กรุงเทพฯ 3 ธ.ค. – สืบนครบาลรวบ “มายด์ วรัญรภัสส์” เน็ตไอดอลชื่อดัง หลอกลงทุนทองคำผู้เสียหายทั่วประเทศ เจ้าตัวให้การปฏิเสธอ้างเป็นผู้เสียหาย
ชุดลาดตระเวนออนไลน์ บก.สส.บช.น. ได้รับแจ้งเรื่องความเดือนร้อนของประชาชนทางเพจ “สืบสวนนครบาล IDMB ” ให้ช่วยสืบสวนติดตามจับกุมตัวเน็ตไอดอลชื่อดังตระเวนก่อเหตุหลอกลงทุนทองคำโดยการชักชวนเหล่าผู้เสียหายทาง Facebook ซึ่งมีผู้หลงเชื่อเป็นจำนวนมากทั่วประเทศไทย มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 200 ล้านบาท ซึ่งจากการตรวจสอบเน็ตไอดอลชื่อดังรายนี้ มีประวัติก่อคดีร่วมกันมาหลายคดี และในปัจจุบันผู้ต้องหามีผู้ติดตามกว่า 200,000 คน โดยล่าสุด กก.6 บก.ป. บช.ก. ได้ขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับเน็ตไอดอลรายนี้และได้ประกาศสืบจับไปทั่วประเทศแล้ว
วันที่ 2 ธ.ค. 65 เวลาประมาณ 22.00 น. เจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมตัว น.ส.วรัญรภัสส์ หรือมายด์ อายุ 30 ปี ตามหมายจับศาลอาญาข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” จับกุมตัวได้ที่คอนโดแห่งหนึ่ง ถนนประชาราษฎร์ แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ จังหวัดกรุงเทพ
พฤติการณ์สืบเนื่องจากเมื่อปี พ.ศ.2561 น.ส.วรัญรภัสส์ กับพวก ได้ร่วมกันหลอกลวงประชาชน โดยตระเวนโฆษณาผ่านสื่อออนไลน์ FACEBOOK ชักชวนประชาชนทั่วไป มาร่วมลงทุนซื้อขายทองคำแท่ง โดยกล่าวอ้างว่ามีทองคำแท่งที่ราคาต่ำกว่าราคาตลาด แล้วมีการขายเอากำไรเป็นทอดๆ ซึ่งช่วงแรกได้กำไรจากเงินส่วนต่างจริง หลังจากนั้นเมื่อเหล่าผู้เสียหายเชื่อใจ ใช้อุบายหลอกลวงเพื่อให้ผู้เสียหายระดมเงินมาลงทุนก้อนใหญ่ ซึ่งจากนั้นก็ไม่ได้รับทองคำหรือกำไรตามที่แจ้ง ซึ่งคดีนี้มีผู้เสียหายทั่วประเทศ มีการแจ้งความดำเนินคดีไว้หลายแห่ง โดยในปัจจุบัน น.ส.วรัญรภัสส์ ได้กลายมาเป็น “เน็ตไอดอลชื่อดัง” มีผู้ติดตามกว่า 200,000 คน
ในชั้นจับกุม น.ส.วรัญรภัสส์ ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “ยอมรับว่าปัจจุบันตนเองทำงานเป็นโมเดลลิ่ง และเป็นบุคคลมีเชื่อเสียงในโลกโซเชียล โดยในตอนเกิดเหตุช่วงปี 2561 นั้น ตนเองก็เป็นผู้เสียหายเช่นเดียวกัน โดยตนเองมีหน้าที่ชักชวนให้เหล่าผู้เสียหายมาลงทุน และยังมีหน้าที่รับเงินจากเหล่าผู้เสียหายก่อนจะโอนไปให้กับ “หัวหน้าขบวนการ” โดยตนเองจะหักกำไรไว้บางส่วน จึงทำให้ตนเองถูกดำเนินคดี และตลอด 4 ปี ที่ผ่านมา มีการเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาและขึ้นศาลหลายแห่ง ส่วนหัวหน้าขบวนการนั้นได้ถูกจับกุมไปแล้ว แต่ไม่ได้ชดใช้เงินให้กับเหล่าผู้เสียหายยอมติดคุก”
หลังจากชุดลาดตระเวนออนไลน์ของ บก.สส.บช.น. ร่วมกับชุด PCT5 นำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.6 บก.ป. แล้วจะสอบสวนขยายผลต่อไป .-สำนักข่าวไทย