รวบแก๊งกุมารจีน-เกาหลี แฝงตัวในไทยก่อคดี

กทม. 8 ธ.ค.-รอง ผบ.ตร. นำทีมแถลงผลงานรวบแก๊งกุมารจีน-เกาหลี หลังแฝงตัวในไทย ก่อคดีเป็นภัยต่อความมั่นคง บางรายมีหมายจับตำรวจสากล

พล.ต.อ.รอย อิงค์ไพโรจน์ รอง ผบ.ตร.แถลงรวบแก๊งชาวจีน เกาหลี หลังแฝงตัวในประเทศไทย ซึ่งเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ คดีแรก กก.1 บก.สส.สตม.รวบผู้ต้องหาแดนมังกรหนีคดีฉ้อโกง ผู้เสียหาย 7,704 ราย มูลค่าความเสียหาย 6 พันกว่าล้านบาท หลังกองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ประสานกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กรณีสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย มีหนังสือขอให้จับกุมและผลักดันนายเต๋อ (นามสมมติ) อายุ 49 ปี สัญชาติจีน ซึ่งเป็นบุคคลที่ทางการสาธารณรัฐประชาชนจีนได้ออกหมายจับและต้องการตัวไปดำเนินคดี ในความผิดฐานฉ้อโกง โดยมีพฤติการณ์กระทำผิด เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.2557 นายเต๋อ ได้จดทะเบียนและก่อตั้งบริษัท Jiahe โดยไม่มีการอนุมัติจากผู้กำกับดูแลการเงินฝากสาธารณะ นายเต๋อได้แนะนำโครงการลงทุน “Great Health Industry” แก่นักลงทุนโดยการออกใบปลิวของขวัญ การจัดกิจกรรมและทัวร์ฟรี จากนั้นได้ถอนเงินฝากสาธารณะไปอย่างผิดกฎหมาย เพื่อวัตถุประสงค์ของการทำกำไร ทำให้มีผู้เสียหายตกเป็นเหยื่อ จำนวน 7,704 ราย มูลค่าความเสียหาย 1.27 พันล้านหยวน (ประมาณ 6.35 พันล้านบาท) และในปี พ.ศ.2564 นายเต๋อ ได้หนีออกจากท่าอากาศยานนานาชาติประเทศจีน โดยเที่ยวบิน Shanghai-Pudong จากการตรวจสอบข้อมูลในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ตม. พบว่านายเต๋อ ได้เดินทางเข้ามาในประเทศไทย ทางด่าน ตม.ทอ.สุวรรณภูมิ บก.ตม.2 เมื่อวันที่ 23 พ.ย. 2564 ได้รับการตรวจลงตราประเภท THAILAND PRIVILEGE CARD (PE) และการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรยังไม่สิ้นสุด จึงได้ขออนุมัติ ผบก.สส.สตม. ดำเนินการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร เนื่องจากเป็นบุคคลซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐบาลต่างประเทศได้ออกหมายจับเข้าลักษณะต้องห้ามมิให้เข้ามาในราชอาณาจักรตามมาตรา 12 (7) แห่ง พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มีพฤติการณ์สมควรเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรตามมาตรา 36 แห่ง พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 ต่อมาเมื่อช่วงกลางเดือน พ.ย.สืบสวนทราบว่านายเต๋อ อาศัยอยู่ในพื้นที่ จ.ชลบุรี และกรุงเทพฯ และจะเดินทางมาที่อาคารรัฐประศาสนภักดี (อาคาร B) ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ จึงได้ดำเนินการติดตามหาตัวนายเต๋อ เมื่อพบตัวจึงได้แจ้งคำสั่งเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรให้ทราบ และนำตัวส่ง กก.3 บก.สส.สตม.เพื่อกักตัวรอการส่งกลับไปสาธารณรัฐประชาชนจีนต่อไป


สำหรับนายเต๋อ นอกจากเป็นบุคคลตามหมายจับของทางการสาธารณรัฐประชาชนจีนแล้ว นายเต๋อยังถูกจับกุมดำเนินคดีในความผิดฐาน เป็นบุคคลต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาต และเป็นบุคคลต่างด้าวถือครองที่ดินโดยผิดกฎหมาย เหตุเกิดท้องที่ สภ.เมืองพัทยา โดยอยู่ในระหว่างได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว

