กรุงเทพฯ 7 พ.ย. – ศาลสั่งจำคุก 6 ปี ปรับ 202,000 บาท หมอเมาซิ่งรถหรู ชนเก๋ง ดับ 2 สาหัส 1 ให้การสารภาพเป็นประโยชน์ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือคุก 3 ปี ปรับ 101,000 บาท โทษจำคุกรอลงอาญา 2 ปี ลูกชายผู้ตายเตรียมยื่นอุทธรณ์
ศาลนัดฟังคำพิพากษา คดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญาธนบุรี 4 โจทก์ และ น.ส.ผ่องเพชร สิริอิสสระนันท์ ที่ 1 กับพวกรวม 4 คน เป็นโจทก์ร่วมกันยื่นฟ้อง ร.ต.อ.นพ.ภาณุรักษ์ รัตนไพศร เป็นจำเลยในความผิดฐานขับรถขณะเมาสุรา และโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและได้รับอันตรายสาหัส ขับรถเร็วกว่าที่กฎหมายกำหนดและขับรถที่มีไว้เพื่อขายหรือเพื่อซ่อมในเวลาต้องห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291, 300 พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522
โดยอัยการโจทก์ระบุฟ้องพฤติการณ์ ความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 29 ส.ค.64 เวลากลางคืน จำเลยได้ขับรถปอร์เช่ ป้ายแดง ไปตาม ถ.ราชพฤกษ์ แขวงบางจาก เขตภาษีเจริญ ขณะเมาสุราโดยมีปริมาณแอลกอฮอล์เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และขับรถความเร็วเกินกว่า 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงที่กฎหมายกำหนด จนเกิดพุ่งชนท้ายรถยนต์ฮอนด้าซีวิคได้รับความเสียหายอย่างมาก ผู้โดยสารในรถยนต์ซีวิค 2 คน ชาย-หญิง ได้รับอันตรายจนถึงแก่ความตาย และหญิงที่ขับขี่รถยนต์ซีวิคคันดังกล่าวได้รับอันตรายสาหัส
ภายหลัง ลูกชายผู้เสียชีวิต กล่าวว่า คดีนี้ศาลได้พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย ในความผิดฐานขับรถขณะเมาสุรา และโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและได้รับอันตรายสาหัส เป็นเวลา 6 ปี ปรับ 202,000 บาท จำเลยรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 3 ปี ปรับ 101,000 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี
ทั้งนี้ตนน่าจะยื่นอุทธรณ์คดีขอให้ศาลเพิ่มโทษจำคุกและไม่รอการลงโทษเพราะเห็นว่าฝ่ายจำเลยไม่ได้รู้ในการกระทำโดยมารับสารภาพในการสืบพยานชั้นศาล แต่ก่อนหน้านี้ให้การปฏิเสธมาโดยตลอด ส่วนเรื่องค่าเสียหาย ทางจำเลยวางเงินค่าสินไหมทดแทนสำหรับครอบครัวตนที่ศาลเป็นเงิน 1.5 ล้านบาท สำหรับการเสียชีวิตของพ่อตนเเละ 1 ล้านบาท สำหรับผู้บาดเจ็บสาหัส ซึ่งเป็นน้องสาว รวมกันราคาสองชีวิตยังไม่ถึงครึ่งของมูลค่ารถปอร์เช่ที่ผู้ก่อเหตุขับชน
ด้าน น.ส.ผ่องเพชร ผู้ได้รับบาดเจ็บ กล่าวว่า หลังได้รับอุบัติเหตุมาจนถึงตอนนี้เป็นเวลา 1 ปีกว่าแล้ว ก็ยังรักษาไม่หายเป็นปกติ ด้านคดีรู้สึกว่าค่อยได้รับความเป็นธรรม กฎหมายบ้านเราลงโทษคดีเมาแล้วขับสถานเบาไม่เหมือนต่างประเทศ ทำให้เกิดคดีแบบนี้ซ้ำๆ .-สำนักข่าวไทย