กรุงเทพฯ 11 พ.ย.- ทนายความนักธุรกิจโลจิสติกส์ แจงปมสาวร้องถูกบังคับร่วมหลับนอนแบบ 1 ชาย 2 หญิง เป็นความสมัครใจของทุกฝ่าย ไม่มีการบังคับ เชื่อปัญหาที่เกิดขึ้นเหมือนปัญหาภายในครอบครัว แก้ไขได้ด้วยการเจรจาไกล่เกลี่ย
นายเอกสิทธิ์ ศรีสังข์ ทนายความส่วนตัวของนักธุรกิจด้านโลจิสติกส์ ที่ถูกกล่าวหาจากสาวอายุ 32 ปี ว่าบังคับให้ทำสัญญาทาส บังคับอยู่กินและมีความสัมพันธ์แบบ 3 คนผัวเมีย ชาย 1 หญิง 2 ได้เปิดเผยข้อเท็จจริงในส่วนของผู้ถูกกล่าวหาว่า แท้จริงแล้วเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความสมัครใจของคน 3 คน เพื่อแก้ปัญหาภายในครอบครัว โดยฝ่ายสาวผู้ร้องมีความสัมพันธ์กับภรรยาของลูกความมานานถึง 5-6 ปี ได้รับทรัพย์สิน ทั้งเงินสด ของมีค่าไปจำนวนมาก เคยถูกจับได้ก็เลิก แล้วก็กลับมาคบกันใหม่ สุดท้ายลูกความจึงตัดสินใจแก้ปัญหาด้วยการชวนมาใช้ชีวิตครอบครัวด้วย ซึ่งตลอด 2-3 เดือน ที่คน 3 คน มาใช้ชีวิตอยู่กินกันก็มีหลักฐานทั้งคลิปวิดีโอ บทสนทนาผ่านไลน์ ภาพถ่ายในอริยาบทผ่อนคลาย ไม่ได้มีอากัปกิริยา แสดงไปในทางว่าสาวคนนี้ถูกบังคับ และสัญญาดังกล่าวก็นำมายืนยันเรื่องราวในตัวเองชัดเจนอยู่แล้วว่าเป็นความสมัครใจของทุกฝ่าย ไม่มีการบังคับข่มขืนฝ่ายผู้ร้องแต่อย่างใด
ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นน่าจะมาจากปัญหาการใช้ชีวิตครอบครัว เพราะขนาดชายหญิง 2 คน มาใช้ชีวิตร่วมกันยังมีปัญหาทะเลาะกัน แต่กรณีนี้มีถึง 3 คน ปัญหาย่อมเกิดขึ้นได้เป็นธรรมดา ขณะที่ผู้ร้องอาจต้องการปลีกตัวออกจากวงความสัมพันธ์นี้ แต่ลูกความของตัวเองคงมองว่ายังมีความเป็นไปได้ในการปรับตัว ก็เหมือนคนตามง้อกัน ซึ่งส่วนตัวคาดว่าจะจบได้ด้วยการพูดคุยไกล่เกลี่ย เจรจากันได้
ส่วนตัวสัญญาที่คนทั้งสามทำขึ้นนั้น พิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นนิติกรรมโมฆะในเงื่อนไขบางข้อ บางข้อก็ยังสามารถบังคับได้ตามกฎหมาย
นายเอกสิทธิ์ ยังกล่าวด้วยว่า ในการจัดการความสัมพันธ์ในครอบครัวนั้น ควรยึดหลักผัวเดียว เมียเดียว ดีที่สุด เพราะถ้าไม่มีเรื่องชู้สาวก็จะไม่เกิดปัญหานี้ขึ้น ถ้าคนทั้งชาย หรือหญิง จะเลือกเป็นคนเจ้าชู้ ก็ไม่ควรมีสามี ภรรยา อย่างตัวเองเลือกที่จะเป็นโสดก็มีความสุขดี.-สำนักข่าวไทย