กรุงเทพฯ 6 ธ.ค. – “สนธิญา สวัสดี” ร้อง ปปง. ตรวจสอบหมู่บ้านหรูย่านแบริ่ง-ลาซาล สมุทรปราการ หลังปรากฏข่าวนายทุนจีนใช้นอมินีกว้านซื้อบ้าน
นายสนธิญา สวัสดี เข้ายื่นเรื่องต่อเลขาธิการ ปปง. โดยมี ร.ต.อ.ไพรัช เทศพาณิชย์ ในฐานะโฆษกประจำสำนักงาน ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อแจ้งเบาะแส และขอให้มีการตรวจสอบข้อมูลของหมู่บ้านหรูแห่งหนึ่งในซอยลาซาล ตามที่ปรากฏเป็นข่าวว่า มีกลุ่มนายทุนจีนทำธุรกิจสีเทาเข้าไปกว้านซื้อบ้านมากกว่า 50 หลัง โดยทั้งโครงการมีทั้งหมด 66 หลัง ว่าเป็นความจริงหรือไม่ หากเป็นความจริงขอให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินของหมู่บ้านดังกล่าว ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับนายทุนสีเทา หรือไม่ รวมถึงตรวจสอบผู้ซื้อบ้านว่านำเงินมาจากไหนและเป็นนอมินีให้กลุ่มนายทุนจีนคนใด และเข้าข่ายความผิดฐานฟอกเงินหรือไม่
นายสนธิญา กล่าวว่า ติดตามเรื่องนี้มาตลอดและมีข้อสงสัยหลายอย่าง โดยเฉพาะการซื้อบ้านในโครงการดังกล่าว หากเป็นการซื้อด้วยเงินสด เงินนำมาจากไหนถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ หรือกรณีเป็นการซื้อแบบผ่อนชำระ ธนาคารปล่อยสินเชื่อให้มีการผ่อนที่มีคนไทยเข้าไปซื้อนั้น ใช้หลักการและเงื่อนไขอะไร เพราะหมู่บ้านดังกล่าวราคาต่ำสุด 30 ล้านบาท และแพงสุด 80 ล้านบาท และได้เปิดโครงการก่อสร้างเมื่อปี 2558 ก่อนมีการซื้อขายในปี 2560-2564 โดยเฉพาะช่วงปี 2562-2564 มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ขายโครงการได้แบบไม่มีปัญหา ซึ่งทั้งหมดล้วนเกี่ยวข้องกับการทำผิดเรื่องกฎหมายนอมินี, การฟอกเงิน รวมถึงกฎหมายภาษีรัษฎากร และกฎหมายอื่น ๆ
ส่วนของกฎหมายภาษีรัษฎากรนั้น เห็นว่ากระบวนการต่าง ๆ ที่มาซื้อหมู่บ้านมีมาเป็นลำดับเป็นเครือข่ายเป็นขบวนการ หากมีทุนจีนและนอมินีเข้าไปซื้อ ก็จะเข้าข่ายเป็นการทำธุรกรรมอันเป็นเท็จ จะต้องเข้าสู่กระบวนการพิจาณาของ ปปง.ที่ต้องตรวจสอบและยึดทรัพย์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น รวมถึงกระบวนการได้มาของเงินนั้นได้มาอย่างไรถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ต้องชี้แจงให้ได้ ซึ่งตนมองว่าการซื้อหมู่บ้านดังกล่าวยกโครงการมีมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท ทางเจ้าของโครงการจะต้องทราบที่มาที่ไปของเงิน จึงเห็นควรว่าต้องเรียกมาสอบ เพราะอาจเข้าข่ายทำกันเป็นขบวนการต้องมีการสืบสวนขยายผล พร้อมกันนี้จนเองจะไปยื่นหนังสือถึง กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ และกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย ที่มีหน้าที่ตรวจสอบโครงการหมู่บ้านนี้เช่นกันว่าเป็นเรื่องนอมินีที่ผิดกฎหมายหรือไม่ ย้ำว่าตนเองได้ติดตามกระบวนการซื้อขายมาตลอดและเห็นความไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น
นอกจากนี้ นายสนธิญา เตรียมจะยื่นเอกสารอีกส่วนให้กับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในจังหวัดสมุทรสาคร หลังพบว่ามีการเปิดเป็นนิคมอุตสาหกรรมและซื้อที่ดินที่ส่วนใหญ่เป็นนาเกลือไปแล้วกว่า 2พันไร่ และในจำนวนนี้มีการไปสร้างอ้อมครอบคลุมพื้นที่ที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์อีกกว่า 1พันไร่ และมีอดีตรัฐมนตรีท่านหนึ่งนั่งเฮลิคอปเตอร์ไปลงที่สมุทรสาครมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2-3รอบ และทราบจากผู้ประกอบการว่าส่วนหนึ่งของทุนที่ซื้อนั้นเป็นทุนของจีนเช่นกัน จึงต้องการให้ ปปง.พิจารณาวินิจฉัยและตรวจสอบเรื่องดังกล่าวด้วย
ด้านโฆษก ปปง. รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เป็นผู้แทนรับมอบหนังสือ พร้อมเปิดเผยว่าจะนำเรื่องดังกล่าวเสนอเลขาฯ ปปง.อีกครั้ง ซึ่งสื่อมวลชนได้พยายามสอบถามถึงหลักเกณฑ์ท้่วไปในกรณีต้องรายงานทางการเงินกับ ปปง.ว่ามีประเภทใดและจำนวนเงินเท่าไหร่บ้าง แต่โฆษกฯ ตอบสั้น ๆ ว่าไม่มีอำนาจในการให้ข้อมูลใดกับสื่อ.-สำนักข่าวไทย