน รวมทั้งสภาพเศรษฐกิจ ทำให้รถถูกยึดจำนวนมาก ไฟแนนซ์เข้มงวดปล่อยสินเชื่อ ส่งผลให้เต็นท์รถมือสองใน จ.เชียงใหม่ ซบเซาอย่างหนัก ปิดตัวลงไปเยอะ ที่เหลือต้องดิ้นรนอย่างหนัก ยอมขายขาดทุน เพื่อประคองตัวให้รอด ขณะที่อีกมุมอาจเป็นโอกาสทองของผู้บริโภค

สาวใหญ่ อสม. ยอมคืนลอตเตอรี่ถูกรางวัลให้ “ตาอ้าย” แล้ว

หวยอลเวง จ.ลำปาง กรณี “ตาอ้าย” อายุ 74 ปี ถูกสาวใหญ่ อสม.ขโมยสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ถูกรางวัลข้างเคียงรางวัลที่ 1 ไป ล่าสุด สาวใหญ่ ยอมรับสารภาพว่าเอาไปจริง และนำสลากมาคืนให้แล้ว โดยมอบให้ผ่านตำรวจ สภ.เสริมงาม

ข่าวแนะนำ

รวบแล้วหนุ่มบุกเดี่ยวชิงทองกลางห้างดังเชียงใหม่

รวบแล้วหนุ่มบุกเดี่ยวชิงทองเกือบร้อยบาท ในร้านทองกลางห้างดัง จ.เชียงใหม่ วางแผนลวงเจ้าของรถเก๋งไปฆ่า เพื่อชิงรถมาก่อเหตุชิงทอง ก่อนจัดฉากนำรถและศพไปทิ้งบนดอยสุเทพ

ทั่วไทยเวียนเทียนสมโภชน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์

จังหวัดต่างๆ ประกอบพิธีเวียนเทียนสมโภชน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567

พฐ.สันนิษฐานไฟไหม้เยาวราช เกิดจากจุดธูปเทียนไหว้พระ

พฐ.ตรวจสอบบ้านต้นเพลิง เหตุไฟไหม้ชุมชนตรอกโพธิ์ ย่านเยาวราช เบื้องต้นสันนิษฐานสาเหตุจากจุดธูปเทียนไหว้พระ ขณะที่ผู้ว่าฯ กทม. ยืนยันรอบชุมชนมีประปาหัวแดง-ถังดับเพลิงเพียงพอ แต่เพลิงลุกไหม้เร็วมาก จนควบคุมไม่ทัน

ทร.นำกำลังพลฝึกซ้อมฝีพายเรือพระที่นั่งจริงทั้ง 4 ลำ ครั้งแรก

ทร.นำกำลังพลฝีพายขบวนเรือพยุหยาตราทางชลมารค ลงฝึกซ้อมกับเรือพระที่นั่งจริงทั้ง 4 ลำ เป็นครั้งแรก