คดีที่ 2 กก.1 เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.บก.สส.สตม.รวบผู้ต้องหาชาวเกาหลี OVERSTAY มี INTERPOL Red Notice คดีร่วมกับพวกฉ้อโกง ความเสียหายรวมกว่า 1,600 ล้านบาท จับกุมนายเยจุน (นามสมมติ) อายุ 51 ปี สัญชาติเกาหลี โดยกล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางละมุง จ.ชลบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม บริเวณลานจอดรถของคอนโดมิเนียมย่าน ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี หลังกองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับหนังสือจากกงสุลฝ่ายตำรวจประจำสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลี ประจำประเทศไทย ประสานงานขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการผลักดันนายเยจุน (นามสมมติ) ผู้ต้องหาตามหมายจับสาธารณรัฐเกาหลีในคดีฉ้อโกง และเป็นบุคคลเป็นที่ต้องการตัวของทางการสาธารณรัฐเกาหลี ตามประกาศตำรวจสากลสีแดง (INTERPOL Red Notice) ที่ A-6937/8-2022 ลงวันที่ 19 ส.ค.2565 โดยมีพฤติการณ์ในการกระทำผิด กล่าวคือนายเยจุน ซึ่งมีตำแหน่งเป็นผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการเงินของกลุ่มบริษัทหนึ่งในสาธารณรัฐเกาหลี ในระหว่างเดือน พ.ย.2561 ถึงเดือน เม.ย.2563 ได้ร่วมกับพวก สมรู้ร่วมคิดในการยึดทรัพย์สิน จำนวนเงินรวม 491 พันล้านวอน จากบริษัท 5 แห่ง เช่น Kales Hoidings Inc. Chankhanee Invest Inc. โดยมีการโอนเงินดังกล่าวไปยังบัญชีธนาคารของผู้ต้องหาสำหรับวัตถุประสงค์ส่วนตัว และยังสมรู้ร่วมคิดกันโดยให้บริษัท Vivien Inc. เข้าซื้อหุ้นของบริษัท Infinity&T Inc จำนวน 11,307,150 หุ้น โดยราคาซื้อ 5,085 วอนต่อหุ้น รวมมูลค่าความเสียหายทั้งหมดกว่า 62,406 ล้านวอน หรือคิดเป็นเงินไทยกว่า 1,647 ล้านบาท แล้วหลบหนีเข้ามาอยู่ในประเทศไทย
กก.1 บก.สส.สตม.ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ สตม.พบว่านายเยจุน เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเมื่อวันที่ 4 ส.ค.2565 ได้รับการยกเว้นการตรวจลงตราประเภท ผ.ผ.90 ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรถึงวันที่ 1 พ.ย.2565 การได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรได้สิ้นสุดลงแล้ว โดยมีข้อมูลว่าพักอาศัยใน อ.บางละมุง จ.ชลบุรี จากนั้นได้ประสานงานกับ ตม.จว.ชลบุรี, กก.สส.บก.ตม.3 และ สภ.บางละมุง เพื่อออกสืบสวนติดตามหาตัวนายเยจุน ตามสถานที่ต่าง ๆ ในพื้นที่ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี จนสืบสวนทราบว่านายเยจุนได้พักอาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียมย่าน หมู่ที่ 6 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี จึงได้ไปตรวจสอบและได้พบผู้ถูกจับ ในเบื้องต้นนายเยจุน ไม่มีหนังสือเดินทางแสดงแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม เมื่อตรวจสอบข้อมูลกับระบบ Biometrics พบว่าการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรได้สิ้นสุดแล้ว และเป็นบุคคลคนเดียวกันกับที่ทางการเกาหลีใต้ต้องการตัว จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ถูกจับทราบว่าเป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด และจับกุมนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางละมุง จว.ชลบุรี ดำเนินคดี ตามกฎหมายต่อไป


