ผบ.ตร.ตรวจศูนย์ฯ สิริกิติ์ มั่นใจพร้อมรักษาความปลอดภัยเอเปค

ศูนย์ฯ สิริกิติ์ 9 พ.ย.- ผบ.ตร.ตรวจความพร้อมมาตรการรักษาความปลอดภัย ในการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปค 2022 ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ มั่นใจมีประสิทธิภาพพร้อมเกือบ 100% ใช้กำลังตำรวจเกือบ 30,000 นาย ดูแลความสงบเรียบร้อย กทม.-ปริมณฑล


พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมคณะ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมและตรวจความพร้อมมาตรการรักษาความปลอดภัยและการจราจร สถานที่จัดการประชุมผู้นำ APEC 2022 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้มาตรการการดูแลรักษาความปลอดภัยโดยรอบพื้นที่การประชุมมีประสิทธิภาพมากกว่า 80% แล้วแต่ยังมีบางส่วนที่ยังต้องเก็บรายละเอียดเพิ่มเติมและซักซ้อม คาดสมบูรณ์ 100% ก่อนถึงวันจริงแน่นอน


ด้านการข่าวขณะนี้ยังไม่อยู่ในสถานการณ์น่ากังวล แต่เก็ไม่ประมาท มีการติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ รวมถึงกลุ่มที่อาจก่อเหตุความรุนแรงได้เฝ้าจับตาใกล้ชิด พร้อมนำบทเรียนที่เคยเกิดเหตุความไม่สงบเมื่อปี 2562 มาถอดบทเรียนในการดูแลความปลอดภัยในการประชุมครั้งนี้

ส่วนการจัดวางกำลังดูแลมีการเรียกกำลังพลตำรวจจากทั่วประเทศเกือบ 30,000 นาย เข้ามาดูแลความสงบเรียบร้อยในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล และมีทหารสนธิกำลังร่วมปฏิบัติการอีก 2,000 นาย

สำหรับศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งเป็นสถานที่จัดการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปค ใช้กำลังพลประมาณ 3,000 นาย ดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกทั้งด้านจราจรและด้านความมั่นคง ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการซ้อมแผนเผชิญเหตุ ทั้งตรวจพิสูจน์วัตถุต้องสงสัย การเก็บกู้วัตถุระเบิด ตรวจจับโดรนผิดกฎหมายรวมถึงตรวจอาวุธก่อนเข้างาน สำหรับบริเวณจุดสูงข่มจะวางกำลังทั้งในและนอกเครื่องแบบไว้โดยรอบ เช่นเดียวกับที่พักและเส้นทางการเดินทางของผู้นำที่เข้าร่วมประชุมก็จะมีการดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวด


พร้อมขอความร่วมมือประชาชนซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากการจราจร หากไม่มีความจำเป็นให้หลีกเลี่ยงใช้เส้นทางโดยรอบที่จัดประชุม ระหว่างวันที่ 16-19 พฤศจิกายนนี้

ในครั้งนี้มีการสาธิตตรวจหาวัตถุต้องสงสัยรอบพื้นที่การจัดประชุม สาธิตการปฏิบัติการรับแจ้งเหตุ การตอบสนองต่อเหตุ การปฏิบัติของชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด หรือ EOD การตรวจวัตถุต้องสงสัยของสุนัขตำรวจหน่วย K-9 ปฏิบัติการร่วมกับการหุ่นยนต์เคลื่อนย้ายวัตถุ ในกรณี K-9 ตรวจพบเป็นวัตถุระเบิด เจ้าหน้าที่จะใช้รถหุ่นยนต์บังคับเข้าเก็บกู้วัตถุระเบิด โดยจะมีการส่งรถยนต์บังคับขนาดเล็กเข้าไปยิงตัดสัญญาณก่อน จากนั้นจะใช้คันใหญ่เข้าเคลื่อนย้ายวัถตุระเบิด ซึ่งจะมีรถบอมบ์แท็งก์ หรือรถทำลายวัตถุระเบิด รอรับอยู่ ซึ่งคันนี้มีประสิทธิภาพรองรับระเบิดน้ำหนัก 1 .5 กิโลกรัม

ส่วนความปลอดภัยทางอากาศ ชุด Anti-Drone ปฏิบัติการต่อต้านอากาศยานไร้คนขับ จะดูแลหากตรวจพบโดรนบินเข้ามาในพื้นที่จัดประชุม เรดาร์จะตรวจจับและตัดสัญญาณทันที พร้อมผลักดันให้โดรนออกนอกพื้นที่ ทั้งนี้ ได้ร่วมหารือกับการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย กำหนดเขตพื้นที่ห้ามบินอากาศยานในพื้นที่ กทม. ตั้งแต่วันที่ 16-21 พฤศจิกายนนี้.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตึกถล่มพบเสียชีวิตเพิ่ม

พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 5 ราย ทีมกู้ภัยเร่งกู้ร่าง

พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 5 ราย ในพื้นที่โซน B และโซน C มีซากอาคารถล่มทับร่างอยู่ ทีมกู้ภัยเร่งกู้ร่างและค้นหาผู้สูญหายใต้ซากอาคารต่อเนื่อง

ชายวัย 50 ไหว้ขอโทษ ไม่มีเจตนากุเรื่องเมียท้อง 4 เดือน ติดใต้ซากตึก สตง.

ชายวัย 50 ปี ยกมือไหว้ขอโทษ ไม่มีเจตนากุเรื่องภรรยาท้อง 4 เดือน ติดใต้ซากอาคาร สตง.ถล่ม ด้านรอง ผบช.น. เตือนอย่าใช้โอกาสที่มีผู้ประสบเหตุสร้างความสงสารหลอกเอาทรัพย์สิน มีความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน

ออกแล้ว! ผลตรวจเหล็ก 28 ชิ้น ตึก สตง.ถล่ม พบไม่ได้มาตรฐาน 13 ชิ้น

ผลตรวจตัวอย่างเหล็ก 28 ชิ้น ตึก สตง.ถล่มจากแผ่นดินไหว พบได้มาตรฐาน 15 ชิ้น ไม่ได้มาตรฐาน 13 ชิ้น ยังไม่สรุปเป็นสาเหตุตึกถล่ม ชี้ต้องดูหลายองค์ประกอบ

ข่าวแนะนำ

พ่อขอของขวัญวันเกิดให้ลูกชายรอดชีวิตจากตึก สตง.ถล่ม

พ่อของหนุ่มขอนแก่น วัย 35 ปี หนึ่งในผู้สูญหายจากอาคาร สตง.ถล่ม ขอของขวัญวันเกิดให้ลูกชายรอดชีวิต ส่วนหนุ่มช่างประปา วัย 32 ปี เหยื่อตึก สตง.ถล่ม เผาแล้ว แม่ยังทำใจไม่ได้ สะอื้นไห้หน้าเมรุ

“ชัชชาติ” เผยเตรียมกู้ 5 ร่างที่พบ-ขนย้ายชิ้นส่วนอาคารแล้ว 100 ตัน

ผู้ว่าฯ กทม. เผยเตรียมกู้ 5 ร่าง จาก 14 ร่างที่พบ ขนย้ายชิ้นส่วนอาคารแล้ว 100 ตัน ยันไม่ขีดเส้นตายหยุดช่วยเหลือ ปรับแผนเพิ่มการรื้อถอนด้วยเครื่องจักรหนักควบคู่ไปมากขึ้น