กรุงเทพฯ 2 ธ.ค. – “บิ๊กโจ๊ก” ประชุมพนักงานสอบสวนคดี “จินหลิง” เผยสำนวนคดีคืบหน้าแล้ว 60% คาดสรุปสำนวนได้ทันตามกรอบกฎหมาย ขณะเดียวกันเร่งตาม นอมินี “ตู้ห่าว” อีก 3 คน หากได้ตัวจะชัดเจนเรื่องทรัพย์สินและเงินสด
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ตัวแทนจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และตัวแทนเจ้าพนักงานอัยการ ร่วมประชุมพนักงานสืบสวนสอบสวน ที่รับผิดชอบการสอบสวนคดีการลักลอบจำหน่ายยาเสพติดในสถานบันเทิงจินหลิง ย่านยานนาวา
รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า วันนี้เป็นการประชุมร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องครั้งแรก ในการนำข้อมูลพยานหลักฐานต่าง ๆ ที่ตรวจค้นได้ยึดได้จากหลายจุดมาเข้าสู่สำนวนการสอบสวนคดี เพื่อกำหนดแนวทางการสอบปากคำและไล่เส้นทางการเงินเส้นทางทางโทรศัพท์ ว่าจะเชื่อมโยงไปถึงกลุ่มบุคคลที่ร่วมกระทำความผิดอื่นอีกหรือไม่ ซึ่งสำนวนมีความคืบหน้าไป 60% แล้ว ขณะที่การสืบสวนเดินหน้าไป 90% ส่วนทรัพย์สิน ที่ยึดได้นั้น มอบหมายให้เป็นหน้าที่ของ ป.ป.ส. เพื่อใช้อำนาจดำเนินคดีฐานสมทบ และบังคับใช้กฎหมายการฟอกเงิน ดังนั้น คาดว่าจะเร่งสรุปสำนวนคดีเพื่อส่งให้พนักงานอัยการได้ในเร็ววันนี้
ขณะที่ในกลุ่มของผู้ต้องหาที่ถูกจับได้ 102 คน แบ่งเป็นการดำเนินคดี ได้ดังนี้ คือความผิดฐานสมคบจำหน่ายยาเสพติด เฮโรอีน และยาบ้า ความผิดฐาน นอมินี ถือครองทรัพย์สินแทนบุคคลต่างชาติ และความผิดที่เกี่ยวข้องกับการสวมบัตรประชาชนส่วนความผิดที่นายโทนี่ ตำรวจดำเนินคดี, ฐานความผิดเป็นนอมินี ให้คนอื่นถือครองทรัพย์สินแทน ส่วนความผิดอื่นยังไม่ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม
ส่วนการขยายผลความเชื่อมโยงผู้ที่เกี่ยวข้องกับนายชัยณัฐร์กรณ์ หรือตู้ห่าว ตำรวจออกหมายเรียกเพิ่มเติม 3 คน คือ พัชรินทร์ ที่ยังหลบหนีในประเทศไทย /สุชาดา และอดีตนายตำรวจระดับสารวัตรคนหนึ่ง ซึ่งทั้ง 3 คน ตำรวจมีข้อมูลว่าร่วมกันเป็นกรรมการบริษัทที่มีนายตู้ห่าวเป็นประธาน ดังนั้น หากสามารถควบคุมตัวทั้ง 3 คนได้เชื่อว่าจะพบทรัพย์สินที่เป็นเงินสดอีกจำนวนมาก เนื่องจากตำรวจ ตั้งข้อสังเกตว่าเงินสดที่ยึดได้จากนายตู้ห่าว มีเพียงแค่หลักแสนบาท จึงเป็นไปไม่ได้ที่นักธุรกิจระดับนี้จะมีเงินสดอยู่ในบัญชีแค่กว่า 100,000 บาท
ขณะที่การรวบรวมพยานหลักฐานที่เก็บได้จากเครื่องบินใน อ.บ่อฝ้าย จ.ประจวบคีรีขันธ์ อยู่ระหว่างส่งให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ตรวจสอบเกี่ยวกับยาเสพติด DNA และรอยนิ้วมือแฝง เนื่องจากขณะตรวจค้นสุนัขที่มีความเชี่ยวชาญด้านการดมสารเสพติด มีพฤติกรรมที่แสดงออกชัดเจน ซึ่งพนักงานสอบสวนสอบปากคำกัปตัน ที่มีชื่อเป็นผู้ขับเครื่องบินดังกล่าวแล้ว โดยกัปตันให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เปิดเผยข้อมูลของบุคคลที่ใช้เครื่องบิน ซึ่งเป็นไปตามที่มีเอกสารหลักฐานยืนยันไว้ชัดเจนก่อนหน้านี้ แต่ในส่วนของรายละเอียดว่ามีการใช้สารเสพติดบนเครื่องบินหรือไม่ กัปตันไม่ได้ยืนยันในส่วนนี้. -สำนักข่าวไทย