คดีที่ 3 เมือวันที่ 7 ธ.ค.บก.สส.สตม.ร่วมกับชุด PCT ชุดที่ 1 ปฏิบัติการทลาย 4 จุด แก๊งคอลเซนเตอร์ สัญชาติเกาหลี เงินหมุนเวียนกว่า 50 ล้านบาท โดยบก.สส.สตม.พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปอส.ตร.(PCT) ชุดที่ 1 เปิดปฏิบัติการเข้าตรวจค้นบ้านและคอนโดหรู โดยใช้หมายค้นของศาลจังหวัดเชียงใหม่ เข้าค้นในพื้นที่อำเภอเมืองเชียงใหม่ อำเภอหางดง และ อำเภอสันกำแพง รวมจำนวน 4 จุด โดยเป็นบ้านหรูจำนวน 2 หลัง และคอนโด จำนวน 2 ห้อง ซึ่งจากการสืบสวนทราบว่าเป็นสถานที่ตั้งของกลุ่มคนเกาหลี ที่ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนในลักษณะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ผลการตรวจค้นได้ทำการจับกุมชาวเกาหลีใต้ จำนวน 5 ราย ประกอยด้วย นาย ลี จอง อายุ 21 ปี สัญชาติเกาหลีใต้ (ขอสงวนนามจริง) นาย ลี อายุ 44 ปี สัญชาติเกาหลีใต้ (ขอสงวนนามจริง)นาย จอง อายุ 27 ปี สัญชาติเกาหลีใต้ (ขอสงวนนามจริง) นาย โน อายุ 31 ปี สัญชาติเกาหลีใต้ (ขอสงวนนามจริง) และนาย ซัง อายุ 30 ปี สัญชาติเกาหลีใต้ (ขอสงวนนามจริง) พร้อมของกลาง คอมพิวเตอร์จำนวน 1 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ จำนวน 11 เครื่อง แทปเล็ต จำนวน 4 เครื่อง โทรศัพท์บ้าน จำนวน 7 เครื่อง โดยกล่าวหาว่า “เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด ”

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ ศปอส.ตร. (PCT) ชุดที่ 1 และบก.สส.สตม.ได้รับการประสานงานจากแผนกกงสุลฝ่ายตำรวจ สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลี ประจำประเทศไทย ขอความร่วมมือจับกุมบุคคลสัญชาติเกาหลีใต้ผู้มีหมายจับ มีพฤติการณ์จัดตั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพื่อหลอกบุคคลสัญชาติเกาหลี ซึ่งเคยเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์อยู่ที่ประเทศจีน ต่อมาได้หลบหนีเข้ามายังประเทศไทย แล้วมาตั้งฐานในการกระทำความผิดเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่จ.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงนำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านทั้งสองหลัง ผู้ถูกจับทั้ง 5 ราย ให้การรับสารภาพว่าเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่พากันหลบหนีจากประเทศจีน เพื่อมาตั้งฐานในประเทศไทย โดยมีการแบ่งหน้าที่กันทำ จากการตรวจสอบปรากฎรายการเบอร์โทรศัพท์สำหรับการสุ่มโทรมากกว่า 30,000 เบอร์ มีผู้เสียหายจำนวนหลายราย มูลค่าความเสียหายกว่า 50 ล้านบาท จึงได้ทำการจับกุมตัวพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน กก.สส.บก.ตม.5 เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.อ.รอย กล่าวว่า ตามนโยบายและข้อสั่งการ ของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ประกอบกับนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตนจึงได้มอบหมายให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศหรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือ ชาวต่างชาติโดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด จึงมีการระดมจับกุมผลักดันชาวต่างชาติ ที่เข้ามาในประเทศโดยผิดกฎหมาย มีผลการปฏิบัติการจับกุมเดือน ต.ค.- ธ.ค.กรณีคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด มีการระดมจับกุมอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือน ต.ค. มียอดจับกุม จำนวน 719 ราย เดือน พ.ย. มียอดจับกุม จำนวน 328 ราย และเดือน ธ.ค. มีการจับกุม จำนวน 144 ราย และผลการจับกุม กรณี คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง มีผลการจับกุมในเดือน ต.ค.จำนวน 1,357 ราย เดือนพ.ย.จำนวน 786 ราย และเดือน ธ.ค. 65 จำนวน 106 ราย.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Cambodia PM Hun Manet in military uniform

