กทม. 15 พ.ย.- เลขา ป.ป.ส.เตรียมเรียกประชุมผู้ประกอบการขนส่งเอกชน จัดระเบียบป้องกันการลักลอบขนส่งยาเสพติดผ่านโลจิสติกส์ ต้องแสดงบัตรประชาชน ทั้งผู้ส่งและผู้รับสินค้า หากพบยาเสพติดผ่านบริษัทขนส่ง ปรับ 5 หมื่นบาท
นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. เปิดเผยถึงมาตรการป้องกัน การแพร่ระบาดของยาเสพติด โดยเฉพาะการขนส่งผ่านระบบโลจิสติกส์ ผ่านพัสดุภัณฑ์ของบริษัทต่างๆ หลังจากก่อนหน้านี้พบมีแนวโน้มสูงขึ้น เนื่องจากค่าขนส่งราคาถูกและขนส่งได้ครั้งละจำนวนมาก อีกทั้งยังมีความปลอดภัยสูงอีกด้วย จากที่เคยถูกจับได้ พบว่าการขนส่งยาบ้า 360,000 เม็ด ผ่านบริษัทขนส่งเอกชนแห่งหนึ่ง เสียค่าส่งเพียง 660 บาทเท่านั้น และในวันที่ 23 พฤศจิกายนนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเปิดประชุมปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติดและจะออกกฎระเบียบในเรื่องดังกล่าวให้เข้มงวดขึ้น โดยหลังจากนี้จะเรียกผู้ประกอบการขนส่งเอกชนทุกบริษัทมารับทราบแนวทางการปฏิบัติการรับส่งพัสดุภัณฑ์ โดยจะให้ผู้ส่งและผู้รับแสดงตัวด้วยบัตรประชาชน ก่อนที่จะรับส่งสินค้า รวมบริษัทที่รับส่ง จะต้องติดกล้องวงจรปิด ขณะที่ลูกค้าเข้ามาส่งสินค้า รวมถึงจะต้องเก็บข้อมูลการส่ง เป็นระยะเวลา 120 วัน อีกทั้งที่ผ่านมา ยังพบว่ากลุ่มผู้ค้ายาเสพติดแฝงตัวเข้ามาเป็นพนักงสนบริษัทขนส่งและรับยาเสพติดไปส่งปลายทาง ทำให้การออกมารตรการในครั้งนี้จะให้บริษัทต่างๆ เข้มงวดและตรวจสอบประวัติพนักงานห้ามข้องเกี่ยวกับยาเสพติดโดยเด็ดขาด
เลขาธิการ ป.ป.ส. ยังกล่าวอีกว่า หากผู้ประกอบการฝ่าฝืน และปล่อยประให้มีการขนส่งยาเสพติดผ่านบริษัทของตนเอง จะมีโทษปรับ 50,000 บาทต่อครั้ง และหากยังกระทำผิดซ้ำก็จะพิจารณาโทษทางอาญา หรือ เพิกถอนใบอนุญาต และที่ผ่านพบการลักลอบขนส่งยาเสพติดผ่านพัสดุโดยการซุกซ่อนไว้ในเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องสำอาง และสินค้าประเภทอื่นๆ อีกหลายชนิด หากผู้ประกอบการได้รับแจ้งจากลูกค้าว่าได้ส่งสินค้าชนิดใด แล้วพนักงานสงสัยจะต้องนำสินค้านั้นไปเปรียบเทียบน้ำหนักจากความเป็นจริง หากต้องสงสัยจะต้องตรวจสอบทันที ว่าเป็นผิดกฎหมายหรือใม่
ส่วนกรณีที่ราคายาบ้าถูกลง นายวิชัย ได้บอกว่า เป็นผลมาจากราคาต้นทุนจากโรงงานผลิตยาบ้า อยู่ที่เม็ดละ 50 สตางค์ ทำให้ราคาขายเหลือเม็ดละไม่ถึง 10 บาท แต่ก็เห็นว่า ราคายาเสพติดที่ถูกลงจะทำให้ผู้ขายลดน้อยลงไปด้วย เนื่องจากมีความเสี่ยงสูง หากถูกจับกุมจะไม่คุ้มกับกำไรที่ได้ ส่วนกรณีที่มีข่าวรายวันคนคลุ้มคลั่งจากการเสพยาบ้า ได้ชี้แจงว่า ได้จำแนก กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับนาเสพติด มี 3 ส่วน ส่วนแรก คือ ผู้ใช้ทั่วไป (เสพเป็นครั้งคราว) คิดเป็น ร้อยละ10 ส่วนที่ 2 ผู้เสพ ร้อยละ 60 และผู้ติด ร้อยละ 30 และในจำนวนนี้ มีเพียงร้อยละ 5 ที่มีอาการทางจิตเวช ที่ต้องเฝ้าระวังในการไปทำร้ายผู้อื่น
ขณะที่ล่าสุด กรมโรงงานอุตสาหกรรมมีคำสั่งไม่อนุญาตให้นำเข้าและส่งออกสารเคมีโซเดียไซยาไนท์และเบนซินคอลไรด์ ที่เป็นสารตั้งต้นของการผลิตยาเสพติด เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เนื่องจาก ก่อนหน้านี้พบว่า มีการนำเข้าและส่งออกไปประเทศเพื่อบ้านผ่านประเทศไทย โดยไม่ตรวจสอบบริษัทปลายทางว่ารับสารเคมีดังกล่าวไปประกอบกิจการผิดประเภทหรือไม่ .-สำนักข่าวไทย