กัมพูชาเสนอศาลโลกตัดสินดินแดนพิพาทกับไทย

พนมเปญ 2 มิ.ย.- ผู้นำกัมพูชาเสนอให้นำข้อพิพาททางดินแดนกับไทยให้ศาลโลกตัดสิน และได้สั่งการให้เจบีซีเร่งจัดการหารือกับไทยเรื่องปักปันเขตแดน ด้านกระทรวงต่างประเทศกัมพูชาได้ยื่นหนังสือประท้วงไทยเรื่องเหตุปะทะที่มีทหารกัมพูชาเสียชีวิต เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ขแมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานวันนี้ว่า นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้โพสต์ถ้อยแถลงในสื่อสังคมออนไลน์เมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า เขาได้ตัดสินใจตามที่รับฟังรายงานสรุปจากนายทหารที่ประจำการตามแนวชายแดนไทย หลังจากที่เขากลับจากการปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ โดยได้สั่งการให้คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทยหรือเจบีซี (JBC) เร่งจัดการประชุมกับฝ่ายไทยเพื่อเดินหน้าการสำรวจและปักปันเขตแดนระหว่าง 2 ประเทศ ถ้อยแถลงระบุด้วยว่า กัมพูชากำลังเตรียมบรรจุประเด็นใหม่ไว้ในวาระการประชุมเจบีซี คือ การเสนอให้นำข้อพิพาทยาวนานเรื่องปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาเมือนควาย และพื้นที่มอมเบ เข้าสู่การตัดสินชี้ขาดของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลกที่กรุงเฮกในเนเธอร์แลนด์ นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเตือนว่า การยั่วยุเมื่อไม่นานมานี้ของกลุ่มสุดโต่งเล็ก ๆ ได้จุดชนวนความตึงเครียดและโหมกระพือกระแสรักชาติขึ้นใน 2 ประเทศ เขาหวังว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะสามารถทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุทางออกสุดท้ายให้แก่พื้นที่พิพาทอ่อนไหวเหล่านี้ กัมพูชายังคงมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาชายแดนด้วยกลไกทางเทคนิคและหลักการทางกฎหมาย แต่ก็สงวนสิทธิที่จะปกป้องบูรณภาพทางดินแดนด้วยทุกวิถีทาง รวมถึงการใช้อาวุธ หากมีความพยายามใช้กำลังทหารรุกรานดินแดนของกัมพูชา ด้านกระทรวงกิจการต่างประเทศและความร่วมมือสากลของกัมพูชาได้ยื่นหนังสือทางการทูตประท้วงไทย ซึ่งมีการเปิดเผยเนื้อหาเมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า กองทัพไทยเปิดฉากยิงทั้งที่ไม่มีการยั่วยุจากที่ตั้งทางทหารของกัมพูชาในหมู่บ้านเตโชมรกต อำเภอจอมกระสานต์ จังหวัดพระวิหารเมื่อราวเวลา 05.30 น.วันที่ 28 มีนาคม ส่งผลให้ทหารกัมพูชาถูกสังหารอย่างไม่เป็นธรรม 1 นาย และเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพทางดินแดนของกัมพูชา กระทรวงต่างประเทศของกัมพูชาขอประณามอย่างรุนแรงต่อการกระทำดังกล่าวว่า ผิดกฎหมาย รัฐบาลกัมพูชาเรียกร้องให้สอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยทันทีและถี่ถ้วน และต้องนำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษ.-814.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ กัมพูชา สั่งระดมทหารประชิดชายแดนไทย

1 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา สั่งระดมกำลังทหารประชิดชายแเดนไทย ขณะเดินทางเยือนญี่ปุ่น พร้อมติดตามสถานการณ์บริเวณชายแดนติดกับไทยอย่างใกล้ชิด หนังสือพิมพ์ขะแมร์ ไทมส์ รายงานว่า ฌอง-ฟรองซัว ตัน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ให้สัมภาษณ์สื่อในประเทศ ระบุว่านับตั้งแต่เกิดเหตุความขัดแย้งตามมแนวชายแดนระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา ซึ่งอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจเยือนญี่ปุ่น ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จนกระทั่งเดินทางกลับมายังกัมพูชา เมื่อคืนที่ผ่านมา และได้สั่งการด้วยตัวเองให้ระดมกำลังทหารเพิ่มเติมเข้าประชิดชายแดนด้านที่ติดกับไทย เพื่อปกป้องอธิปไตยและพรมแดนกัมพูชา พร้อมกับยืนยันว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนด้านที่ติดกับไทย กลับมาสงบเรียบร้อยตามปกติแล้ว นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ยังได้ติดต่อและสั่งการตามสายงานลงไปยังรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และเสนาธิการกองทัพบก ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และแจ้งความคืบหน้าให้ทราบอย่างต่อเนื่อง หลังเกิดการปะทะกันครั้งล่าสุดระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย พร้อมกับเรียกร้องประชาชนชาวกัมพูชาเชื่อมั่นการปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพและรัฐบาลกัมพูชา ในการปกป้องดินแดน และหาหนทางแก้ไขความขัดแย้งบริเวณชายแดนติดกับไทย โดยยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ และหลังจากนี้ คณะกรรมการพรมแดนของกัมพูชา มีกำหนดพบหารือในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับรายละเอียดข้อขัดแย้ง และนำเสนอเพื่อเข้าสู่การเจรจาต่อไป.-สำนักข่าวไทย

“โอปอล สุชาตา” คว้ามงกุฎ Miss World 2025

อินเดีย 1 มิ.ย.-“โอปอล สุชาตา” สาวงามตัวแทนจากไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎ Miss World 2025 มาครองได้สำเร็จ เวทีการประกวด Miss World 2025 ครั้งที่ 72 ณ HITEX Convention Center เมืองไฮเดอราบัด รัฐเตลังคานา ประเทศอินเดีย โดย “โอปอล สุชาตา ช่วงศรี” สาวงามตัวแทนจากประเทศไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎมิสเวิลด์มาครองได้สำเร็จ โดยการประกวดในปีนี้มีนางงามจาก 108 ประเทศทั่วโลก เข้าร่วม ทั้งนี้ในรอบ 8 คนสุดท้าย มีนางงามที่ผ่านเข้ารอบได้แก่ บราซิล มาร์ตินีก เอธิโอเปีย นามิเบีย โปแลนด์ ยูเครน ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย ซึ่งจนกระทั่ง รอบ 4 คนสุดสุดท้าย มาร์ตีนิก เอธิโอเปีย และ โปแลนด์ ทั้ง 4 […]

ข่าวแนะนำ

จุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล

นายกฯ เป็นประธานถวายเครื่องราชสักการะ-จุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี

สนามหลวง 3 มิ.ย.-นายกรัฐมนตรี และคู่สมรส เป็นประธานพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2568 เวลา 19. 49 น. ณ เวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายปิฎก สุขสวัสดิ์ คู่สมรส เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2568 โดยมีผู้แทนประธานรัฐสภา ประธานศาลฎีกา ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญพร้อมคู่สมรส คณะรัฐมนตรีพร้อมคู่สมรส ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทหาร ตำรวจ พลเรือน ภาคเอกชน และภาคประชาชน เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อนายกรัฐมนตรีและคู่สมรสเดินทางถึงพิธีท้องสนามหลวง ขึ้นสู่เวที นายกรัฐมนตรี ผู้แทนประธานรัฐสภา ประธานศาลฎีกา ทำวันทยหัตถ์หน้าพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี แล้ววางพุ่มทอง พุ่มเงิน จากนั้นนายกรัฐมนตรีถวายธูปเทียนแพ จุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล […]

ตรวจความพร้อมรบ

แม่ทัพภาค 1 ตรวจความพร้อมรบ พล.ร.9 พร้อมเสริมกำลังทัพภาค 2

กาญจนบุรี 3 มิ.ย.- แม่ทัพภาคที่ 1 ตรวจความพร้อมรบ พล.ร.9 กองกำลังสุรสีห์ ตามแผนเผชิญเหตุ ทบ. พร้อมเสริมกำลังทัพภาค 2 ชายแดนไทย-กัมพูชา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเย็นที่ผ่านมา ที่สนามฝึกทางยุทธวิธี พล.ร.9 จ.กาญจนบุรี พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาค 1 เดินทางไปตรวจความพร้อมหน่วย ตามแผนเผชิญเหตุของกองทัพบก ทั้งหน่วย กรมทหารราบเฉพาะกิจ กองทัพภาคที่ 1 และกองพันพร้อมรบเคลื่อนที่เร็ว RDF กองทัพภาคที่ 1 โดยมี พล.ต.อัษฎาวุธ ปันยารชุน ผบ.พล.ร.9 ให้ต้อนรับ พล.ร.9 ได้รับมอบหมายจากกองทัพบก ให้จัดกำลังเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติของกองทัพบก ในการใช้กำลังตามแผนเผชิญเหตุของกองทัพบก เข้าในพื้นที่ที่รับผิดชอบ และให้การสนับสนุนเสริมกำลังรบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่รับผิดชอบกองทัพภาคที่ 1 โดยหน่วยเตรียมกำลังได้ตรวจสภาพความพร้อมรบตามขั้นตอน เพื่อตรวจสอบความพร้อมของกำลังพลและยุทโธปกรณ์ในการปฏิบัติภารกิจในทุกพื้นที่ที่ได้รับมอบภารกิจจากกองทัพบก ทั้งนี้ แม่ทัพภาคที่ 1 ได้ให้โอวาสกำลังพล ในการเตรียมความพร้อมในทุกภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากกองทัพบก โดยขอให้มีความพร้อมอยู่ตลอดเวลา ในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ และพร้อมดูแลพี่น้องประชาชน […]

หลวงปู่ศิลา

“หลวงปู่ศิลา” มอบเงินบริจาคให้ มทภ.2 สนับสนุนภารกิจกองกำลังชายแดน

นครราชสีมา 3 มิ.ย.-“หลวงปู่ศิลา” มอบเงินบริจาคให้ มทภ.2 สร้างที่พักในฐานตามแนวชายแดน พร้อมอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ ในการดูแลประเทศชาติ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระราชวัชรธรรมโสภณ (หลวงปู่ศิลา สิริจันโท) เจ้าอาวาสวัดพระธาตุหมื่นหิน จ.กาฬสินธุ์ และคณะศิษย์และมูลนิธิธรรมะอุทยาน พร้อมทั้งคณะศิษยานุศิษย์ มอบเงินบริจาค จำนวน 2,017,860 บาท และข้าวสารจำนวน 1,500 กิโลกรัม ให้กับกองทัพภาคที่ 2 เพื่อสนับสนุนช่วยเหลือกองกำลังทหารชายแดน โดย พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นผู้รับมอบ ที่กองบัญชาการ ค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา สำหรับเงินทั้งหมดนี้ จะได้นำไปจัดสร้างที่พักในฐานที่มั่นของกองกำลังสุรนารี ที่ปฏิบัติภารกิจอยู่ตามแนวชายแดน รวมถึงจัดซื้ออุปกรณ์และยุทโธปกรณ์ต่างๆ ที่ยังขาดอยู่ ในการปกป้องอธิปไตยของประเทศ รวมถึงการจัดหาเครื่องมือต่างๆที่สามารถใช้ได้ภายในฐานปฏิบัติการเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับทหาร ที่ปฏิบัติภารกิจอยู่แถวชายแดน. -313 สำนักข่าวไทย

Thai drone illegally enters Cambodian airspace, intercepted by Cambodian troops

กัมพูชาอ้างสกัดโดรนที่ส่งจากฝั่งไทย

พนมเปญ 3 มิ.ย.- สื่อกัมพูชารายงานว่า ทหารกัมพูชาสกัดอากาศยานไร้คนขับหรือโดรนที่อ้างว่าส่งจากฝั่งไทยเข้าไปสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์รายงานวันนี้ว่า กองทัพไทยยังคงละเมิดดินแดนของกัมพูชา โดยล่าสุดได้ส่งโดรนไปบินเหนือพื้นที่แนวหน้าโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา และถูกกำลังพลกัมพูชาสกัดไว้ได้ แขมร์ไทมส์อ้างรายงานจากชายแดนว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 2 มิถุนายน ทหารกัมพูชาที่ประจำการอยู่บริเวณแนวหน้าในจังหวัดพระวิหารสามารถสกัดโดรนลำหนึ่งที่เข้ามาในน่านฟ้ากัมพูชาเพื่อวัตถุประสงค์ในการสอดแนม ผลการประเมินเบื้องต้นชี้ว่า โดรนลำนี้ถูกส่งโดยกองทัพไทย เพื่อเก็บข้อมูลข่าวกรองเรื่องการประจำการและการเคลื่อนย้ายกำลังพลของกองทัพกัมพูชา.-814.-สำนักข่าวไทย